ใบถงทวีปและฝูเหยาทวีปคือตัวอย่างของด้านกลับ แจกันสมบัติทวีปคือตัวอย่างของด้านตรง เกราะทองทวีปที่เคยรวบรวมกองกำลังเกือบครึ่งทวีปทุ่มชีวิตสู้รบกับเผ่าปีศาจถือว่าอยู่ตรงกลาง หากไม่เป็นเพราะขอบเขตบินทะยานเฒ่าอย่างหวานเหยียนเหล่าจิ่งหันหอกแว้งเข้าหาคนกันเองอย่างฉับพลัน ทางทิศเหนือของเกราะทองทวีปก็จะต้องพิทักษ์แผ่นดินไว้ได้อีกหลายปี ดังนั้นพวกตระกูลเซียนใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ทางทิศใต้ของธวัลทวีปที่เดือดร้อนติดร่างแหไปด้วย ทุกวันนี้จึงเคียดแค้นผู้ฝึกตนในสำนักของหวานเหยียนเหล่าจิ่งถึงขั้นที่เจอหนึ่งคนก็อยากฆ่าให้ตายหนึ่งคน หากไม่เป็นเพราะมีวิญญูชนลัทธิขงจื๊อสองท่านนั่งพิทักษ์ภูเขาแห่งนั้น เกรงว่าทุกวันศาลบรรพจารย์คงต้องโดนเวทคาถากระแทกเข้าใส่หลายบทแล้ว
แต่อันที่จริงหากไม่นับรวมหวานเหยียนเหล่าจิ่ง สำนักแห่งนั้นที่นับตั้งแต่บรรพจารย์ไปจนถึงผู้สืบทอดและไปจนถึงผู้ฝึกตนทั่วไป ท่ามกลางการเข่นฆ่าครั้งนั้น พวกเขาล้วนเป็นหน่วยกล้าตายที่ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ไม่มีความขลาดกลัวในการสู้รบแม้แต่น้อย
หลักการเหตุผลข้อนี้จะนับกันอย่างไร ใจคนเรื่องนี้จะนับกันอย่างไร?
ทางทิศใต้ของธวัลทวีป ตระกูลเซียนบนภูเขาหรือตระกูลชนชั้นสูงล่างภูเขาที่ออกแรงไม่มาก หรือถึงขั้นที่ว่าไม่ได้ออกแรงใดๆ เลย ด้านหนึ่งก็โล่งใจเหมือนยกหินออกจากอก แอบดีใจอยู่กับตัวเอง ด้านหนึ่งก็ผรุสวาทด่าเจ้าโจรเฒ่าหวานเหยียนว่าคานบนไม่ตรงคานล่างเอียง จะต้องเป็นรังงูพิษยกรังแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจยังมีกากเดนของเปลี่ยวร้างซ่อนตัวอยู่ ศาลบุ๋นจำเป็นต้องตรวจสอบให้กระจ่างชัด พลิกค้นให้ทั่ว ยอมฆ่าผิดตัวแต่อย่ายอมปล่อยผิดคนเด็ดขาด
นี่ก็คือความยุ่งยากของใจคนในใต้หล้าไพศาล คุณธรรมสูงเกินไป ชอบยึดครองเหตุผลหลักการทั้งหมดมาไว้ผู้เดียว เชี่ยวชาญการใช้หนึ่งพิฆาตร้อย
แต่รอกระทั่งเฉินผิงอันเดินก้าวออกไป แน่นอนว่าฮว่อหลงเจินเหรินย่อมต้องเปลี่ยนความคิด ไม่ใช่แค่เพียงเพราะเจินเหรินผู้เฒ่ามีความสัมพันธ์ควันธูปอยู่กับคนหนุ่มเท่านั้น
แต่เป็นเพราะสงครามครั้งนั้นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ต่อสู้กันมาอย่างไร ขั้นตอนคร่าวๆ และผลลัพธ์ในท้ายที่สุด ฮว่อหลงเจินเหรินล้วนเห็นอยู่ในสายตา ไม่อย่างนั้นหากท้ารบส่งเดช ใจคนก็ยังคงกระจัดกระจายเหมือนทรายถาดหนึ่งอยู่ดี เล่นสนุกอยู่หรือไร?
ฮว่อหลงเจินเหรินถึงขั้นตัดสินใจแล้วว่า ขอแค่ทางฝั่งศาลบุ๋นเปิดฉากการต่อสู้ เขาย่อมไม่มีปัญหาใดๆ แน่นอน แต่จำเป็นต้องให้มีคฤหาสน์หลบร้อนแห่งหนึ่งเพิ่มเข้ามาในศาลบุ๋น อีกทั้งต้องไม่ได้เรียบง่ายเหมือนการประชุมของหน่วยจวินจีหลางที่เป็นกลุ่มของคนรุ่นเยาว์อย่างก่อนหน้านี้เด็ดขาด จะทำเป็นว่าแค่ช่วยทางศาลบุ๋นตรวจสอบช่องโหว่แล้วหาข้อแก้ไข อย่างมากที่สุดก็แค่เสนอแนะความเห็นที่เลื่อนลอยแต่ปฏิบัติจริงแล้วได้ผลแค่สองสามข้อไม่ได้เด็ดขาด ต้องให้พวกเขาได้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจต่อเรื่องที่สำคัญ
ใครเข้าใจใต้หล้าเปลี่ยวร้างมากที่สุด? ก็คืออิ่นกวานหนุ่มที่บอกว่าจะทำสงครามผู้นั้น
เจ้าเด็กนั่นคือคนต่างถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ แต่สุดท้ายแล้วกลับสามารถถูกผู้ฝึกกระบี่มองเป็นคนในครอบครัว ต่อให้ได้แหกกฎมารับหน้าที่เป็นอิ่นกวาน แต่กลับไม่มีคลื่นมรสุมของปัญหาใดๆ เกิดขึ้น
ใต้หล้าเปลี่ยวร้างมีนิสัยแย่ๆ อย่างไร เฉินผิงอันก็ยิ่งเข้าใจดี ไม่เป็นไร ความรู้เรื่องทฤษฎีคุณความชอบและลาภยศของชุยฉาน หลังจากที่ศึกครั้งหนึ่งในแจกันสมบัติทวีปผ่านพ้นไป อันที่จริงได้ชนะใจคนไปเรียบร้อยแล้ว
ทุกวันนี้บนภูเขาและล่างภูเขาของแจกันสมบัติทวีปมีสภาพจิตใจ สภาพการณ์อย่างไร? แจกันสมบัติทวีปเล็กๆ แห่งหนึ่งเคยเป็นทวีปเล็กกันดารห่างไกล ตอนนี้ในสายตากลับเหลือแค่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแห่งเดียวแล้ว
กำแพงเมืองปราณกระบี่ในอดีตที่ผ่านมานานยิ่งกว่านั้น การจัดขบวนทัพวางกลยุทธ์ของผู้ฝึกกระบี่สายอิ่นกวานคฤหาสน์หลบร้อน ไยไม่ใช่การแสดงออกให้เห็นถึงความรู้ที่ไม่ต่างไปจากทฤษฎีคุณความชอบและลาภยศอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเล่า?
ขอแค่ตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล นับจากศาลบุ๋นไปจนถึงยอดเขา แล้วมาถึงบนภูเขา ราชวงศ์ล่างภูเขา ยุทธภพร้านตลาดของชาวบ้าน สามารถตั้งใจเตรียมรับมือกับการทำสงครามได้อย่างแท้จริง
ทำไมจะสู้ไม่ได้เล่า?
อุตรกุรุทวีปเคยต่อสู้จนธวัลทวีปต้องสูญเสียคำว่า ‘อุตร’ ไป
ถ้าอย่างนั้นใต้หล้าไพศาลก็สามารถต่อสู้จนใต้หล้าเปลี่ยวร้างสูญเสียคำว่า ‘เปลี่ยวร้าง’ ไปได้เช่นกัน ต่อจากนี้พันปีหมื่นปี ล้วนเป็นวันเวลาอันดีงามของขุนสายน้ำไพศาลพวกเราแล้ว!
ผู้ฝึกตนเฒ่าจำนวนไม่น้อยที่ได้อยู่ในตำแหน่งสูงของไพศาลเรียบร้อยแล้ว วันนี้ต่างก็มีอารมณ์ของเด็กหนุ่มกันอย่างมาก
ตำแหน่งหลายอย่าง อยากจะเดินเข้าไปใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากจะยืนให้มั่นคง ก็ทำให้คนอดชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียอย่างระมัดระวัง วางแผนคิดคำนวณถึงผลประโยชน์อย่างละเอียดรอบคอบไม่ได้
ชีวิตล้ำค่าไม่อาจไม่ทะนุถนอมไม่เห็นค่า แต่ก็ไม่ควรถนอมจนได้แต่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ
อวี๋เสวียนทอดถอนใจเอ่ย “ภาพบรรยากาศใหม่เอี่ยม ใจคนสามารถใช้งานได้”
ฮว่อหลงเจินเหรินยิ้มกล่าว “ใครมีเงินมาก คนนั้นก็พูดเสียงดังได้มาก ตาเฒ่าอวี๋พูดว่าอย่างไรก็คืออย่างนั้น”
อวี๋เสวียนเอ่ยสัพยอก “เทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวไม่ได้มีเงินมากกว่าข้าหรอกหรือ? ได้ยินมาว่าในอดีตเขาเคยไปหาเจ้าเป็นการส่วนตัว ขอแค่อุตรกุรุทวีปยินดีคืนอักษรคำว่า ‘อุตร’ มาให้ ก็จะมีคำกล่าวที่ว่า ‘เซียนห้าพันห้าร้อย’ ไม่ใช่หรือ?”
สองทวีปมีสัญญากันห้าพันปี ทุกๆ ระยะเวลาพันปี ธวัลทวีปยินดีควักเงินเทพเซียนมหาศาลก้อนหนึ่งมาช่วยประคับประคองสนับสนุนตัวอ่อนเซียนกระบี่หนึ่งร้อยคนของสำนักใหญ่แห่งต่างๆ ซึ่งมียอดเขาพาตี้ สำนักกระบี่ไท่ฮุย ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงของอุตรกุรุทวีปเป็นหนึ่งในนั้น จะทุ่มเงินให้ตลอดทาง ช่วยเหลือจนกว่าผู้ฝึกกระบี่จะเลื่อนเป็นเซียนดินโอสถทอง ถึงอย่างไรขอแค่ฮว่อหลงเจินเหรินมอบรายชื่อคนร้อยคนมาให้ กองกำลังใหญ่แห่งต่างๆ ของธวัลทวีปที่มีสกุลหลิวเป็นผู้นำก็จะมอบเงินให้อุตรกุรุทวีปโดยไม่ขาดไปแม้แต่เหรียญเงินเกล็ดหิมะเดียว หากในบรรดาผู้ฝึกกระบี่เหล่านี้มีใครสามารถเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนได้ ก็สามารถช่วงชิงรายชื่อมาเพิ่มให้อุตรกุรุทวีปได้อีกสิบรายชื่อ
ฮว่อหลงเจินเหรินหลุดหัวเราะพรืด “ผินเต้าเป็นแค่ผู้ฝึกตน ไม่ได้เป็นลูกพี่ใหญ่ของฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมในอุตรกุรุทวีปเสียหน่อย ข้าจะเป็นคนตัดสินใจได้หรือ?”
อวี๋เสวียนพยักหน้า “แน่นอนว่าเจ้าตัดสินใจได้ เพราะว่าเมื่อเจ้าพูดว่าไม่ได้ เทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวถึงได้ยอมตัดใจอย่างไรล่ะ”
ฮว่อหลงเจินเหรินไม่ยินดีจะพูดเรื่องหยุมหยิมที่ผ่านมานานปีพวกนี้ให้มากความ เขาลูบหนวดยิ้มกล่าว “เจ้าเฒ่าอวี๋ เดี๋ยววันหน้าข้าจะแนะนำเฉินผิงอันให้เจ้าได้รู้จัก”
อวี๋เสวียนขยุ้มหนวดยิ้มร่า “ไม่ต้องๆ อิ่นกวานท่านนี้เคยได้ยินชื่อของข้ามานานแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางพร่ำพูดถึงฝูลู่อวี๋เซียนกับลูกศิษย์เปิดขุนเขาของตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรอก บัณฑิตพิถีพิถันในเรื่องพลิกเปิดตำราเหมือนไปมาหาสู่กับอริยะนี่นะ ตามกฎข้อนี้ พวกเราสองพี่น้องใครได้รู้จักเฉินผิงอันก่อนกันยังบอกได้ยากจริงๆ”
ฮว่อหลงเจินเหรินทอดถอนใจไม่หยุด “ในที่สุดผินเต้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดข้าถึงจนเจ้าถึงมีเงิน ที่แท้คิดอยากจะหาเงินก้อนใหญ่ได้ก็ต้องเป็นคนหน้าไม่อายให้ได้เสียก่อน”
อวี๋เสวียนส่ายหน้า “ไม่ใช่ๆ นับตั้งแต่เด็กมาข้าก็ไม่เคยจนมาก่อน”
ฮว่อหลงเจินเหรินเอ่ย “นี่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าตาเฒ่าอวี๋มีพรสวรรค์เลิศล้ำอย่างไรเล่า”
อวี๋เสวียนกล่าว “ดูท่าเรื่องของการผสานมรรคา ข้าคงต้องถ่วงเวลาไปอีกสักพักแล้ว”
ฮว่อหลงเจินเหรินเอ่ย “ตาเฒ่าอวี๋ ข้านับถือเจ้าในเรื่องนี้จริงๆ เรื่องเล็กๆ ฉลาดหัวไว เรื่องใหญ่เลอะเลือนเป็นที่สุด”
ฟังแล้วไม่เหมือนว่าจะเป็นคำชม แต่อวี๋เสวียนกลับยิ้มจนตาหยี ขยุ้มหนวดเบาๆ พลางพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่าชื่นชอบคำพูดประโยคนี้อย่างมาก
หลี่เซิ่งใช้เสียงในใจยิ้มถามอิ่นกวานหนุ่ม “อย่าทำอะไรโดยใช้อารมณ์?”
คำถามนี้ถามได้ประหลาดยิ่ง ขนาดหลี่เซิ่งยังก้าวเดินออกไปแล้วดันเพิ่งจะมาถามคำถามนี้ ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจะเป็นคำถามที่เกินความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด
คนที่สวมชุดคลุมอาคมสีแดงสดส่ายหน้าเบาๆ ใช้เสียงในใจตอบกลับไปสามคำว่า “สามารถสู้ได้”
หยุดชะงักไปครู่ อิ่นกวานหนุ่มก็พูดเสริมมาอีกหนึ่งประโยค “หากมีหนึ่งในหมื่น ก็อาจจำเป็นต้องทำสงคราม”
หลี่เซิ่งยิ้มกล่าว “ไม่ใช่หนึ่งในหมื่น โจวมี่ต้องหวนกลับมายังโลกมนุษย์อย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!