กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 807

จิงเซิงซีผิงชี้ไปยังกระดานหมาก “เอาไป หน้าไม่อายก็เอาไปอีกสักสองสามเม็ดสิ”

ซิ่วไฉเฒ่าอึ้งตะลึง รีบหยิบเม็ดหมากบนกระดานขึ้นมาอีกหลายเม็ดทันที “หึ นึกไม่ถึงว่าใต้หล้าจะมีคำขอร้องแบบนี้ด้วย น่าประหลาดนัก คงได้แต่ผิดต่อมโนธรรมในใจ ยอมตามใจเจ้าแล้ว!”

ซีผิงไม่วางเม็ดหมากอีก เชิญเม็ดหมากทั้งหมดในมือกลับลงโถเก็บทันที

ซิ่วไฉเฒ่ามองสถานการณ์บนกระดานแล้วก็เอาเม็ดหมากมากมายในมือวางกลับลงไปตำแหน่งเดิม จากนั้นก็ทอดถอนใจเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะชนะซีผิงบนกระดานหมากได้ หากแพร่ออกไปใครเล่าจะกล้าเชื่อ”

ซีผิงหัวเราะหึหึ “ทำไมไม่พูดว่าเมื่อก่อนเป็นเพราะลูกศิษย์คนสุดท้ายไม่อยู่ข้างกายก็เลยเก็บออมฝีมือการเล่นไว้เจ็ดแปดส่วนเสียเลยเล่า”

สองฝ่ายที่คุมเชิงกันห่างไปไกล

เฉินผิงอันมือถือฝักกระบี่ “มอบให้เจ้า?”

เฉาสือส่ายหน้า “ไม่ต้อง”

คนทั้งสองหมุนตัวกลับแทบจะเวลาเดียวกัน คนหนึ่งกลับศาลา ไปพบอาจารย์และศิษย์พี่ อีกคนหนึ่งเตรียมจะเดินออกไปจากสวนกงเต๋อ ไปพบกับศิษย์พี่หญิง

ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่เดินไปสู่จุดสูงสุดของวิถีวรยุทธทั้งสองคน ต่างก็ยังพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้นได้ สองฝ่ายเดินหันหลังให้กัน ฝีเท้าล้วนเชื่องช้า ท่วงท่าสุขุมเยือกเย็น

คนหนึ่งคิดว่าช่วยอธิบายเหตุผลให้เฉินผิงอันฟังแทนอาจารย์และศิษย์พี่จบแล้ว ดูเหมือนว่าตนก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำแล้ว มาเดินเล่นที่สวนกงเต๋อ? ดูเหมือนว่าจะน่าเสียดายนิดๆ

คนหนึ่งคิดว่าในยุทธภพมีปลาและมังกรปะปนกัน มีคนที่บุกเข้าในในยุทธภพ มีคนที่วิ่งหนีออกจากยุทธภพ มีคนที่คลุกคลีอยู่ในยุทธภพ บางคนตัวอยู่ในยุทธภพแต่กลับไม่อาจเป็นคนในยุทธภพได้ตลอดกาล

คนชุดขาวเฉาสือคิดถึงการเดิมพันที่ไม่แพ้ อิ่นกวานหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ได้ยินมาว่านั่งเป็นเจ้ามือหากำไรเก่งที่สุด ได้ลงเดิมพันบ้างหรือไม่?

คนชุดเขียวเฉินผิงอันคิดถึงเรื่องที่ตัวเองแพ้ติดต่อกันสามครั้ง ภายหลังลูกศิษย์ก็แพ้ติดต่อกันอีกสี่ครั้ง ไม่ว่าคิดอย่างไรก็รู้สึกแปลกพิกล

คนหนึ่งคิดว่าดูเหมือนชั่วชีวิตนี้ตนจะถูกถามหมัดมาโดยตลอด น้อยครั้งนักที่ตนจะมีความคิดอยากถามหมัดกับใคร วันนี้แสงจันทร์แสงดาวบางตา ฟ้าดินเงียบสงัด ดูเหมือนว่าเหมาะจะประลองฝีมือกับคนอื่นอย่างมาก

คนหนึ่งอยู่ดีๆ ก็คิดถึงผู้เฒ่าบนชั้นสองที่ก่อนจะสอนกระบวนท่าหมัดได้สอนสัจธรรมของหมัดก่อน บอกว่าเรียนวิชาหมัดสำเร็จแล้ว เมื่อส่งหมัดออกไป ต้องสอนให้ผู้ฝึกยุทธในใต้หล้ารู้สึกแค่ว่าท้องฟ้าอยู่เบื้องบน ความหมายยิ่งใหญ่ในการออกหมัดก็คือเบื้องหน้าไร้คน ตอนนี้ตนเดินอยู่อย่างนี้ แน่นอนว่าเบื้องหน้าไร้คน แต่ขอแค่หันกลับไปก็ไม่ใช่เบื้องหน้าไร้คนอีกแล้ว?

เฉาสือรู้สึกว่าหากจากไปทั้งอย่างนี้ เหมือนจะขาดความหมายอะไรบางอย่างไป

เฉินผิงอันรู้สึกว่าเว้นเวลาห่างมาหลายปี คลาดกับเฉาสือไปคล้ายจะไม่เข้าท่า

ดังนั้นคนทั้งสองจึงหยุดเดินในเวลาเดียวกัน

เฉาสือยืนอยู่ที่เดิม ยื่นมือออกมา ใช้สองนิ้วจับปากชายแขนเสื้อของชุดคลุมยาวสีขาวหิมะบนร่าง สวมชุดคลุมอาคมตัวนี้แล้วค่อยออกหมัด ไม่ไวมากพอ

เฉินผิงอันโยนฝักกระบี่ไปทางศาลา ให้ศิษย์พี่จวินเชี่ยนช่วยเก็บรักษาไว้ให้ก่อนชั่วคราว หลังจากหยุดเดินแล้วก็ม้วนชายแขนเสื้อขึ้น

เฉาสือหันหน้ากลับมา ยิ้มถามว่า “ประลองฝีมือกันสักครั้ง หยุดแต่พอสมควร?”

เฉินผิงอันเองก็หันกลับมา “เจ้าอายุมาก หมัดสูงกว่า เจ้าเป็นคนตัดสินใจ?”

นาทีถัดมาก็มองไม่เห็นเงาร่างของคนทั้งสองตรงจุดเดิมอีก ต่างคนต่างปล่อยหมัดแรกออกมาอย่างเต็มกำลัง

สวนกงเต๋อที่ค่ายกลตราผนึกมากพอจะสยบกำราบผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งได้ประหนึ่งภูเขาลอยพ้นจากพื้น เหมือนถูกเซียนหิ้วเอาไว้ในมือแล้วทุ่มลงไปในทะเลสาบ ลมปราณซัดกระเพื่อมรุนแรง ต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าที่อยู่ในรัศมีร้อยจั้งซึ่งมีผู้ฝึกยุทธหนุ่มทั้งสองเป็นจุดศูนย์กลางหักครึ่งแล้วปริแตกลงมาทั้งหมด

แม่น้ำแห่งกาลเวลาของใต้หล้าไพศาลจะอ้อมผ่านสวนกงเต๋อไปโดยอัตโนมัติ ในอดีตได้ถูกปรมาจารย์มหาปราชญ์ดึงเอากระแสน้ำไหลช่วงหนึ่งมากักไว้ในสวนกงเต๋อ เวลานี้มีจิงเซิงซีผิงเป็นผู้ควบคุม

จิงเซิงซีผิงยืนอยู่บนขั้นบันไดนอกศาลา สะบัดชายแขนเสื้อร่ายวิชาอภินิหาร เป็นเหตุให้แม่น้ำแห่งกาลเวลาไหลย้อนกลับ ความเสียหายที่มาจากพายุหมัดซัดแรงเหมือนน้ำตกของทั้งเฉาสือและเฉินผิงอันจึงกลับคืนสู่สภาพเดิมในชั่วพริบตา

หากรอให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเสร็จแล้วค่อยปล่อยให้แม่น้ำแห่งกาลเวลาไหลย้อนกลับ แม้แต่ซีผิงก็ไม่กล้าแน่ใจว่าสวนกงเต๋อแห่งนี้จะเหมือนก่อนหน้าโดยไม่ผิดไปสักเสี้ยวหรือไม่

จั่วโย่วคลายตบะออกมาเล็กน้อย ปราณกระบี่บนร่างไหลเอ่อล้นออกมาปกป้องศาลา ป้องกันปณิธานหมัดที่ไหลเชี่ยวกรากบดฟ้าบังดินส่วนนั้นไว้ได้พอดี

หลังของเฉาสือแนบติดกับต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง ต้นป่ายโบราณด้านหลังโยกคลอนเบาๆ ยื่นมือมาตบรอยประทับตรงหน้าอก เสื้อของเฉาสือยังคงเป็นสีขาว เพียงแต่ว่าเก็บชุดคลุมอาคมอาวุธเซียนตัวก่อนหน้านี้ใส่ลงชายแขนเสื้อไปแล้ว

เฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนราวรั้วสะพานหยกขาวห่างไปไกล ตรงหน้าผากมีรอยแดงน้อยๆ

ระหว่างคนทั้งสอง เดิมทีมีร่องลึกยาวหลายจั้งเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา เพียงแต่ว่าถูกจิงเซิงซีผิงใช้เวทคาถาปาดให้ราบเรียบ

เฉินผิงอันดีดปลายเท้าหนึ่งที เรือนกายพลันหายวับไป ในเมื่อมีคนช่วยเก็บกวาดซากเละเทะให้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสนใจเรื่องมารยาทพิธีการอะไรแล้ว หลังจบเรื่องค่อยขออภัยอาจารย์ซีผิงก็ยังไม่สาย

สะพานหยกขาวใต้ฝ่าเท้าพลันสลายกลายเป็นผุยผง ลำพังเพียงแค่เหยียบลงไปเบาๆ หนึ่งที ปณิธานหมัดหนักอึ้งก็ทำให้มันจมลึกลงไปด้านล่าง ใต้พื้นดินมีเสียงฟ้าคำรามดังอื้ออึง

แม้หมัดของเฉินผิงอันจะเป็นรอง แต่ความห่างชั้นกลับไม่มากมายเหมือนปีนั้นตอนที่อยู่บนกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกแล้ว

ดังนั้นหมัดเมื่อครู่นี้ตนเสียเปรียบมากกว่า แต่กลับไม่ถึงขั้นแม้แต่ชายเสื้อผ้าของเฉาสือก็ยังแตะไม่โดนอย่างแน่นอน

เดิมทีคิดจะใช้หมัดแทงไปที่ลำคอของเฉาสือ ปล่อยให้ตัวเองโดนหมัดของเฉาสือที่ต่อยมาแสกหน้าไปก่อน แต่พอทิ้งระยะห่างออกมาได้เล็กน้อย ศีรษะของเฉินผิงอันก็ผงะหงายไปด้านหลัง จากนั้นค่อยเปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือ ถือโอกาสตบลงไปบนหัวใจของอีกฝ่าย

หากเปลี่ยนมาเป็นพวกหม่าฉวีเซียน เจอกับกระบวนท่านี้เข้าไป อย่างน้อยต้องนอนแบ๊บบนเตียงหลายเดือนโดยที่พูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว

เฉาสือรู้มานานแล้วว่าเฉินผิงอันต่อสู้เก่งอย่างมาก เรือนกายแข็งแกร่งผิดปกติจนไร้เหตุผล ตอนที่อยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ฝึกหมัดอย่างดุดัน วิธีการที่ใช้ป่าเถื่อนอย่างมาก แต่เมื่อครู่นี้เฉินผิงอันเจอกับหนึ่งหมัดเต็มๆ เข้าที่หน้าผากกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย นี่ทำให้เฉาสือรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

เรือนกายของทั้งสองฝ่ายเหมือนสายรุ้งยาว ก้าวออกไปง่ายๆ แค่ก้าวเดียวก็เหมือนเซียนบนภูเขาที่หดย่อขุนเขาสายน้ำ ต่างคนต่างอาศัยลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกหนึ่งลอดทะลวงอยู่ในสวนกงเต๋อไม่หยุด หากไม่ต่างคนต่างผลักกระบวนท่าของอีกฝ่ายออกได้ก็ต้องได้ใช้หมัดแลกหมัด ไม่มีทางที่ฝ่ายหนึ่งต่อยโดนคู่ต่อสู้ อีกฝ่ายต่อยลงบนความว่างเปล่าอย่างแน่นอน

แต่กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าของเฉินผิงอันกลับไม่อาจปล่อยปณิธานหมัดเชื่อมโยงกันได้จริงๆ ระหว่างนั้นเฉาสือประกบสองนิ้ว ก่อนที่เฉินผิงอันจะส่ง ‘หมัดที่สอง’ ของท่าตีกลองสายฟ้าออกมา ก็ถึงกับปาดปณิธานหมัดที่หลงเหลืออยู่บนร่างทิ้งไปหมดสิ้นแล้ว

เมื่อเทียบกับอวี้เจวี้ยนฟูที่ปีนั้นพยายามสะบั้นปณิธานหมัดที่เชื่อมโยงติดต่อกันของกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าแล้ว เฉาสือทำได้อย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์กว่ามากจริงๆ

เฉาสือเบี่ยงศีรษะ แต่กระนั้นก็ยังถูกหมัดที่พุ่งมาในแนวขวางต่อยเข้าที่จุดไท่หยาง ศีรษะของเฉาสือส่ายสะบัดอยู่สองสามที เพียงแต่ว่าฝีเท้ากลับมั่นคง แค่ขยับเท้าออกไปด้านข้างไม่กี่ก้าวเท่านั้น

เฉินผิงอันถูกสองหมัดของเฉาสือต่อยลงบนหน้าอก มองดูเหมือนสองมือปล่อยหมัดออกมาพร้อมกัน แต่กลับเป็นปณิธานหมัดสองอย่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นเหตุให้ไม่เพียงแต่สองเท้าของเฉินผิงอันลอยพ้นพื้น ร่างปลิวกระเด็นออกไปหลายสิบจั้งในชั่วพริบตา ฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์ก็ยิ่งเหมือนถูกผู้ฝึกกระบี่ใช้กระบี่ฟันผ่าเอว เรือนกายผู้ฝึกยุทธยังดีหน่อย ได้รับบาดเจ็บไม่หนัก เฉินผิงอันย่อมมีวิธีสลายพละกำลังเกินครึ่งของสองหมัดออกไป เพียงแต่ว่าปราณวิญญาณในช่องโพรงลมปราณของผู้ฝึกตนกลับเหมือนมีกระแสน้ำซัดขึ้นลงอย่างรุนแรง ไม่ถือว่าสบายนัก

เฉาสือฉวยโอกาสนี้พุ่งมาด้านหน้า ฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงมาหมายจะกดหัวเฉินผิงอัน

ระหว่างฟ้าดินก็มีเฉาสือชุดขาวอีกหลายคนที่ทยอยกันปรากฏตัวยังจุดอื่น ราวกับทำนายได้ล่วงหน้า ต่างคนต่างออกหมัด

ผลคือเฉินผิงอันเหมือนถูกเฉาสือทยอยต่อยหมัดใส่ทั้งหมดหกหมัด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!