กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 789

เรื่องพวกนี้ที่หลี่เซิ่งกล่าวถึง อันที่จริงพวกผู้ฝึกตนบนยอดเขาต่างก็มีการคาดเดาแตกต่างกันไป เพียงแค่ว่าวันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

อันที่จริงเฝ่ยหราน หนิงเหยา คนหนึ่งมีสถานะเป็นผู้ครองใต้หล้าเปลี่ยวร้าง อีกคนหนึ่งคือบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าห้าสี แม้ว่าทั้งสองคนต่างก็ยังไม่เลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่ ตอนนี้ยังเป็นแค่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยาน แต่ก็ล้วนมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประชุมแล้ว

นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียวสวิ้นกับผู้เฒ่าถือไม้เท้าที่โผล่ออกมาจากบ่อโบราณซึ่งเป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสี่ของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง

เพียงแต่ว่าเนื้อหาที่จะประชุมกันในวันนี้ไม่สะดวกที่จะลากใต้หล้าห้าสีมาเกี่ยวข้อง ยิ่งไม่มีทางดึงเอาใต้หล้าเปลี่ยวร้างเข้ามา เพราะการประชุมที่ริมลำคลอง เดิมทีก็จัดขึ้นเพื่อรับมือกับซากปรักสรวงสวรรค์แห่งนั้นอยู่แล้ว หรือควรจะพูดให้ถูกก็คือ ใช้รับมือกับมหาสมุทรความรู้โจวมี่ รับมือกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหม่เอี่ยมของสรวงสวรรค์ใหม่

เป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันได้ยินชื่อ ‘เสินชิง’ นี้

สำหรับภิกษุน้ำแกงไก่ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา ชุยตงซานผู้เป็นลูกศิษย์ก็เคยกล่าวถึง ทว่าดูเหมือนตั้งแต่ต้นจนจบชุยตงซานจะเรียกอีกฝ่ายว่าภิกษุเฒ่าน้ำแกงไก่ ไม่ได้พูดถึงฉายาทางลัทธิพุทธที่มีชื่อว่า ‘เสินชิง’ นี้เลย

ซิ่วไฉเฒ่าใช้เสียงในใจอธิบายว่า “ภิกษุเฒ่าที่ได้รับฉายาว่าภิกษุน้ำแกงไก่ผู้นี้ อันที่จริงฉายาทางธรรมคือเสินชิง มีบันทึกอยู่ในตำราลัทธิพุทธไม่มาก ใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่คัมภีร์ของฝ่ายญาณใต้ที่เป็นที่นิยม ปฏิทินเหลืองที่ขยับเหนือขึ้นไปจากนั้นค่อนข้างมีน้อย อันที่จริงภิกษุเฒ่าคนนี้ก็มีความรู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง”

ซิ่วไฉเฒ่าทอดถอนใจ “ภิกษุเสินชิงไม่ใช่คนในท้องถิ่นของไพศาล การที่มาอยู่ในไพศาลหลายปีก็เพราะว่าเคยคุ้มกันภิกษุท่านหนึ่งกลับมายังทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ร่วมแปลคัมภีร์พุทธด้วยกัน รับหน้าที่เป็นคนตรวจสอบแก้ไขปรับปรุงตัวอักษร ตัดสินปัญหายุ่งยากซับซ้อน ควบกับการตรวจสอบหลักฐาน เสินชิงผู้นี้เชี่ยวชาญในด้านคัมภีร์จำพวกคัมภีร์อวตังสกสูตร ลังกาวัตรสูตร เข้าใจในเรื่องของทศภูมิ ปรัชญา สภาพธรรมอย่างทะลุปรุโปร่ง ศึกษาตำราพระวินัยอย่าง ‘จตุรงควินัย’ อย่างลึกซึ้ง เข้าร่วมการโต้วาทีของสามลัทธิในครั้งแรก เป็นเหตุให้มีคำเรียกขานที่ไพเราะอีกมากมายเช่น ‘ศัตรูของคนนับหมื่น’ ‘ภูเขาเหนือรวบรวมแก่นอันลี้ลับของสามลัทธิไว้เพื่อแหล่งที่มาของธรรม’ ความสามารถในการทะเลาะโต้เถียงก็ร้ายกาจอย่างมาก”

สามารถถูกซิ่วไฉเฒ่าวิจารณ์ด้วยคำว่าทะเลาะโต้เถียงได้ร้ายกาจมาก นี่ก็มากพอแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งสูงส่งในด้านพระธรรมของเสินชิงแล้ว

ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยต่ออีกว่า “ช่วงแรกเริ่มสุดพระธรรมมาจากแดนตะวันตก ภิกษุมักจะไปพักแรมตามบุพเพวาสนา ธุดงค์ไปมาเพียงลำพัง ใช้ชีวิตแทบจะใกล้เคียงกับเมฆาวารี ตัวภิกษุเองไปมาไม่แน่นอน พวกลูกศิษย์ลูกหาในลัทธิพุทธก็ย่อมยากที่จะได้รับการสั่งสอน จนกระทั่ง…ซวงเฟิงถ่ายทอดพระธรรม เลือกสถานที่พักพิง สร้างที่ตั้งเทวรูป ทำลายระบบสืบทอดที่ไม่บันทึกตัวอักษร ไม่สร้างตัวอักษร ขณะเดียวกันก็สร้างสถานที่ประกอบพิธีกรรม สร้างวัดตั้งวางเทวรูปบูชา ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนแก่ปวงประชาใต้หล้า ช่วงเวลาระหว่างนี้ภิกษุเสินชิงล้วนคอยให้การปกป้องอย่างลับๆ จากนั้นต่อมาก็คือ…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ซิ่วไฉเฒ่าก็พลันหยุดพูด

อันที่จริงเฉินผิงอันรู้ดีว่าอาจารย์จะพูดอะไร คือพูดถึงพระธรรมของตงซาน

ภูเขาซวงเฟิงมีอีกชื่อว่าภูเขาหัวแตก ภูเขาผิงมู่ที่ห่างจากซวงเฟิงไปแค่ไม่กี่สิบลี้ก็มีชื่อว่า…ตงซาน (ภูเขาทางทิศตะวันออก)

และตอนที่เฉินผิงอันเป็นเด็กหนุ่ม ตอนที่ยังเป็นลูกศิษย์เตาเผามังกรก็เคยขึ้นเขาไปหาดินปั้นเครื่องกระเบื้องกับผู้เฒ่าเหยาอยู่หลายครั้ง หลังจากที่ได้ขึ้นไปบนภูเขาพีอวิ๋นก็เคยมองเห็นว่าทางทิศตะวันออกมีภูเขาสูงอยู่ลูกหนึ่ง

ตงซาน

ชุยตงซาน

เนื้อหนังมังสาคือเจียวหลงสู่โบราณ อัฐเสนาของลัทธิพุทธ (ในศาสนาพุทธจะมีเทพสวรรค์ผู้ปกปักษ์รักษาศาสนาอยู่แปดหน่วย เทวดา นาค ยักษา คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร และมหิระกะ)

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าชุยตงซาน หรือควรจะบอกว่าชุยฉาน ได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรกแล้วว่า หากไม่อาจประคับประคองหวังจูได้จริง นางไม่อาจกลายมาเป็นมังกรที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวบนโลกได้ ชุยตงซานต้องเข้ามาแทนที่นางอย่างแน่นอน พอเดินลงน้ำสำเร็จ สุดท้ายคงจะไม่ใช่ว่า…หันไปนับถือลัทธิพุทธหรอกกระมัง?

เฉินผิงอันถอนหายใจ ล้วนเป็นแผนการลึกล้ำยาวไกลที่มิอาจจินตนาการได้ถึง ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไร วันหน้าก็สามารถลองไปถามลูกศิษย์ของตนดูได้

หรืออย่างเรื่องที่ว่าสรุปแล้วผู้เฒ่าเหยาคือใครกันแน่? ทำไมถึงได้ปรากฏตัวที่ถ้ำสวรรค์หลีจู

บางทีอาจเป็นเพราะผู้เฒ่าเหยาไม่ได้พูดอะไรมาก ดังนั้นทุกครั้งที่เปิดปากพูดจึงทำให้เฉินผิงอันที่ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางได้เป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของเขาจดจำได้แม่นยำมากเป็นพิเศษ

จำได้ชัดเจนเลยว่ามีครั้งหนึ่งที่ขึ้นเขา ผู้เฒ่าเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้าเคยเอ่ยประโยคหนึ่งเหมือนชวนคุย บอกว่าดินโคลนที่ไม่สะดุดตาที่สุดใต้ฝ่าเท้า เมื่อพ้นมาจากพื้นดิน สุดท้ายเอามาปั้นเป็นพระโพธิสัตว์ดินเผา กินควันธูป หรือเอามาเผาเป็นเครื่องกระเบื้องส่งเข้าไปในบ้านของฮ่องเต้ หรือไม่ก็กลายเป็นถ้วยโถโอชามแตกบิ่นในบ้านของชาวบ้านทั่วไป ยากจะหลบเลี่ยงการถูกไฟเผาถูกน้ำซึมใส่ได้พ้น พวกมันล้วนมีรากฐานของตัวเอง มีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง เหมือนกับมนุษย์เรา…

ตอนนั้นผู้เฒ่ากับเด็กหนุ่มเดินเหยียบเข้าไปในภูเขาเจินจูด้วยกัน ผู้เฒ่าเหยากระทืบเท้าเอ่ยประโยคหนึ่งกับลูกศิษย์ของเตาเผามังกรที่กำลังคุ้ยดินว่า ดินที่นี่รสชาติครบสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็เพราะว่าสถานที่เล็ก ไม่ต่างจากคนที่หดตัวอยู่ในมุม ยืดหัวออกไปก็ชนหัว ยืดขาออกไปก็ชนขา หากกล่าวตามคำพูดโบร่ำโบราณ นี่ก็เรียกว่าเปลือกหอย

ผู้เฒ่าเหยายังบอกอีกว่าตอไม้เก่าแก่ที่ไม่สะดุดตาทั้งหลายในภูเขา อาจจะเป็นที่นั่งของเทพภูเขาก็เป็นได้ ห้ามไปนั่ง บอกว่าภูเขาน้อยใหญ่ในใต้หล้าแห่งนี้เป็นสายเดียวที่สืบทอดต่อกันมา เพียงแค่ว่ามีการแบ่งปู่หลานก็เท่านั้น

พระพุทธเจ้าเอ่ยแค่ถ้อยคำธรรมดาทั่วไป

ดังนั้นต่อให้พวกคนเฒ่าคนแก่จะเล่าเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์พวกนั้น ต่อให้ตอนนั้นเฉินผิงอันยังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มตรอกเก่าโทรมที่ยังไม่เคยอ่านตำราเล่าเรียนมาก่อน แต่กลับฟังเข้าใจ อีกทั้งยังจดจำได้อย่างแม่นยำ

ภายหลังการที่เฉินผิงอันใช้เหรียญทองแดงแก่นทองเหรียญหนึ่งซื้อภูเขาเจินจูเอาไว้อย่างเด็ดเดี่ยว นอกจากนิสัยละโมบในทรัพย์สินที่ทำให้คิดว่า ‘เงินแค่เหรียญเดียวก็ซื้อภูเขาลูกหนึ่งได้แล้ว’ แล้ว คำกล่าวที่ว่า ‘รสชาติของดินสมบูรณ์ที่สุด’ ของผู้เฒ่าเหยาก็เป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน สิ่งที่เด็กหนุ่มรองเท้าเตะในเวลานั้นคิดอยู่ในหัว แน่นอนว่าคือซื้อภูเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหาเงินให้มากขึ้น จากนั้นค่อยซื้อเตาเผามังกรหนึ่งแห่ง ตนทำหน้าที่เป็นช่างของเตาเผาหรือไม่ก็ให้หลิวเสี้ยนหยางช่วยเหลือ คนทั้งสองอาศัยฝีมือในการเผาเครื่องปั้นมาหาเงิน สายน้ำเส้นเล็กไหลยาว แล้วยังจะมีบ้านหลังใหญ่แค่ไหนที่ตนซื้อไม่ได้อีก? จะมีภรรยาแบบไหนที่หลิวเสี้ยนหยางแต่งกลับมาอยู่บ้านไม่ได้อีก?

อีกทั้งภายหลังออกจากบ้านเดินทางไกล ขึ้นเขาลงห้วย ต่อให้เฉินผิงอันจะยังไม่ได้ฝึกตนอย่างแท้จริง แต่กลับวางตนอย่างมีมารยาท ยามที่ไม่มีคนอยู่ด้วยก็ยังคงรักษากฎเกณ์ไว้เป็นอย่างดี

ดินทับถมกลายเป็นภูเขา น้ำทับถมกลายเป็นมหาสมุทร ไม่ว่ากับเรื่องใดล้วนปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างระมัดระวัง จึงกล่อมเกลาจนกลายมาเป็นความเคารพที่มีต่อฟ้าดินอย่างเป็นธรรมชาติ

ภายหลังแม่นางน้อยถ่านดำ เผยเฉียนที่ฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรงแต่กลัวความยากลำบากที่สุดซึ่งติดตามเฉินผิงอันออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัวก็ยังซึมซับอิทธิพลนี้ไปอย่างช้าๆ ด้วย

ต่อมาอีก รอกระทั่งเผยเฉียนสามารถออกท่องใต้หล้าตามลำพังได้แล้ว นางก็ยังคงมีใจกริ่งเกรงต่อวัดของลัทธิพุทธมาโดยตลอด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!