กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 806

หลี่ฮูหยินถึงได้ยอมมาพบเซียนฉา คิดไม่ถึงว่าคนพายเรือเฒ่าผู้นี้จะน้ำเข้าสมองจริงๆ เตร็ดเตร่เหมือนคนถูกผีบังตาอยู่ร้อยกว่าปีก็เพื่อเอ่ยขอบคุณกับนางแค่คำเดียวจริงๆ บอกว่าหลี่ฮูหยินมีวลีหนึ่งที่เขียนได้ดีที่สุดในฟ้าดินนี้แล้ว ดีเป็นอันดับหนึ่ง ซูจื่อหลิ่วชีอะไรนั่นล้วนเป็นพวกโสมมเขียนอะไรไร้สาระ พอมาเจอกับวลีขับขานบุปผาบทนี้ของหลี่ฮูหยินล้วนต้องไปยืนอยู่ริมขอบกันทั้งหมด…

ที่แท้หลี่ฮูหยินก็เคยเขียนคำขับขานคำว่ากุ้ยเล่นๆ อยู่บทหนึ่ง แต่เป็นดอกกุ้ยฮวาที่นางเปรียบเทียบเอาเอง

อันดับหนึ่งในมวลบุปผา เหมยต้องริษยาเบญจมาศต้องอับอาย…

ผลคือถูกเซียนฉาผู้นั้น ‘กำหนด’ ให้เป็นอันดับหนึ่งแห่งการเรียบเรียงคำ

เอ่ยขอบคุณแล้ว เซียนฉาก็ถูกอาจารย์จางผู้เป็นเจ้าของเรือส่งออกจากอาณาเขตไปอย่างมีมารยาท อาจารย์จางยิ้มเตือนคนผู้นี้ว่าวันหน้าไม่ต้องมาอีกแล้ว เรือราตรีไม่ต้อนรับ

คิดไม่ถึงว่าคนพายเรือเฒ่าจะร้องเพ้ยหนึ่งที สถานที่ห่วยๆ เช่นนี้ เชิญให้มาข้ายังไม่มาเลย

พอคิดถึงเซียนฉาก็ให้รู้สึกหงุดหงิดใจ เด็กหนุ่มเขากวางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา “ผู้ฝึกยุทธหญิงที่พูดไม่มากคนนั้น ดวงตาของนางโดดเด่นมากเป็นพิเศษ”

หลี่ฮูหยินใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพียงพยักหน้าตอบรับไปอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อดวงตาของคนสามารถรองรับตะวันจันทราเอาไว้ได้ ผู้ฝึกตนบนภูเขา คนธรรมดาล่างภูเขา เหตุใดถึงไม่อาจรองรับคนที่อยู่ตรงหน้าแค่ไม่กี่คนได้นะ”

นายท่านเสียใจ เด็กหนุ่มเขากวางก็เสียใจมากไปด้วย

ช่วงเวลาสุดท้ายของชาติก่อนนายท่านไปลงหลักปักฐานที่ต่างบ้านต่างเมืองซึ่งมีชื่อเรียกสมัยโบราณว่าหลินอัน แต่กลับไม่เคยเขียนกวีหรือวลีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับภูเขาเขียวน้ำใสของที่นั่น

อี้อัน เจี้ยนอัน หลินอัน ฉีโจว ชิงโจว หังโจว

……

ทางฝั่งของสวนกงเต๋อศาลบุ๋น มีแขกมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่ล้วนไม่รั้งรออยู่นาน เพียงแค่พูดคุยกับเหวินเซิ่งสองสามประโยคก็จากไป

หลิ่วชีกับสหายรักอย่างเฉาจู่ ภิกษุเหลี่ยวหรานแห่งวัดเสวียนคง ไหวอินแห่งอารามเฟยเซียน คู่รักคู่หนึ่งแห่งถ้ำสวรรค์เทียนอวี๋ หลิวทุ่ยแห่งฝูเหยาทวีป…

ซานจวินห้าขุนเขาของแผ่นดินกลางพากันมาเยือนสี่คน นอกจากเทพใหญ่ของภูเขาสุ้ยซานแล้ว ทุกคนล้วนมากันครบหมด

สุ่ยจวินของห้าทะเลสาบก็ยิ่งจับมือกันมาเยือน หนึ่งในนั้นก็มีหลี่เหย่โหวแห่งทะเลสาบเจี่ยวเยว่ พาสาวใช้หวงเจวี้ยนและผู้ติดตามซาชิงที่เป็นวิญญาณวีรบุรุษของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางมาด้วย

หลี่เหย่โหวพกเหล้าหมักของบ้านตัวเองมาให้ซิ่วไฉเฒ่าหลายกา แค่มองก็รู้ว่าสนิทสนมกับซิ่วไฉเฒ่าอย่างมาก พูดคุยยิ้มแย้มอย่างไม่ต้องระมัดระวัง

ทุกครั้งที่ซิ่วไฉเฒ่าออกมารับรองแขกที่มาเยี่ยมเยือน ข้างกายจะต้องพาเฉินผิงอันติดตามมาด้วย

จวินเชี่ยนนั้นขี้เกียจ จั่วโย่วไม่เหมาะจะทำเรื่องแบบนี้ ยืนเป็นน้ำเต้าตันไม่พูดไม่จาอยู่ตรงนั้น ง่ายที่จะทำให้แขกรู้สึกเหมือนเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบก้นเย็นๆ

แต่หากเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายกลับไม่เหมือนกันแล้ว ต้อนรับขับสู้ได้อย่างรอบคอบรัดกุม ควรยิ้มก็ยิ้ม ควรเปิดปากก็เปิดปาก ร่วมมือสอดประสานกับอาจารย์อย่างเขาได้อย่างแนบแน่นไร้ช่องโหว่

ของขวัญร่วมแสดงความยินดีจากภูเขาจิ่วอี๋คือชางผูพันปีที่รวบรวมโชคชะตาน้ำเอาไว้กระถางหนึ่ง เขียวปลั่งราวกับจะมีน้ำหยดออกมา บนใบหลายใบก็มีหยดน้ำรวมตัวทำท่าจะหยดมิหยดเหล่ ซานจวินยิ้มเอ่ยบอกว่ายามที่หยดน้ำร่วงลงมาให้เอาอุปกรณ์ในห้องหนังสืออย่างพวกแท่นฝนหมึกโบราณหรือที่ล้างพู่กันมารองรับน้ำก็ได้แล้ว สามารถเอามาหลอมเป็นโอสถน้ำได้

ซิ่วไฉเฒ่าบอกว่าขอรับไว้ด้วยความยินดี จากนั้นก็หันไปส่งมอบให้กับเฉินผิงอัน พึมพำพูดกับลูกศิษย์คนสุดท้ายว่าอันที่จริงภูเขาจิ่วอี๋ยังมีต้นชางผูอายุสามพันปีอยู่อีกหลายกระถาง หยดน้ำที่ก่อตัวออกมาร้ายกาจอย่างยิ่ง ใหญ่เท่ากำปั้นเชียวล่ะ เฉินผิงอันจึงบอกว่าเรื่องที่ได้ยินคนอื่นเขาเล่ามาแบบนี้ อาจารย์จะเชื่อไม่ได้ อิงตามบันทึกในตำราแล้ว อย่างมากสุดหยดน้ำก็น่าจะใหญ่แค่เหรียญทองแดงเท่านั้น

ทำเอาเทพภูเขาจิ่วอี้ที่ได้ยินรู้สึกหวาดระแวง กังวลว่าพรุ่งนี้อาจารย์และศิษย์คู่นี้จะไปรีดไถถึงที่ภูเขาบ้านตน

และยังมีหูจวินท่านหนึ่งที่มอบเทียบตัวอักษรมาให้ ด้านบนเขียนสามคำว่า ‘ล่านจุ้ยหรู’ กระดาษเซวียนจื่อลายน้ำ พอจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่ามีแมลงว่ายวนอยู่ด้านใน เล็กบางเหมือนเส้นด้าย บนเทียบตัวอักษรเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา กลิ่นหอมสดชื่นลอยโชยมาปะทะจมูก

แมลงที่ถูกเลี้ยงไว้ในเทียบตัวอักษรล้ำค่าตัวนั้น หากอิงตามบันทึกของตำราโบราณ แมลงในน้ำใต้มีชื่อว่าจิ่วหนี (ดินสุรา) หากอยู่ในน้ำจะมีชีวิต ขึ้นฝั่งพ้นจากน้ำจะเมามาย สามารถพ่นเหล้าหมักออกมาได้ น้อยหน่อยก็เต็มถ้วย มากหน่อยก็เต็มถัง วัตถุประเภทนี้มหัศจรรย์ยิ่ง จับได้ยากอย่างถึงที่สุด มีเพียงใส่ไว้ในเหล้าหมักชั้นดีเท่านั้น ต้องใช้เหล้าเป็นเหยื่อล่อ ใช้กาเหล้าเป็นข้องจับปลา ถึงจะมีโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะจับได้ และยิ่งยากจะเลี้ยงเอาไว้ได้ เพราะมีกฎเกณฑ์เยอะมาก

เทียบอักษรล้ำค่าถูกวางไว้บนโต๊ะ ทุกคนร่วมกันชื่นชม ผลคือซิ่วไฉเฒ่าเปิดปากก็ถามราคาทันทีว่าเท่าไร

ถามจนหูจวินท่านนั้นปวดหัวแปลบ

แต่ทางฝั่งของซิ่วไฉเฒ่าก็มีการแสดงท่าทีอยู่เหมือนกัน เพราะได้เตรียมเทียบตัวอักษรหรือไม่ก็กลอนคู่เอาไว้นานแล้ว พอมีแขกมาเยือนก็จะมอบกลับคืนให้หนึ่งชิ้น ถือเป็นของขวัญตอบแทน

บวกกับที่เฉินผิงอันเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางได้อย่างดีเยี่ยม เข้าใจกระจ่างชัดเหมือนเป็นสมบัติในบ้านตัวเอง ยามที่พูดคุยกับแขกทั้งหลาย ในฐานะผู้เยาว์ไม่มีอะไรจะมอบให้ มีเพียงความจริงใจอย่างเดียวเท่านั้น

เฉินผิงอันมองออกว่าแขกทุกคนที่ได้รับของขวัญตอบแทนกลับคืนจากอาจารย์ ล้วนรู้สึกยินดีอย่างไม่คาดฝัน

ความไม่คาดฝันนั้นมีสองชั้น หนึ่งเพราะเป็นของขวัญที่หนัก เพราะถึงอย่างไรทั้งเทียบอักษรและคำขวัญกลอนคู่ก็ล้วนเป็นลายมือของอริยะศาลบุ๋นของแท้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอักษรเหวิน (อักษร) ด้านหน้าอักษรเซิ่งของอาจารย์ตน น้ำหนักจะไม่หนักได้หรือ แล้วนับประสาอะไรกับที่ตัวอักษรทุกตัว ซิ่วไฉเฒ่าล้วนเขียนอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้สาวใช้หวงเจวี้ยนของหูจวินหลี่เหย่โหวมาช่วยรับเทียบอักษรแทนเจ้านาย ผลคือถึงกับเซสะดุดจนเทียบอักษรในมือเกือบจะหล่นลงพื้น ยังเป็นเฉินผิงอันที่ก้มเอวไปรับตัวอักษรไว้อย่างทันท่วงที แล้วจึงยิ้มมอบส่งไปให้ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบที่ชื่อว่าซาชิงคนนั้น

นอกจากนี้ก็คงจะเป็นเพราะแขกทุกคนที่มาเยือนสวนกงเต๋อล้วนคาดไม่ถึงว่าซิ่วไฉเฒ่าจะมีของขวัญตอบแทนกลับคืนให้กระมัง

ซานจวินหญิงแห่งภูเขาแยนจือมีชื่อว่าจูอวี้เซียน ฉายาค่อนข้างประหลาด ขู่ไฉ่ (ผักขม)

ตอนที่มาข้างกายของนางมีผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์จากราชวงศ์เส้าหยวนติดตามมาด้วย จูเหมย ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีวาสนาตระกูลเซียนที่ผูกเป็นพันธะสัญญาต่อกัน

จูเหมยที่จากลากับเฉินผิงอันไปนานแล้วได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งหัวเราะร่า นางไม่ทำตัวห่างเหินแม้แต่น้อย กุมหมัดเอ่ยหยอกเย้าว่า “ข้าน้อยคารวะใต้เท้าอิ่นกวานผู้อ่อนโยนมัธยัสถ์อดออม”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “แม่นางจูกล่าวหนักเกินไปแล้ว”

ซิ่วไฉเฒ่าลูบหนวดผงกศีรษะ “คำพูดนี้ของแม่นางจูพูดได้ดียิ่ง สกุลจูเซียนเสียมีแม่นางจูก็ควรจะจุดธูปขอบคุณบรรพบุรุษให้มากจริงๆ”

เฉินผิงอันเริ่มกางกระดาษหยิบพู่กัน ซิ่วไฉเฒ่าจึงเขียนบทกวีที่เกี่ยวกับวิถีโบราณแห่งเซียนเสียขึ้นมาหนึ่งบท มอบมันให้กับจูเหมย

ในฐานะของขวัญร่วมแสดงความยินดีจากภูเขาแยนจือ ซานจวินหญิงเพียงหนึ่งเดียวในแผ่นดินกลางของจูอวี้เซียน นอกจากจะเอากล่องไม้ไผ่ยาวที่บรรจุชาดทาแก้มและผงประทินโฉมล้ำค่าหายากยี่สิบกล่องไว้จนเต็มออกมาให้แล้ว

นางยังเอานกนางแอ่นดำที่พับจากกระดาษออกมาอีกหนึ่งตัว รวบรวมโชคชะตาบุ๋นและปราณวิญญาณของขุนเขาสายน้ำสองส่วนเอาไว้อย่างเข้มข้น สามารถเอาไปวางไว้บนเสาคานบ้านหรือไม่ก็ด้านหลังกรอบป้าย ก็เท่ากับว่าในบ้านมีคนจิ๋วควันธูปเพิ่มมาคนหนึ่ง เพียงแต่ว่ายังมีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือบ้านที่วางนกนางแอ่นกระดาษนี้เอาไว้จะต้องอยู่ใกล้กับภูเขา ภายในร้อยลี้จะต้องมีภูเขาสูง หากมีขุนเขาแห่งแคว้นก็ยิ่งดีเยี่ยม ไม่อาจอยู่ในบ้านที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบหรือตั้งอยู่ใกล้กับน้ำใหญ่ได้

ถึงอย่างไรคนที่มาแสดงความยินดีที่ซิ่วไฉเฒ่าได้ตำแหน่งเทพในศาลบุ๋นกลับคืนมาที่สวนกงเต๋อก็มีน้อย ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ได้ทยอยกันออกไปจากอาณาเขตของศาลบุ๋นแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นจวี้จื่อแห่งสำนักโม่ที่พอการประชุมสิ้นสุดลงก็ได้เดินทางไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ ข้างกายมีสวี่รั่วจอมยุทธพเนจรติดตามมาด้วย

เมื่อสวี่รั่วพูดถึงอิ่นกวานหนุ่ม จวี้จื่อสำนักโม่ที่สีหน้าเฉยเมยส่ายหน้า ไม่เอ่ยอะไรสักคำ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดถึงคนผู้นี้มากนัก

สวี่รั่วรู้สาเหตุดี เป็นเพราะกู้ช่าน เพราะจวี้จื่อสำนักโม่ข้างกายคนนี้เคยสังหารลูกศิษย์กับมือตัวเอง สังหารญาติมิตรเพื่อคุณธรรมยิ่งใหญ่

ดังนั้นหากไม่ผิดไปจากที่คาดล่ะก็ เฉินผิงอันที่ไม่สังหารกู้ช่าน วันหน้าเขากับสายทั้งหลายของสำนักโม่ก็จะเป็นได้แค่น้ำบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้ำคลองเท่านั้น

พวกกวอโอ่วทิงแห่งภูเขาต้นไม้เหล็กและชงเชี่ยนเซียนหญิงแห่งหลิวเสียทวีปต่างก็ไม่ได้ย้อนกลับไปยังสำนักของตัวเองก่อนสักรอบก็ออกเดินทางไปแล้ว

ส่วนพวกจักรพรรดิราชครูของราชวงศ์ใหญ่ทั้งหลายที่ไม่จำเป็นต้องลงสนามรบที่เปลี่ยวร้างก็กลับไประดมพลรวบรวมกองกำลัง เรียกตัวผู้ฝึกตนบนภูเขามาช่วยกันสร้างเรือข้ามฟากที่เหมาะแก่การเดินทางไกล…ทุกคนล้วนมีธุระให้ต้องทำ

ก่อนที่ฮว่อหลงเจินเหรินจะเดินทางไปเยือนใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้มาที่สวนกงเต๋อรอบหนึ่ง เขาเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับซิ่วไฉเฒ่า กอดคอพูดคุยยิ้มแย้ม ดื่มเหล้าชนจอกกันไม่หยุด ต่างก็ดื่มกันจนเมามายหน้าแดงก่ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!