กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 804

เฉินผิงอันที่กลับมาสะพายกระบี่อีกครั้งปรากฏตัวอยู่ด้านล่างขั้นบันไดนอกประตูใหญ่ศาลบุ๋น

เจ้าเด็กหลินจวินปี้ผู้นี้ใจกล้าไม่น้อยเลยนะ ดูเหมือนว่าจะเพิ่งสร่างเมา?

เห็นเฉินผิงอันที่เดินขึ้นบันไดมา หลินจวินปี้ก็รีบสลายกลิ่นเหล้าที่มีอยู่เต็มร่าง เรียกคำหนึ่งว่าใต้เท้าอิ่นกวาน จากนั้นก็คลี่ยิ้มไม่เอ่ยอะไร

เฉินผิงอันพยักหน้า เอ่ยชมเชยว่า “กล้าทำตัวเหลวไหลเมามายอยู่นอกประตูใหญ่ของศาลบุ๋น จวินปี้ช่างเปี่ยมไปด้วยบารมียิ่งใหญ่ เผด็จการหล้าหาญ ออกจากบ้านไม่พกตะกร้าใหญ่ติดตัวมาด้วยสักใบ เดี๋ยวก็ไปทำร้ายคนข้างกายเข้าหรอก”

หลินจวินปี้เขินอายยิ่งนัก

ข้างกายยังมีผู้ฝึกตนอีกส่วนหนึ่งที่ออกมาดื่มเหล้าแก้เบื่อ ต่างก็หันข้างมามองคนชุดเขียว เพราะจะไม่ให้พวกเขาสนใจก็ไม่ได้เลยจริงๆ

คนที่มีคุณสมบัติมาเข้าร่วมการประชุมที่นี่ แต่ละคนล้วนการข่าวว่องไวไม่แพ้กัน รู้ดีว่าคนหนุ่มสะพายกระบี่ตรงหน้าผู้นี้ อย่าเห็นว่ายิ้มตาหยีดูอารมณ์ดี แท้จริงแล้วนิสัยแย่อย่างยิ่ง อารมณ์ร้ายอย่างมาก

เป็นอิ่นกวาน ตอนที่อยู่ในการประชุมก่อนหน้านี้ก็เป็นคนผู้นี้ที่กล้าไม่เห็นภูเขาทัวเยว่และใต้หล้าเปลี่ยวร้างอยู่ในสายตา บอกว่าจะทำสงคราม ตอนนี้ศาลบุ๋นก็เลยจะทำสงครามตามไปด้วย

จากนั้นก็เป็นลูกศิษย์ของสายเหวินเซิ่ง เมื่อเทียบกับจั่วโย่วที่เป็นศิษย์พี่แล้วก็ถึงกับหนักหนายิ่งกว่า

ภายใต้เปลือกตาของอริยะปราชญ์ทุกคนในศาลบุ๋น ได้ไปมีเรื่องกับเซียนเหรินอวิ๋นเหมี่ยวบนเกาะยวนยาง ดูเหมือนว่าอีกนิดเดียวอวิ๋นเหมี่ยวก็จะเรียกสมบัติพิทักษ์ภูเขาของหอเซียนจิ่วเจินออกมาแล้ว นั่นเรียกว่าสู้สุดชีวิต ไม่ได้เรียกว่าประลองฝีมือกันแล้ว แล้วยังไม่ยอมหยุด หลังจากนั้นยังไปหาเรื่องราชวงศ์เส้าหยวนอีก? ไปตีเจี่ยงหลงเซียงที่อยู่ในเมืองห่างไปไม่ไกล ได้ยินมาว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งจะไปตีกับหม่าฉวีเซียนลูกศิษย์ใหญ่ของเผยเปยมาด้วย เพียงแค่ใช้วิธีการถามหมัดของผู้ฝึกยุทธ แต่ถึงกับเล่นงานจนอีกฝ่ายขอบเขตถดถอยไปโดยตรง? ดูเหมือนว่าหม่าฉวีเซียนเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเก้าได้ไม่ถึงยี่สิบปีเองไม่ใช่หรือ ผลกลับกลายเป็นว่าถูกคนทำลายอนาคตบนวิถีวรยุทธที่เดิมทีมีหวังจะเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดแล้วค่อยเดินขึ้นสู่สวรรค์ไปทั้งอย่างนี้ หลังจากนี้หม่าฉวีเซียนจะสามารถหวนกลับคืนสู่ขอบเขตเก้าได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่เล็กข้อหนึ่ง

การต่อสู้สามครั้งที่ทยอยกันเกิดขึ้น ผู้ฝึกลมปราณ บัณฑิต ผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ล้วนมีเรื่องมาครบถ้วนแล้ว?

ต่อสู้เก่งก็จริงอยู่ แต่นิสัยก็แย่มากจริงๆ เหมือนกัน

เทียนซือน้อยของภูเขามังกรพยัคฆ์เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เป็นเจ้า?!”

ตอนนั้นพบเจอกันในโรงเตี๊ยมของนครเถียวมู่บนเรือราตรี เวลานั้นจ้าวเหยากวงคิดไม่ถึงเลยว่าคนชุดเขียวที่พบเจอโดยบังเอิญจะเป็นเฉินสืออี อิ่นกวานแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่

จอกแหนใบหนึ่งล่องลอยกลับคืนสู่มหาสมุทรใหญ่ ชีวิตคนล้วนพบเจอกันโดยบังเอิญได้ทุกที่

ปีนั้นก่อนจะลงจากภูเขาได้ขอให้คนช่วยทำนายให้ ได้เซียมซีดีมาใบหนึ่ง แล้วก็จริงเสียด้วย ออกจากบ้านครั้งนี้ในที่สุดตนก็ได้เจอกับผู้สูงศักดิ์แล้ว

พูดถึงแค่ศาลบุ๋นแห่งนี้ก็มีอาจารย์จั่วที่ได้ยินชื่อเสียงมานานแต่ไม่เคยได้พบหน้า ทั้งสองฝ่ายยังพูดคุยกันอย่างถูกคอด้วย

แล้วยังมีใต้เท้าอิ่นกวานที่ชื่อเสียงเลื่องลือตรงหน้าผู้นี้ ส่วนอาเหลียงนั่นก็ช่างเถิด ไม่ถือว่าเป็นผู้สูงศักดิ์อะไร เป็นพี่น้องคนดีที่ร่วมทุกข์ด้วยกันมามากกว่า

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เป็นข้า คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้”

คาดว่าผู้สูงศักดิ์หวงจื่อที่ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของคนบนภูเขาผู้นี้จะต้องยิ่งคิดไม่ถึงว่าลูกจ้างร้านที่ขายของชิ้นนั้นให้พวกเขา เวลานั้นก็คืออู๋ซวงเจี้ยง

จ้าวเหยากวงก้มศีรษะคารวะ พอลุกขึ้นแล้วก็เอ่ยขออภัยด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “คราวก่อนที่อยู่บนเรือข้ามฟาก นักพรตน้อยล่วงเกินท่านแล้ว อาจารย์เฉินเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าได้ถือสากันเลย แต่หากอาจารย์เฉินถือสากันจริงๆ ก็ได้เหมือนกัน วันหน้าไปเยือนภูเขามังกรพยัคฆ์ นักพรตน้อยจะต้องเอาสุราดีๆ หลายไหออกมาให้ อาจารย์เฉินเชิญถือสากับพวกมันได้ตามสบาย”

เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มกล่าว “เดินทางไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง หากไม่แวะไปที่จวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ จะไม่ถือว่าไปเสียเที่ยวหรอกหรือ แต่บอกไว้ก่อนว่าเรื่องที่จะตีกลองต้อนรับแขกอะไรนั่นก็เว้นไว้ดีกว่า”

เวทห้าอสนีดั้งเดิมของภูเขามังกรพยัคฆ์คือต้นกำเนิดที่แท้จริงอย่างสมชื่อของใต้หล้า เฉินผิงอันเลื่อมใสมานานมากแล้ว หวังเพียงว่าคราวหน้าที่ไปเยือนซือจวนเทียนซือ ภูเขามังกรพยัคฆ์จะอนุญาตให้ตนอ่านหนังสือหลายเล่มหน่อย

จ้าวเหยากวงอึ้งตะลึง ตีกลอง? นี่หมายความว่าอย่างไร? หรือใต้เท้าอิ่นกวานกำลังบอกกับตนเป็นนัยๆ ว่าให้จัดงานต้อนรับอย่างครึกครื้น เอิกเกริกเสียหน่อย? แต่ตนไม่ใช่เทียนซือคนปัจจุบันนะ จะทำเหลวไหลแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ร่างกายของบรรพจารย์บ้านตนยังแข็งแรงดีอยู่ มองดูแล้วยังอ่อนเยาว์กว่าตนเสียอีก บนหมัดมีคนมายืนได้ บนแขนก็ให้ม้ามาวิ่งได้สบายๆ

เฉินผิงอันเห็นว่าเทียนซือน้อยฟังไม่เข้าใจก็เอ่ยขออภัยไปหนึ่งคำ บอกว่าตนพูดเหลวไหล อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง

หลินจวินปี้จึงได้แต่อธิบายให้สหายรักหัวทึบข้างกายฟังว่า “มีครั้งหนึ่งอาเหลียงแอบไปที่ภูเขามังกรพยัคฆ์ ได้ยินมาว่าวิธีการรับรองแขกของจวนเทียนซือพวกเจ้าเอิกเกริกอย่างมาก คาถาอสนีพุ่งเข้าใส่ไม่หยุด เสียงตีกลองดังสนั่นฟ้า”

จ้าวเหยากวงกระจ่างแจ้งทันใด ยิ้มเอ่ย “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดเลย”

เพราะความสัมพันธ์กับซิ่วไฉเฒ่าเหวินเซิ่ง อันที่จริงภูเขามังกรพยัคฆ์กับสายของเหวินเซิ่งจึงสนิทสนมกับไม่น้อย ส่วนการที่อาจารย์จั่วออกกระบี่ในอดีต นั่นเป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัวระหว่างผู้ฝึกกระบี่ อีกอย่างผู้อาวุโสในจวนเทียนซือที่ชีวิตนี้ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่อาจเป็นเซียนกระบี่ได้ ภายหลังก็หันไปสงบใจฝึกวิชาอสนี ทำลายก่อนแล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง โชคดีหลังเจอเคราะห์ร้าย จิตแห่งมรรคาใสกระจ่าง มีความหวังบนมหามรรคา ทุกครั้งที่ดื่มเหล้ากับคนอื่นก็มักจะพูดถึงหายนะบนมหามรรคาของตนเองในปีนั้นอย่างไม่มีเขินอาย และกลับกันยังเป็นฝ่ายพูดถึงการถามกระบี่กับเซียนกระบี่จั่วโย่วในครั้งนั้น บอกว่าตนรับกระบี่ของจั่วโย่วไปมากถึงแปดกระบี่ มากกว่าตัวอ่อนกระบี่คนใดหรือผู้ฝึกกระบี่คนใดไปหลายที นี่คือผลงานการสู้รบที่ได้มาไม่ง่ายเลย ระหว่างที่พูดคุยยังมีสีหน้าของวีรบุรุษผู้กล้าหาญที่แม้จะพ่ายแพ้ก็แพ้อย่างสมเกียรติด้วย

คนหลายกลุ่มที่นั่งดื่มสุราคุยเล่นกันบนขั้นบันไดด้านข้าง เวลานี้ต่างก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกันสักเท่าไร

อิ่นกวานหนุ่มที่ได้กลับคืนมายังไพศาลบ้านเกิดอีกครั้ง มองดูเหมือนพูดคุยง่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ

ในกลุ่มคนมีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ดื่มเหล้าไปอึกใหญ่ เหลือบตามองแผ่นหลังของคนหนุ่ม ชุดเขียวสะพายกระบี่ แล้วยังหนุ่มอย่างมาก ผู้เฒ่าก็อดไม่ไหวเอ่ยอย่างสะท้อนใจขึ้นมา “คนหนุ่มช่างดีจริงๆ”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปในศาลบุ๋นพร้อมกับคนทั้งสอง พอเข้าไปแล้วก็ไปนั่งลงตรงตำแหน่งของอาเหลียง

รู้ว่าอาเหลียงได้ออกเดินทางไกลแล้ว เฉินผิงอันก็ล้มเลิกความคิดที่จะแวะไปหาฮูหยินภูเขาชิงเสิน เดิมทีคิดว่าจะไปขอโทษถึงที่ เพราะถึงอย่างไรที่ร้านก็สวมรอยขายเหล้าภูเขาชิงเสินมานานหลายปี แล้วก็ยังอยากถือโอกาสถามฮูหยินท่านนั้นด้วยว่าจะขอซื้อต้นไผ่สักสองสามต้นได้หรือไม่ เพราะถึงอย่างป่าไผ่ผืนเล็กที่ซานจวินใหญ่เว่ยเพื่อนบ้านปลูกเอาไว้ก็ทนรับการดึงถอนของคนข้างกายได้อีกแค่ไม่กี่ทีแล้ว แล้วพ่อครัวใหญ่ยังจะคอยยุยงให้หมี่ลี่น้อยแวะไปส่องดูอยู่ทุกวันเช่นนั้น เฉินผิงอันที่เป็นเจ้าขุนเขารู้สึกผิดต่อมโนธรรมในใจจริงๆ

สังเกตเห็นว่าโต๊ะที่อยู่ใกล้กับตนว่างเปล่า ทั้งสุราทั้งผลไม้ถูกกวาดเอาไปจนเกลี้ยงแล้ว นี่อาเหลียงปล้นเสร็จก็เผ่นหนีเลยรึ?

ลู่จือถาม “ก่อเรื่องแบบนี้ ศาลบุ๋นไม่จัดการเจ้าหรือไร?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่หรอก ข้าลงมืออย่างพอเหมาะ ล้วนอยู่ในกฎเกณฑ์ของศาลบุ๋น”

ฉีถิงจี้เอ่ยสัพยอก “ออกกระบี่บนเกาะยวนยาง ปล่อยหมัดบนภูเขาอ๋าวโถว ขาดก็แค่เตะเกาะนกแก้วให้พลิกคว่ำแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เจ้าสำนักฉีช่างเจ้าบทเจ้ากลอนนัก”

ลู่จือกล่าว “เผยเปยจะมาหาเรื่องเจ้าหรือไม่?”

หากเผยเปยจะออกหน้าให้ลูกศิษย์อย่างหม่าฉวีเซียนให้ได้ เฉินผิงอันไม่มีทางได้เปรียบแน่นอน

เฉินผิงอันกล่าว “ไว้ค่อยว่ากัน เรือมาเจอสะพานย่อมต้องลอดผ่านไปได้ ผ่านไปไม่ได้ก็เดินลงจากเรือขึ้นฝั่ง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!