กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 808

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันอยู่ที่สวนกงเต๋อได้ไปหาหลิวชา ไม่มีวัตถุประสงค์อะไร ก็แค่ไปพูดคุยกับผู้ฝึกกระบี่ที่เคยมีวิถีกระบี่และเวทกระบี่สูงสุดในใต้หล้าเปลี่ยวร้างสองสามคำเท่านั้น

หลังจากที่จิงเซิงซีผิงช่วยคลายตราผนึกของพื้นที่ลับออกให้ เฉินผิงอันก็ไปเจอกับจอมยุทธพเนจรเคราดกที่เวลานั้นนั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ

เฉินผิงอันนั่งลงด้านข้างแล้วก็ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ท่านตั้งชื่อให้ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาว่าจู๋เชี่ย มีความหมายที่ลึกล้ำกว่านั้นหรือไม่?”

หลิวชาตอบกลับ “ไม่ต่างจากที่เจ้าคาดเดาสักเท่าไร”

ต่งซานเกิงเซียนกระบี่ผู้อาวุโสของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เดิมทีกระบี่พกมีชื่อว่าอีจั้งเกา (สูงหนึ่งจั้ง) เพียงแต่ว่ากระบี่หักอยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ต่งซานเกิงใช้ตะกร้าไม้ไผ่ (จู๋เชี่ย) บรรจุหัวของปีศาจใหญ่บินทะยานหัวหนึ่ง หลังกลับมาถึงบ้านเกิดก็หลอมกระบี่เล่มใหม่ขึ้นมา ตั้งชื่อว่าจู๋เชี่ย

แม้ว่าจะกลายมาเป็นนักโทษ แต่หลิวชาที่สีหน้าเฉยเมยกับอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ แท้จริงแล้วทั้งสองฝ่ายไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันได้ แต่มีเพียงเรื่องนี้ที่หลิวชายินดีพูดหลายประโยคหน่อย

“ผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ หมื่นปีที่ผ่านมานี้ ข้าเลื่อมใสแค่ต่งซานเกิง”

“หากเปลี่ยนให้ข้าไปเที่ยวเยือนใต้หล้าไพศาลแล้วใช้วิธีการออกกระบี่แบบเขา ก็ไม่รู้ว่าต้องตายไปกี่รอบแล้ว”

“ปีนั้นเจอกับอาเหลียงที่บ้านเกิด การที่พวกเราสองคนสามารถกลายมาเป็นสหายกันได้ นั่นก็เพราะอาเหลียงบอกว่าตัวเองคือสหายรักต่างวัยของต่งซานเกิง ไอ้หมอนั่นพูดจาจริงจังน่าเชื่อถือ ข้าก็เลยเชื่อ”

รู้คำตอบแล้ว อันที่จริงเฉินผิงอันก็พึงพอใจมากแล้ว มองหลิวชาตกปลาอยู่ครู่หนึ่งก็อดไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาอีกว่า “ผู้อาวุโสตกปลาเช่นนี้ บอกตามตรง ก็เหมือนกับกินหม้อไฟแล้วถูกน้ำแกงกระเด็นมาโดนหน้านั่นแหละ มีแต่จะแสบตา”

หลิวชาไม่คุยด้วย

บัณฑิตของกำแพงเมืองปราณกระบี่ พูดจาล้วนไม่น่าฟัง

เฉินผิงอันเหลือบตามองข้องปลา “สามารถตกปลาพวกนี้มาได้ ไม่ใช่เพราะฝีมือการตกปลาของผู้อาวุโสนับว่าพอใช้ได้จริงๆ แต่เป็นเพราะถ้าไม่ใช่ปลาพวกนั้นหิวโหยจนรีบอยากไปเกิดใหม่ ก็คงเป็นเพราะพวกมันโชคร้ายจริงๆ ก็เหมือนผีขี้เหล้าที่เมาเดินตกคลองข้างทาง”

หลิวชาถามว่า “มีข้อพิถีพิถันอะไรหรือ?”

อยู่ที่นี่ยังคงฝึกกระบี่เหมือนเดิม ไม่มีความสนใจจะอ่านตำรา ดังนั้นจึงมีเพียงการตกปลาเท่านั้นที่สามารถฆ่าเวลาได้ หลิวชาจงใจละทิ้งสถานะของผู้ฝึกลมปราณทิ้งไป ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่าไม่มีความหมายแล้ว

เฉินผิงอันย้อนถาม “ผู้อาวุโสคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

หากจะคุยเรื่องนี้กับข้า ก็ไม่มีขอบเขตบินทะยานขอบเขตสิบสี่อะไรทั้งนั้น ล้วนเป็นผู้เยาว์ของข้าทั้งสิ้น

หลิวชาคิดแล้วก็เอ่ยว่า “คน ปลา น้ำ คันเบ็ด ตะขอ เหยื่อล่อ ข้ารู้สึกว่ามีข้อพิถีพิถันแค่นี้เท่านั้น”

เฉินผิงอันไม่ค่อยมั่นใจในความหมายของคำพูดประโยคนี้ของหลิวชาสักเท่าไร จึงถามว่า “ผู้อาวุโสกำลังเล่นทายคำปริศนากับข้าหรือคิดว่ามันเรียบง่ายแค่นี้จริงๆ?”

หลิวชาไม่เอ่ยอะไรอีก

เฉินผิงอันเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “วันหน้าค่อยมาถามกระบี่กับผู้อาวุโส”

หลิวชายิ้มถาม “ทำไมล่ะ?”

เฉินผิงอันลุกขึ้นมานั่งยอง หยิบหินสองสามก้อนขึ้นมา โยนลงไปในน้ำเบาๆ “ผู้อาวุโสห้าวหาญองอาจ ผู้เยาว์นับถือ ก็แค่ว่ามีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ลงมือทำอย่างไร้คุณธรรมเท่านั้น”

หลิวชาหัวเราะ “ตามใจ หวังว่าจะไม่ให้ข้ารอนานนัก หากรอแค่สองสามร้อยปีก็ไม่มีปัญหา”

แม้ว่าการออกกระบี่ไม่กี่ครั้งในใต้หล้าไพศาลของมือกระบี่เคราดกผู้นี้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจเดิมของตัวเอง แต่หลิวชาก็ไม่รู้สึกว่านี่จะเป็นเหตุผลอะไรได้

จะว่าไปแล้วก็ยังเป็นเพราะเวทกระบี่ของตัวเองไม่สูงมากพอ ตอนที่ข้ามผ่านซากปรักของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ยังไม่ได้เลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่ ไม่อย่างนั้นเหตุใดยังต้องสนใจว่าบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่และโจวมี่จะมองอย่างไรด้วยเล่า?

เฉินผิงอันปัดมือ ลุกขึ้นแล้วขอตัวลาจากไป

หลิวชาอึ้งตะลึง พลันหันขวับกลับมา

เห็นเพียงว่าเจ้าหมอนั่นยืนอยู่ตรง ‘หน้าประตู’ ของสวนกงเต๋อ โบกมือยิ้มร่าเอ่ยว่า “ตกปลา ตกปลาต่อไป ผู้อาวุโสทำต่อไปเถอะ ปลาเล็กหนีไปหมดแล้ว สามารถรอปลาใหญ่ได้”

หลิวชาจึงได้แต่แหกกฎตัวเอง แอบเหลือบมองความเคลื่อนไหวของปลาที่ว่ายอยู่ในทะเลสาบ ถูกไอ้หมอนั่นใช้หินขว้างแล้วขว้างซ้ำอีกที ยังจะมีปลากะผายลมอะไรให้ตกอีกเล่า

เจ้าตัวดี ชาติสุนัขยิ่งกว่าอาเหลียงเสียอีก

หลิวชามองไปที่น้ำทะเลสาบ เอ่ยว่า “หากเป็นไปได้ ช่วยข้านำความไปบอกจู๋เชี่ยที”

เฉินผิงอันที่เดินข้ามประตูไปแล้วเอนตัวมาด้านหลัง ถามว่า “บอกว่าอะไร?”

หลิวชายิ้มบางๆ “บอกกับเขาว่าต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของใต้หล้าเปลี่ยวร้างให้ได้”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ถือว่าตอบตกลงแล้ว”

หลิวชาถาม “ข้าขอให้ช่วย เจ้าไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรือ?”

เฉินผิงอันยังคงค้างอยู่ท่านั้น คิดอยู่นาน สุดท้ายก็ยังส่ายหน้า “เหลือค้างไว้ก่อนเถอะ?”

หลิวชายกมือขึ้น

เฉินผิงอันโยนสมุดเล่มหนึ่งที่ตัวเองเขียนขึ้นเองไปให้ เป็นความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เกี่ยวกับการตกปลาอย่างละเอียด

หลิวชารับมาเก็บไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยขอบคุณหนึ่งคำ

ตามคำกล่าวของหลี่ไหว ในช่วงเวลาที่เฉินผิงอันฝึกตนบนภูเขาในอนาคต ควรจะต้องหาเรื่องผ่อนคลายอารมณ์ทำบ้าง ไม่ต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไร แค่เป็นเรื่องที่ทำให้อารมณ์ผ่อนคลายเท่านั้นก็พอ

ยกตัวอย่างเช่นลงจากภูเขาไปเป็นอาจารย์ของโรงเรียนที่ปิดบังชื่อแซ่ หากความรู้ไม่พอก็แค่สอนให้พวกเด็กประถมของโรงเรียนในชนบทรู้จักตัวอักษร บางทีอาจไม่ใช่ในอาณาเขตของหลงโจวที่อยู่ใกล้กับภูเขาลั่วพั่ว สามารถออกไปไกลยิ่งกว่านั้น หรือไม่ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือในพื้นที่มงคลรากบัวก็ได้

หรือยกตัวอย่างเช่นบางครั้งก็ทะยานลมเดินทางไกล ไปยังแม่น้ำลำคลองทะเลสาบที่อยู่ห่างไกลหมื่นลี้ ตกปลาอยู่เพียงลำพัง หิ้วกาเหล้าไปด้วยสองสามกา จากนั้นก็ทำแกงปลากินเองสักหม้อ

หากจะบอกว่าหาเงินก็เพื่อประทังชีพ ทว่าจะมีชีวิตอยู่เพียงแค่เพื่อหาเงินไม่ได้

ถ้าอย่างนั้นขึ้นเขาฝึกตนคือชีวิตคน ชีวิตคนก็ไม่อาจเอาแต่ฝึกตนได้เช่นกัน

เพียงแต่ว่าฝึกกระบี่เรียนวรยุทธ หาเงินฝึกบำเพ็ญตน อ่านหนังสือศึกษาหาความรู้ ล้วนไม่อาจเกียจคร้านได้ก็เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!