นอกจากนี้ยังมีชื่อเยี่ยนโพ่กับฉวีเซียนที่ต่างก็เป็นชื่อที่นางค่อนข้างชื่นชอบ
ส่วนราชินีร้อยบุปผากับเทพอวี้เซียวนั้น เป็นชื่อที่ยิ่งใหญ่เกินไป บัณฑิตของไพศาลตั้งให้ นางไม่กล้านำมาใช้ ได้แต่ชื่นชอบอยู่กับตัวเอง แกะสลักไว้บนตราประทับหนังสือและหยกประดับ
ส่วนอี้สื่อนั่น…ช่างเถิด ฟังแล้วเชยไปหน่อย
ฉินจ่าวยิ้มถาม “ไปดูที่หินจารึกซีผิงหน่อยไหม?”
นางพยักหน้าตอบตกลง
เหนียงเนียงเทพีบุปผาท่านนี้สนิทสนมกับซานจวินหลายท่าน ยกตัวอย่างเช่นภูเขาจิ่วอี๋ที่ในภูเขามีต้นชางผู (ชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่ง) มากมาย บนภูเขาก็มีต้นเหมยอยู่เยอะ ส่วนเทพีบุปผาสุ่ยเซียนที่เป็นหนึ่งในเทพีบุปผาเจ้าชะตาของพื้นที่มงคลเหมือนกันกลับมีความสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับสุ่ยจวินของห้าขุนเขา สาเหตุเป็นเพราะความใกล้ชิดบนมหามรรคา ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกันเพราะไร้ประโยชน์
เคยมีมือกระบี่คนหนึ่งแอบไปเยือนพื้นที่มงคลร้อยบุปผา ได้เอ่ยทวงความเป็นธรรมให้แก่นาง เขานั่งอยู่บนหัวกำแพงเรือน โหวกเหวกว่าลมวสันต์ไม่รู้จักรักและถนอม ปล่อยให้หิมะกดทับน้ำค้างรังแก พี่สาวท่านวางใจเถิด สักวันหนึ่งต่อให้ข้าต้องย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกเดินไปทั่วไพศาลก็จะต้องช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้พี่สาวให้จงได้
ตอนแรกก็มองว่าคนผู้นั้นเป็นพวกอันธพาลเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ภายหลังนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจเขาผิด เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ
น่าเสียดายที่ครั้งนี้มีงานเลี้ยงสุราหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้เห็นหน้าชายเสเพลที่ชอบเดินทางไกลไปทั่วผู้นั้น
เหยียนเก๋อมาถึงจวนบนภูเขาอ๋าวโถวแล้ว หนันกวงจ้าวสะบัดเสื้อหนึ่งทีก็พลันฟื้นคืนสติ ผู้เฒ่ายืนอยู่ในลานบ้าน ดวงตาคู่นั้นสาดประกายเจิดจ้า เก็บชุดคลุมน้ำที่เป็นอาวุธเซียนลงไป
พูดถึงแค่เรื่องของการซ่อมแซมก็จำเป็นต้องใช้เงินฝนธัญพืชก้อนใหญ่แล้ว ที่ยุ่งยากยิ่งกว่านั้นไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่แม่น้ำลำคลองที่ผ่านการหล่อหลอมซึ่งถูกนักพรตเนิ่นโจมตีจนแหลกสลายไป
เวลานี้หนันกวงจ้าวหรือจะยังมีท่าทางของคนบาดเจ็บสาหัสอยู่อีก
ทำเอาเหยียนเก๋อที่มองดูอยู่หวาดผวาเล็กน้อย
อันที่จริงหนันกวงจ้าวบาดเจ็บไม่เบาจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่ยินดีจะบอกแก่เหยียนเก๋อก็เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในฟ้าดินเล็ก นักพรตเนิ่นมอบทางเลือกให้เขาแค่ทางเดียว หากไม่แกล้งตายก็ต้องถูกเขาตีจนตายทั้งเป็น หากรู้จักกาลเทศะเลือกอย่างแรก กลับไปถึงเกาะยวนยางจำไว้ว่ายังต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกสักพักหนึ่ง
ตอนที่นักพรตเนิ่นเอ่ยประโยคพวกนี้ได้เผยร่างจริงออกมา กรงเล็บข้างหนึ่งกดร่างกายธรรมของเขาเอาไว้ ปากก็อ้ากัดหัวกายธรรมของหนันกวงจ้าวเช่นกัน
แม้ว่าในใจของเหยียนเก๋อจะตะลึงระคนประหลาดใจ แต่กระนั้นก็ยังพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจว่า “หนันเซียนซือ เป็นผู้เยาว์ที่ทำในสิ่งที่เกินความจำเป็นแล้ว”
หนันกวงจ้าวย่อมเข้าใจชัดเจนดีว่าเหยียนเก๋อเป็นคนอย่างไร แต่ครั้งนี้เจอกับหายนะใหญ่บนเกาะยวนยาง ไม่เพียงแต่มหามรรคาถูกทำลาย หน้าตายังหมดสิ้นไม่มีเหลือ
ข้างกายมีเซียนเหรินเหยียนเก๋ออยู่ด้วย ถึงอย่างไรในใจก็รู้สึกดีได้หลายส่วน
หนันกวงจ้าวจึงพูดด้วยสีหน้าเป็นมิตรว่า “รบกวนแล้ว”
เหยียนเก๋อทำสีหน้าตกตะลึงที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน กุมหมัดเอ่ยว่า “มิกล้า”
หนันกวงจ้าวพูดเข้าประเด็นทันที “เลือกลูกศิษย์ตระกูลเหยียนสักสองสามคนให้ไปฝึกตนที่ภูเขาบ้านข้า”
มารดามันเถอะ เจ้าอวิ๋นเหมี่ยวผู้นี้ หากหลังจบเรื่องไม่มีท่าทีอะไรเลย ข้าผู้อาวุโสก็จะให้หอเซียนจิ่วเจินของเขาเจอดีเสียบ้าง!
เหยียนเก๋อกุมหมัดก้มหน้า “มิกล้ารบกวนหนันเซียนซือ ทางฝั่งตระกูลของผู้เยาว์มีเพียงเหยียนลี่ที่คุณสมบัตินับว่าพอใช้ได้ ควรค่าแก่การชี้แนะสองสามประโยคยามที่หนันเซียนซือมีเวลาว่าง แค่นี้ก็ถือว่าเป็นวาสนายิ่งใหญ่ของเด็กคนนี้แล้ว”
อันที่จริงเหยียนเก๋อเห็นดีในตัวเหยียนลวี่มากที่สุด เพราะว่าเจ้าเด็กนั่นคือผู้ฝึกกระบี่ แล้วยังเคยไปฝึกประสบการณ์ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อน แต่เหยียนเก๋อก็ไม่ใช่คนโง่ เวลานี้ส่งผู้ฝึกกระบี่ให้กับหนันกวงจ้าวเป็นเรื่องดีเสียที่ไหน
ดังนั้นถือว่าเจ้าเหยียนลี่ผู้นั้นได้เปรียบไปเปล่าๆ แล้ว
ประกายสายตาของหนันกวงจ้าวกะพริบวูบวาบ ปีนั้นท่ามกลางแผนการพิลึกพิลั่น อวิ๋นเหมี่ยวได้แอบหลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชน ป่าวประกาศแก่ภายนอกว่าอาจารย์ปิดด่านเป็นตาย โชคร้ายต้องสละร่างจากไป อวิ๋นเหมี่ยวกับคู่รักของเขา ชายหญิงสุนัขคู่นี้ได้รับโชควาสนาใหญ่เทียมฟ้าครั้งนั้นไปก็นึกไปเองว่าเทพไม่รู้ผีไม่เห็น คิดว่าเขาเป็นคนโง่จริงๆ หรือไร ถึงได้มองเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของหอเซียนจิ่วเจินไม่ออก? อาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดวิชาให้กับอวิ๋นเหมี่ยวเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่ารักชีวิตจะตายไป
ส่วนเซียนเหรินอวิ๋นเหมี่ยวก็ไม่ได้ตรงกลับไปยังที่พักบนภูเขาอ๋าวโถว
เขาพลิ้วกายลงบนพื้นของแม่น้ำตอนล่างเกาะยวนยาง สะบัดชายแขนเสื้อ โยนหลี่ชิงจู๋ลงพื้น จากนั้นค่อยโบกชายแขนเสื้อสร้างสิ่งกีดขวางขึ้นมา
อวิ๋นเหมี่ยวไม่พูดไม่จา สายตาเยียบเย็น มองลูกศิษย์ผู้ที่เคยเป็นที่ภาคภูมิใจของตน
หลี่ชิงจู๋ลุกขึ้นยืนอย่างกล้าๆ กลัวๆ เอ่ยอย่างคนไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงขีดสุด “อาจารย์ เซียนกระบี่ท่านนั้นสติวิปลาสไปแล้ว…”
อวิ๋นเหมี่ยวสะบัดชายแขนเสื้อตบจนร่างของหลี่ชิงจู๋หมุนคว้างกระแทกลงกับพื้น แล้วจึงกระชากอีกฝ่ายขึ้นมา ตบหลิงจือหยกขาวลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย ทำให้ร่างอีกฝ่ายนอนแนบติดพื้น
หลี่ชิงจู๋นอนคว่ำอยู่บนพื้น กระอักเลือดสดออกมาหนึ่งคำ
อวิ๋นเหมี่ยวหัวเราะหยันเย็นชา “ทำไม ทวงความเป็นธรรมจากข้าไม่ได้ก็เลยคิดจะไปฟ้องอาจารย์แม่ของเจ้างั้นรึ?”
หลี่ชิงจู๋พูดเสียงสั่น “มิกล้า ศิษย์ไม่กล้าสร้างปัญหาใดๆ ให้กับทางสำนักอีกแล้ว”
อวิ๋นเหมี่ยวหันหน้าไปมองภูเขาอ๋าวโถวแวบหนึ่ง
เริ่มกังวลเกี่ยวกับเจ้าตะพาบหนันกวงจ้าวขึ้นมาแล้ว
สีหน้ามองดูเหมือนมีเมตตาปราณี ก็แค่แสร้งวางมาดภูมิฐานไปอย่างนั้นเอง
ไม่อย่างนั้นจะเป็นสหายกับอาจารย์ของเขาได้หรือ? จะเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องมาได้นานหลายปีหรือ? ตามคำกล่าวของอาจารย์ ในอดีตมีหลายครั้งที่จับมือกับหนันกวงจ้าวไปตามหาร่องรอยเซียนในจวนเทพ หรือไม่ก็ในซากปรักพื้นที่ลับ หนันกวงจ้าวไม่ลงมือยังไม่เท่าไร แต่พอลงมือขึ้นมาก็อำมหิตไร้ปราณี อีกทั้งยังต้องตัดรากถอนโคน ไม่มีทางทิ้งภัยร้ายไว้เบื้องหลังเด็ดขาด ปีนั้นอาจารย์พูดด้วยรอยยิ้มบอกว่า หากไม่เป็นเพราะขอบเขตเท่ากัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีวิธีการก้นกรุที่ซุกซ่อนเอาไว้ ตนก็ไม่กล้าเดินทางไปร่วมกับหนันกวงจ้าวจริงๆ
อวิ๋นเหมี่ยวดึงสายตากลับคืน ตวาดด่าลูกศิษย์ที่อยู่บนพื้น “สมกับเป็นเศษสวะจริงๆ แม้แต่เด็กสาวขอบเขตโอสถทองของสำนักกระบี่เหมยซานคนหนึ่งก็ยังจัดการไม่ได้! ลูกเล่นแพรวพราวพวกนั้นของเจ้าล่ะ ไม่ใช่ว่าเอามาใช้กี่ครั้งก็ไม่เคยพลาดหรอกหรือ แล้วยังกล้าพูดว่าขอแค่เป็นสตรี ต่อให้เป็นขอบเขตหยกดิบก็ยังถูกเจ้าคว้ามาไว้ในมือได้? เจ้าคิดว่าบัญชีระยำสกปรกที่เจ้าสร้างไว้ ศาลบรรพจารย์ของหอเซียนจิ่วเจินจะไม่รู้จริงๆ หรือ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าหูตาของสกุลซ่งจัวลู่ล้วนรู้เรื่องพวกนี้ชัดเจนดี ทั้งยังมีการจดบันทึกเอาไว้นานแล้ว สามารถเอาออกมาสร้างความลำบากใจให้กับหอเซียนจิ่วเจินได้ทุกเมื่อ?!”
หลี่ชิงจู๋ยกหลังมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “อาจารย์ ศิษย์ทำอะไรล่างภูเขายังรู้จักหนักเบาอยู่บ้าง สตรีเหล่านั้นสุดท้ายแล้วล้วนยอมตายถวายชีวิตให้กับศิษย์ สกุลซ่งจัวลู่ไม่อาจเอาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้มาฉวยโอกาสสร้างความลำบากใจให้กับอาจารย์ได้หรอกขอรับ”
อวิ๋นเหมี่ยวหัวเราะหยัน “อาศัยเวทย้ายวิญญาณปลายแถวนั่นน่ะหรือ? หรืออาศัยยันต์นอกรีตที่ไม่อาจเอาออกมาโอ้อวดได้พวกนั้น? ช่างมีความสามารถยิ่งใหญ่เสียจริง เจ้ายังมีหน้ามาพูด?!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!