เรือราตรี นครหลิงซี
ท่ามกลางแสงสนธยาของวันนี้ หนิงเหยาคิดว่าจะไปเยือนนครแห่งถัดไป นางจึงยกกระบี่ฟันผ่าตราผนึกของเรือราตรีให้คลายออก แสงกระบี่พุ่งทะยานไปยังชั้นเมฆ เพื่อที่จะได้ให้ศาลบุ๋นของแผ่นดินกลางรู้ร่องรอยของเรือราตรีลำนี้
ก่อนจะเดินทาง หนิงเหยาพาเผยเฉียน หมี่ลี่น้อยและเด็กชายผมขาวไปหาเจ้านครหญิงที่ได้รับการขนานนามว่าต้นตำรับแห่งถ้อยคำนุ่มนวลละมุนละไมของใต้หล้าไพศาล นอกจากจะขอบคุณการรับรองต้อนรับจากนครหลิงซีแล้ว ยังช่วยนำความของเจียงซ่างเจินสหายของเฉินผิงอันมาบอกแก่นาง
หลี่ฮูหยินกับเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่บนศีรษะมีเขากวางพาคนต่างถิ่นเหล่านี้เดินไปบนสะพานแบบคานที่สูงลอยพ้นเหนือทะเลเมฆ แสงเรืองรองยามสนธยาที่อยู่ใกล้กับสะพานเหมือนผ้าแพรเนื้อดี ราวกับภูษาล้ำค่าสีแดงสดผืนหนึ่งที่ถูกปูแผ่เอาไว้ ทุกคนเดินขึ้นที่สูงมองไปไกล ทัศนียภาพงดงามสบายตาสบายใจ กลิ่นสดชื่นของภูเขาเคล้าไปกับแสงสายัณห์ สกุณาโบยบินหยอกล้อ ฟ้าดินเงียบสงบชวนให้จิตใจคนร่มเย็น
หลี่ฮูหยินพลันไม่สบอารมณ์ เพราะปลายสุดด้านหนึ่งของสะพานมีแขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาจากนครสิงหรง
นางชื่นชมหนิงเหยา แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะชื่นชอบผู้ฝึกกระบี่ทุกคน
วิถีแห่งกระบี่แห่งใต้หล้าของหนิงเหยาก็เหมือนวิถีแห่งบทวลีของนางที่ไม่พ่ายแพ้ให้กับบุรุษคนใด ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคโบราณหรือยุคปัจจุบัน
หนิงเหยาขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดเรือราตรีลำนี้ อยู่ดีๆ ถึงได้มีผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งเพิ่มมาอย่างไร้สาเหตุ
หรือว่าคนผู้นี้มาเพราะมุ่งเป้ามาที่เฉินผงิอัน?
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย?
หนิงเหยาหันหน้าไปเอ่ยกับหลี่ฮูหยิน “มาหาพวกเราเอง ฮูหยินมองดูเฉยๆ ก็พอ หากไม่ทันระวังต่อสู้กันจนสร้างความเสียหายให้กับนครหลิงซี หลังจบเรื่องข้าต้องชดใช้ให้ตามราคาที่สมควรอย่างแน่นอน”
นางไม่มีเงิน แต่เฉินผิงอันมี
หลี่ฮูหยินพยักหน้ารับ ไม่เต็มใจจะเข้าร่วมความถูกผิดและบุญคุณความแค้นบนภูเขาของไพศาลพวกนี้จริงๆ จึงพาเด็กหนุ่มเขากวางที่ถือกำเนิดจากการจำแลงของโชคชะตาบุ๋นออกไปจากที่แห่งนี้
สิงกวาน ตู้ซานอินลูกศิษย์ผู้สืบทอด สาวใช้จี๋ชิง ร่างจำแลงของบรรพบุรุษแห่งเงิน
ตู้ซานอินเห็นสตรีที่สะพายกระบี่คนนั้นแล้วก็ให้ตื่นเต้นเล็กน้อย เอ่ยเรียกไปคำหนึ่งว่าเซียนกระบี่หนิง จากนั้นก็บอกชื่อแซ่ตัวเอง บอกตรอกที่พักของเขาในกำแพงเมืองปราณกระบี่
จี๋ชิงคลี่ยิ้มหวานหยด ยอบกายคารวะ เรียกคำหนึ่งว่าแม่นางหนิง
หนิงเหยาพยักหน้าตอบกลับคืน
บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมืดทะมึนของสิงกวานมีรอยยิ้มให้เห็นอย่างที่หาได้ยาก เขาแนะนำตัวเองว่า “ข้าชื่อหาวซู่ เมื่อก่อนตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็อยู่ในคุกมาโดยตลอด”
หนิงเหยากระจ่างแจ้งอยู่ในใจ กุมหมัดคารวะ “คารวะผู้อาวุโสสิงกวาน”
นางไม่เคยเจอสิงกวานมาก่อน แต่เคยได้ยินชื่อ ‘หาวซู่’ นี้ เฉินซีที่เปลี่ยนชื่อเป็นเฉินจีอยู่ในนครบินทะยาน เมื่อหลายปีก่อนเคยเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง บอกว่าครั้งหน้าที่เปิดประตู หากคนผู้นี้สามารถมาเยือนใต้หล้าแห่งที่ห้า อีกทั้งยังยินดีที่จะรับตำแหน่งสิงกวานต่อ ก็จะกลายเป็นกำลังช่วยเหลือที่ใหญ่มากของนครบินทะยาน
สิงกวานหาวซู่ แม้ว่าจะมีอคติตามธรรมชาติกับเฉินผิงอัน แต่นั่นก็เพียงแค่เพราะเฉินผิงอันได้ครอบครองพื้นที่มงคลแห่งหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของพื้นที่มงคลแห่งใดในใต้หล้า หาวซู่ล้วนไม่มีความรู้สึกดีๆ ด้วยอยู่แล้ว
แต่กับหนิงเหยา เขากลับมีความรู้สึกที่ผู้อาวุโสมีต่อผู้เยาว์อยู่หลายส่วน
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ตู้ซานอินลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวได้รู้ชื่อต้องห้ามของอาจารย์ตน
เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ไม่เคยมีแซ่ หรือจงใจละเว้นไว้ไม่พูดถึง
เด็กชายผมขาวรู้สึกขนหัวลุกจึงขยับเท้าทีละนิดไปยืนอยู่ด้านหลังเผยเฉียน คิดดูแล้วก็รู้สึกว่าไปยืนอยู่ด้านหลังหมี่ลี่น้อยน่าจะมั่นคงยิ่งกว่า ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าฟักแคระ นางงอสองเข่าน้อย ตนมองไม่เห็นสิงกวานก็คิดไปว่าสิงกวานเองก็มองไม่เห็นนาง
หาวซู่ชำเลืองตามองเด็กชายผมขาวแล้วใช้เสียงในใจเอ่ยกับหนิงเหยา “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในนครหรงเม่าถูกอู๋ซวงเจี้ยงมาโรมรัน บีบให้ต้องต่อสู้กันไปรอบหนึ่ง ข้าตัดใจทุ่มชีวิตไม่ลง ดังนั้นจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”
ตัดใจไม่ลง คำกล่าวของสิงกวานท่านนี้ค่อนข้างจะลุ่มลึกมีนัยให้ขบคิด
หนิงเหยาพยักหน้ารับ
เรื่องของการข้ามขอบเขตสังหารศัตรูของผู้ฝึกกระบี่ เมื่ออยู่บนยอดเขาอย่างแท้จริงจะต้องเจอด่านที่สูงมากด่านหนึ่ง
อู๋ซวงเจี้ยงแห่งตำหนักสุ้ยฉูผู้นั้นสังหารได้ยากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ไม่นานหนิงเหยาเพิ่งจะได้สัมผัสมา
หนิงเหยาถาม “หวนกลับมายังไพศาลครั้งนี้ ผู้อาวุโสจะไปแก้แค้นหรือ?”
นางไม่ชอบโอภาปราศรัยกับคนอื่น แล้วก็ไม่ชอบพูดจาวกวนอ้อมไปอ้อมมา หากผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้ไม่ใช่สิงกวาน ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดคุยกันแล้ว
หาวซู่พยักหน้ารับ “ไปแก้แค้น เป็นเรื่องของที่บ้านเกิด ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมีคนผู้หนึ่งชื่อหนันกวงจ้าว ตบะไม่ต่ำ ขอบเขตบินทะยาน แต่ตอนนี้เหลือแค่ขอบเขตอย่างเดียวแล้ว ไม่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่า ที่เหลือก็เป็นพวกเศษสวะเหมือนกัน ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ต่อให้ไม่ตายก็ได้แต่มีชีวิตรอดอยู่ไปวันๆ เท่านั้น ไม่มีค่าพอให้พูดถึง เพียงแต่ว่าหลังจากสังหารหนันกวงจ้าวแล้ว หากโชคดีหนีรอดมาได้ ข้าก็จะไปใต้หล้ามืดสลัว โชคไม่ดี คาดว่าคงต้องไปอยู่เป็นเพื่อนหลิวชาในสวนกงเต๋อแล้ว นครบินทะยานก็น่าจะไปเยือนไม่ได้ชั่วคราว ถึงอย่างไรสิงกวานอย่างข้าก็ทำหน้าที่ได้ธรรมดาอยู่แล้ว”
สำหรับบัญชีเก่าทั้งหลายพวกนี้ หนิงเหยาแค่รับฟังไปเท่านั้น
อยู่ดีๆ สิงกวานผู้นี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “หาใครมาเป็นคู่รักไม่หา ดันหาเฉินผิงอันมาเสียได้”
หนิงเหยาส่ายหน้า “เรื่องนี้ผู้อาวุโสไม่มีสิทธิ์มาเจ้ากี้เจ้าการ”
เด็กชายผมขาวแอบหันหน้าไปมองแล้วก็แอบยกนิ้วโป้งให้ คำพูดประเภทนี้ก็มีแต่หนิงเหยาจริงๆ ที่กล้าพูด
ดูเข้าสิ สิงกวานอะไรกัน ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม โอ้โห ยังหัวเราะอีกด้วย ทำไมเจ้าไม่หัวเราะให้ฟันร่วงไปเลยเล่า?
หาวซู่เหล่ตามองไปทางฝั่งนั้น
เด็กชายผมขาวรีบหลบกลับไป ย่นคอทันใด
หมี่ลี่น้อยไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น สนแต่จะถือไม้เท้าเดินป่า ยืนนิ่งไม่ขยับ ช่วยบังลมบังฝนให้กับเจ้าฟักแคระผมขาวที่อยู่ข้างหลัง
แม่นางน้อยชุดดำยิ้มกว้างให้กับบุรุษผู้นั้น ก่อนจะรีบเปลี่ยนมาเป็นเม้มปากยิ้ม
หาวซู่พยักหน้ายิ้มให้ ถือว่าทักทายกับแม่นางน้อยแล้ว
หมี่ลี่น้อยรีบเลียนแบบเจ้าขุนเขาคนดี กอดไม้เท้าสีเขียวไว้ในอ้อมอก ก้มหน้ากุมหมัด ก็เป็นคนเก่าแก่ในยุทธภพแล้วนี่นะ
หนิงเหยาเอ่ยแนะนำ “หมี่ลี่น้อยคือผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว”
หาวซู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ภูเขาบ้านเกิดของเฉินผิงอันให้ภูตน้อยที่เป็นแค่ขอบเขตถ้ำสถิตมาทำหน้าที่เป็นผู้ถวายงานปกป้องภูเขาเนี่ยนะ?
บุรุษยืนอยู่กลางสะพาน สภาพจิตใจของคนมาเยือนไม่เหมือนกัน ต่อให้ทัศนียภาพจะเป็นแบบเดียวกันก็ยังเป็นความรู้สึกคนละแบบ
ภูเขาเยียบเย็นเหน็บหนาวเหลือเพียงเสี้ยวแสงสว่าง ต้นหญ้าขาวโพลนใบไม้แห้งแดงดอกไม้เหลืองโรย
บุรุษที่เดิมทีคิดว่าแค่มาทักทายหนิงเหยาก็จะจากไปเกิดลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ให้เขาระวังแผนการในมุมมืดบางอย่างหน่อย คาดว่าน่าจะมีคนอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคน กระจายอยู่เก้าทวีป ส่วนเป็นใครกันบ้าง เพราะติดที่คำสัญญา ข้าจึงไม่อาจพูดมากแล้ว”
บอกกล่าวได้แค่เท่านี้แล้ว
ต่อให้พูดได้ เขาเองก็คร้านจะพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!