กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 808

การกระทำของเจิ้งจวีจงน่าเหลือเชื่อจริงๆ ถึงกับสามารถปิดฟ้าข้ามมหาสมุทร ใช้ร่างจำแลงเดินทีละก้าวจนกลายมาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของสายเหวินเซิ่งได้?!

หากเป็นแบบนี้ก็จะอธิบายได้ชัดเจนแล้วว่าเหตุใดคนต่างถิ่นคนหนึ่ง อายุน้อยๆ ก็สามารถเป็นอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ อีกทั้งยังมีชีวิตรอดกลับมายังใต้หล้าไพศาลได้ด้วย

หรือว่านี่คือการค้าใหญ่เทียมฟ้าครั้งหนึ่งที่เจิ้งจวีจงมีต่อซิ่วหู่ชุยฉาน มีต่อซิ่วไฉเฒ่าเหวินเซิ่ง มีต่อศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง?!

หรือการชิงลงมือก่อนบนกระดานหมากนี้ จะเป็นสถานการณ์เมฆหลากสีของปีนั้น?

ดูสิดู การชิงลงมือก่อนบนกระดานหมากครั้งนี้ได้จงใจทำให้คนทั้งใต้หล้ารับรู้ แต่ผลลัพธ์ล่ะเป็นเช่นไร? ก็ยังไม่ใช่ว่าสามารถปิดบังผู้ฝึกตนทุกคนของหลายๆ ทวีปได้สำเร็จหรอกหรือ?

หลังจากที่อวิ๋นเหมี่ยวส่งหลิงจือหยกขาวไปยังสวนกงเต๋ออย่างลับๆ แล้ว เซียนเหรินท่านนี้ก็เดินมายังลานบ้านด้วยความจริงใจ จากนั้นหันมองไปยังทิศทางของอำเภอพ่านสุ่ย ในใจท่องพึมพำ ประสานมือโค้งคำนับอยู่นานไม่ยอมยืดตัวขึ้น

แน่นอนว่าเฉินผิงอันมองไม่เห็นภาพเหตุการณ์นั้น แต่กลับสามารถจินตนาการถึงสภาพจิตใจของเซียนเหรินอวิ๋นเหมี่ยวได้อย่างคร่าวๆ

หลิงจือหยกขาวชิ้นหนึ่งที่มีมูลค่าควรเมืองแกะสลักตัวอักษรไว้สองบรรทัด ความหมายดีมาก

คนผู้ส่องประกายแสงใสกระจ่างไร้ตำหนิพันปี ตระกูลที่ส่องกลิ่นหอมของดอกหลันจือนานร้อยปี

พอได้อาวุธกึ่งเซียนชิ้นนี้มา ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในร้านผ้าห่อบุญบนเกาะนกแก้ว บวกกับหนี้ที่เชื่อซื้อต้นไผ่มาจากภูเขาชิงเสินก็สามารถได้ทุนคืนกลับมาแล้ว

บนมหาสมุทรกว้างใหญ่ห่างออกไปไกลมีแสงกระบี่พร่างพราวเส้นหนึ่งผุดขึ้นมา

เฉินผิงอันแหงนหน้ามองไป

น่าหลันเซียนซิ่วหรี่ตาลง แล้วจึงหันไปมองบุรุษหนุ่มผู้นั้น นางรู้สถานะของคนคนนี้แล้ว

……

ทางฝั่งของท่าเรือเวิ่นจิน ชุดเต๋าสีชมพูพลิ้วกายลงบนเรือข้ามฟากลำหนึ่งที่เพิ่งจะออกเดินทาง หลิ่วชื่อเฉิงโยนเงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งไปให้ผู้ดูแลเรืออย่างไม่ใส่ใจ เขามาที่นี่เพื่อมาส่งสหายเถาถิงออกเดินทาง

ผลคือเจอผู้เฒ่าตาบอดร่างผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนในห้องโดยสารของเรือ หลิ่วชื่อเฉิงที่เดิมทีคิดจะดื่มเหล้ากับเถาถิงดีๆ สักมื้อจึงได้แต่เอ่ยทักทายเถาถิงคำเดียวแล้วจากไปอย่างรีบร้อน

คนผู้หนึ่งที่แม้แต่กวอโอ่วทิงยังกล้าซ้อมตามใจชอบ หลิ่วชื่อเฉิงลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว รู้ว่าไม่ควรไปมีเรื่องด้วย แน่นอนว่าสาเหตุหลักที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นเพราะศิษย์พี่ไม่ได้อยู่ที่อำเภอพ่านสุ่ยแล้ว

ในห้องเฒ่าตาบอดนั่งอยู่กับหลี่ไหว นักพรตเนิ่นยืนอยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง บนโต๊ะยังมีสวนกระถางที่ภูตต้นไม้เฒ่าเฉิงหนันยืนอยู่บน ‘ยอดเขา’

เฒ่าตาบอดถาม “หลี่ไหว เจ้าอยากมีสาวใช้ที่มือเท้าคล่องแคล่วสักคนหรือไม่ ข้าสามารถช่วยไปจับจากใต้หล้าเปลี่ยวร้างมาให้เจ้าคนหนึ่งได้”

หลี่ไหวกลอกตามองบน คร้านจะสนใจเฒ่าตาบอด

เฒ่าตาบบอดเคยชินเสียแล้ว หันหน้าไปมองภูตต้นไม้ที่เมื่อครู่นี้บอกว่าเคยเจอเซียนกระบี่โบราณที่มีฉายาว่าฉุนหยาง ฝ่ายหลังมีชาติกำเนิดมาจากสายเซียนกระบี่ลัทธิเต๋า เคยมาขอความรู้ด้านเวทกระบี่กับตน ตนเพียงแค่แนะนำไปง่ายๆ ขอบเขตของฝ่ายหลังก็ทะยานขึ้นสูงแล้ว

เฒ่าตาบอดถาม “พูดจาวางโตขนาดนี้ กินลมตะวันตกเฉียงเหนือเติบโตมาหรือ?”

ภูตต้นไม้เฒ่าได้ยินก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันใด ยกสองมือเท้าเอวฉับ ถามเสียงดังว่า “หลี่ไหว เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน พูดจากวนโอ๊ยขนาดนี้?”

หลี่ไหวหัวเราะคิกคัก “อาจารย์เกินครึ่งตัวของข้าเอง ยังไม่รู้ชื่อเหมือนกัน”

ภูตต้นไม้เฒ่าเงียบไปไม่ส่งเสียง มองนักพรตเนิ่น ดูแล้วก็น่าจะมีตบะไม่ตื้นเขิน ถึงกับสามารถเรียกตัวเองเป็นสหายกับหลิ่วเต้าฉุนได้ หากไม่ใช่ขอบเขตหยกดิบก็ไม่น่าจะอธิบายได้ ในเมื่อนักพรตเนิ่นคือผู้ติดตามของหลี่ไหว ถ้าอย่างนั้นเฒ่าตาบอดตรงหน้าผู้นี้คืออาจารย์ของหลี่ไหว เกินครึ่งน่าจะเป็นขอบเขตเซียนเหรินได้แล้ว หากอยู่ในร้านผ้าห่อบุญ เซียนเหรินอะไรนั่น ทำอะไรตนไม่ได้หรอก วันนี้ตกอับแล้ว จำเป็นต้องพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น แล้วยังต้องคอยประเมินสถานการณ์ก่อนจะทำอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้โต้เถียงอะไรกับเฒ่าตาบอดที่ชอบพ่นอาจมออกมาเต็มปาก

เฒ่าตาบอดหันหน้ามาเผชิญหน้ากับขอบเขตบินทะยานอย่างเถาถิง “นักพรตเนิ่นแห่งไพศาล? ชื่อเสียงโด่งดัง เหตุใดฟังแล้วเหมือนจะมีความหมายของป๋ายเหย่และฝูลู่อวี๋เซียนแห่งไพศาลอยู่เลยเล่า?”

ผู้เฒ่าชุดเหลืองหัวเราะแห้งๆ “เป็นฉายาที่คุณชายช่วยตั้งให้ระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในใต้หล้าไพศาล ข้าเองก็ไม่ใช่เพราะกังวลว่าหากไม่มีฉายาติดตัวเลย ยามออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนคุณชายแล้วจะเดือดร้อนให้คุณชายของตัวเองถูกคนอื่นดูแคลนหรอกหรือ”

เฒ่าตาบอดหัวเราะหึหึ กวักมือหนึ่งที เถาถิงก็พลันถูกกระชากมา ได้แต่ค้อมเอวลง เอียงศีรษะ ศีรษะถูกห้านิ้วที่งอเป็นตะขอจิกเอาไว้ จึงต้องค้างอยู่ในท่วงท่าที่น่าขำนี้แต่โดยดี เถาถิงไม่กล้าหลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย

ใต้นิ้วมือ เสียงลั่นดังกร๊อบ

เถาถิงไม่กล้าส่งเสียง

ภูตต้นไม้เฒ่าที่มองดูอยู่สะดุ้งโหยง รีบหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามอง เพียงแต่ว่าได้ยินแค่เสียงก็ยังขนลุกไม่หาย

เฒ่าตาบอดผู้นี้ไม่ใช่คนดีเลยนี่นา

หลี่ไหวรีบลุกขึ้นยืน เอาฝ่ามือตบลงบนแขนของเฒ่าตาบอด “พอได้แล้วๆ ท่านอย่าเอาแต่รังแกเหล่าเนิ่นแบบนี้สิ หากปิดประตูบ้านคุยกันเองก็ว่าไปอย่าง มาอยู่ข้างนอกนี้จะดีจะชั่วก็ควรไว้หน้าเหล่าเนิ่นบ้าง”

เฒ่าตาบอดปล่อยมือออก เงื้อมือตบลงบนซีกหน้าของเถาถิง ตบจนฝ่ายหลังล้มตึงลงพื้น ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “วันหน้าหากยังเอาแต่โอ้อวดบารมีของตัวเอง สร้างเรื่องไม่คาดฝันมากมายให้กับหลี่ไหวแบบนี้อีก จะตบเจ้าให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว”

แต่ภายนอกเฒ่าตาบอดกลับหยิบตำราสีออกเหลืองเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ โยนไปไว้บนร่างของเถาถิง “ช่วยปกป้องคุ้มกันมาตลอดทาง ไม่มีคุณความชอบ มีแต่คุณความเหนื่อยยาก นี่คือคาถาหลอมภูเขาครึ่งบน ส่วนครึ่งล่าง วันหน้าค่อยว่ากัน”

สองมือของเถาถิงประคองจับหนังสือเอาไว้ สองตาแดงก่ำ ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งยวด

ในฐานะบรรพบุรุษไล่ภูเขาของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ขับภูเขาย้ายภูเขาไม่ต้องพูดให้มากความ ไม่ได้แย่ไปกว่าหยวนโส่วสักเท่าไร มีเพียงการหลอมภูเขาที่ด้อยกว่าหยวนโส่วมาก ไม่อย่างนั้นตำแหน่งบัลลังก์ราชาก็ควรให้เถาถิงเป็นผู้นั่ง หยวนโส่วอะไรนั่น ต้องเรียกเถาถิงว่าพี่ชายด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าแอบมาเตร็ดเตร่แถวๆ ริมขอบของภูเขาใหญ่แสนลี้สองครั้งเพื่อหาโอกาสกินตน

เหตุใดเถาถิงถึงยินดีเป็นหมาเฝ้าบ้านให้เฒ่าตาบอด ก็ไม่ใช่ว่าต้องการคาถาหลอมภูเขานี่หรอกหรือ?

หลี่ไหวตบโต๊ะ ถามว่า “เรื่องที่ข้าได้เป็นนักปราชญ์ เป็นความตั้งใจของท่านใช่หรือไม่?!”

นักพรตเนิ่นเพิ่งจะได้เปรียบใหญ่เทียมฟ้าพลันรู้สึกว่าในห้องมีบรรยากาศตึงเครียดราวกับกระบี่อาจถูกชักออกจากฝักได้ทุกเมื่อ นี่หากตีกันขึ้นมา สุดท้ายคนที่ต้องเดือดร้อนย่อมต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน ย่อมไม่ใช่นายท่านใหญ่หลี่แน่ๆ ดังนั้นจึงรีบขยับเท้าหนี

เฒ่าตาบอดพยักหน้ารับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!