สุดท้ายกู้ชิงซงเอ่ยว่า “พูดมาเถอะ เจ้าหนูเจ้าอยากได้อะไร แต่อย่าให้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ข้าไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากจะขอวิชาหลบหนีเอาตัวรอดที่เป็นวิชาก้นกรุจากผู้อาวุโสสักบทหนึ่ง”
เหตุผลนั้นเรียบง่ายอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยนี้ของกู้ชิงซง หากไม่มีความสามารถติดตัวสักสองสามชนิดก็ไม่มีทางขอบเขตถดถอยจากเซียนเหรินมายังหยกดิบได้อย่าง ‘ผ่อนคลาย’ (ออกเสียงว่าชิงซงเหมือนกัน แต่เขียนคนละอย่างกับชื่อของกู้ชิงซง) ขนาดนี้
กู้ชิงซงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้ข้าชื่อว่าอะไร?”
เฉินผิงอันได้แต่ตอบว่า “กู้ชิงซง”
คนพายเรือเฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “ข้าว่าหัวสมองของเด็กน้อยอย่างเจ้าก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดอย่างที่คนภายนอกเล่าลือกันสักเท่าไรเลยนะ”
กู้ชิงซง หันกลับไปมองน้ำใสต้นสนกลางภูเขา (ฮุยกู้ชิงสุ่ยซานซง)
ในพื้นที่ที่ลึกลับอำพรางของไพศาล หาแม่น้ำลำคลองที่ไม่มีชื่อสายหนึ่งเจอ หาต้นสนโบราณต้นหนึ่งเจอ แล้วเอาทั้งสองสิ่งมาหล่อหลอมจนสำเร็จ
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันพอจะมีการคาดเดาอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งที่คิดในใจ จึงยังไม่เหมาะจะเปิดเผยความลับสวรรค์
เพราะถึงอย่างไรกุญแจสำคัญก็ยังเป็นเนื้อหาของมรรคกถา เพียงแค่รู้ว่ามันเป็นเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้ ไม่มีความหมายสักเท่าใด
กู้ชิงซงจึงบอกให้รู้ถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายในด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “คิดไม่ถึงล่ะสิ?”
เฉินผิงอันทำหน้าอึ้งทึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้มากเกินพอดี นอกจากความตกตะลึงแล้วยังมีความเคารพนับถืออีกสองสามส่วน บวกกับอิจฉาอีกเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่ากู้ชิงซงจะชำเลืองตามองอิ่นกวานหนุ่มแล้วเริ่มด่ากราดน้ำลายแตกฟอง มารดามันเถอะ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์
เฉินผิงอันรู้สึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ เสียแล้วว่ากู้ชิงซงมองออกได้อย่างไร
กู้ชิงซงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เลิกเดาส่งเดชได้แล้ว ข้ามีเวทลับที่บรรลุได้ด้วยตัวเองอยู่บทหนึ่งซึ่งสามารถแบ่งถูกผิดออกได้คร่าวๆ”
ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดปีนั้นข้าถึงได้ถูกอาจารย์เลือกให้ไปช่วยถ่อเรือออกทะเลได้เล่า? จะเป็นเพราะข้าหลอกเอาเงินคนอื่นมาเก่งอย่างนั้นหรือ?
เฉินผิงอันคิดแล้วก็ล้มเลิกความคิดที่จะขอมรรคกถาไป เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการถามว่า “ผู้อาวุโสกู้ เหตุใดถึงได้อาลัยอาวรณ์กุ้ยฮูหยินถึงเพียงนี้?”
กู้ชิงซงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจ เอ่ยว่า “ก่อนที่จะได้พบเจอนางก็ไม่เคยมีแม่นางคนใดที่งดงามจนแม้แต่ฝันข้าก็ยังฝันไม่ถึงเช่นนี้”
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าคงไม่ไปส่งผู้อาวุโสแล้ว”
กู้ชิงซงกล่าวอย่างกังขา “ไม่เรียนวิชาอภินิหารนี่แล้วหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ช่างเถิด ไม่บังคับฝืนใจ หวังเพียงว่าวันหน้าเมื่อผู้อาวุโสกู้ได้พบเจอกับลูกศิษย์ของภูเขาลั่วพั่วจะยินดีดูแลพวกเขาบ้าง”
กู้ชิงซงพยักหน้า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าเองก็จะเป็นคนมีคุณธรรม เรื่องนี้ข้าสามารถตอบตกลงได้ ระยะเวลาอยู่ที่พันปีก็แล้วกัน วันหน้าขอแค่ได้เจอกับผู้ฝึกตน ผู้ฝึกยุทธของภูเขาลั่วพั่ว ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปข้าจะไม่สนใจ แต่ขอแค่เป็นช่วงเวลาคับขัน ข้าก็จะลงมือช่วยเหลือ”
เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ยขอบคุณ
กู้ชิงซงโบกมือ แล้วรีบร้อนไปจากสวนกงเต๋อ ไล่ตามเรือข้ามฟากลำหนึ่งไปทัน หาตัวกุ้ยฮูหยินที่เดินทางกลับแจกันสมบัติทวีปพบแล้ว คนพายเรือเฒ่าก็เอ่ยความในใจให้นางฟัง
ความหมายคร่าวๆ ก็คือ เมื่อก่อนทำเรื่องโง่เขลาไปมากมาย ตอนอยู่บนเกาะกุ้ยฮวา อยู่บนเรือราตรี ล้วนเป็นเขาที่ไม่รอบคอบระมัดระวัง รับรองว่าจะไม่มีเรื่องที่ปรารถนาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้เกิดขึ้นอีก เมื่อก่อนเพราะคิดไม่เข้าใจ วันนี้กระจ่างแจ้งแล้ว รู้สึกว่าชอบคนคนหนึ่งอย่างแท้จริง จะเอาแต่สนใจความชอบของตัวเองเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้
กุ้ยฮูหยินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ตัดบทคำพูดของคนพายเรือเฒ่าอย่างที่หาได้ยาก แล้วยังมีสีหน้าจริงจังอยู่หลายส่วน
ทว่าในใจนางกลับกำลังยิ้ม วันนี้เซียนฉาพูดจาแบบนี้ได้ ต้องเป็นคุณความชอบของเจ้าเด็กเฉินผิงอันนั่นแน่นอน
เชื่อว่าอีกไม่นานทางฝั่งเกาะกุ้ยฮวาของนครมังกรเฒ่าจะได้รับจดหมายขอโทษที่อธิบายเรื่องนี้โดยเฉพาะจากเฉินผิงอัน
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ นางไม่ได้โง่เสียหน่อย แล้วก็เดาได้ด้วย
ด้วยนิสัยของเซียนฉา อยู่ในใต้หล้าไพศาลแห่งนี้จะรับฟังเหตุผลของใครเข้าหู? ของหลี่เซิ่ง คาดว่าก็คงยินดีฟัง หรือของหลี่ซีเซิ่ง ของโจวหลี่ก็อาจจะยินดีฟัง เพียงแต่ว่าทั้งสามท่านนี้ไม่มีทางสอนให้เซียนฉาพูดแบบนี้แน่นอน
อันที่จริงกุ้ยฮูหยินไม่ได้หวั่นไหวกับคำพูดพวกนี้ แต่รู้สึกว่าคนพายเรือเฒ่าผู้นี้ยินดีลงแรงไปมาก เสียเวลาเดินทางกลับไปกลับมาเช่นนี้ ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ
สุดท้ายนางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เซียนฉา ไม่อาจตอบรับความชอบของเจ้าได้ ขอโทษด้วย”
คนพายเรือเฒ่าเกาหัว เอ่ยประโยคหนึ่งที่เป็นความคิดในใจของตัวเองอย่างแท้จริง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่ไม่รู้สึกว่าข้าน่ารำคาญ ข้าก็ดีใจมากแล้ว”
กุ้ยฮูหยินถอนหายใจ “เจ้าเองก็มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอยู่บนเกาะกุ้ยฮวา บางครั้งก็ควรไปนั่งที่นั่นบ้าง พยายามช่วยให้นางฝ่าทะลุขอบเขตเร็วหน่อย”
ฟ่านจวิ้นเม่าที่เป็นซานจวินของขุนเขาใต้ ขอบเขตถดถอยไปเยอะมาก และทุกวันนี้ตระกูลฟ่านก็ต้องการผู้ถวายงานห้าขอบเขตบนคนใหม่อย่างเร่งด่วนจริงๆ
กุ้ยฮูหยินเอ่ยเตือน “อย่าคิดมาก”
เซียนฉาเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่คิดมาก!”
เข้าใจผิดอะไร มีหรือจะเข้าใจผิดกันไปได้ นี่ก็ไม่ใช่ว่าอักษรปาเริ่มมีขีดอักษรขีดหนึ่งแล้วหรือ! (เปรียบเปรยว่าเริ่มมีความหวัง)
พี่น้องเฉิน อ้อ ไม่ถูกสิ นายท่านใหญ่เฉิน เจ้าแม่งพอจะมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ!
หากรู้แต่แรกตอนอยู่ในสวนกงเต๋อ ตนคงไม่ขี้เหนียวเวทคาถาบทนั้นแล้ว
กุ้ยฮูหยินแค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่เข้าใจผิดแล้ว แต่ก็คร้านจะพูดอะไรให้มากความ
หลังจากที่คนพายเรือเฒ่าเซียนฉาออกไปจากเรือข้ามฟาก ได้อาศัยเวทลับสองสามบทที่ลู่เฉินมอบไว้ให้เขาหดย่อพื้นที่ก่อน วิชาอภินิหารของเขายิ่งใหญ่เหนือกว่าขอบเขตบินทะยานทั่วไป จากนั้นก็รีบร้อนถ่อเรือออกทะเล เพียงชั่วพริบตาก็ขยับห่างไปไกลหมื่นลี้แล้วก็หมื่นลี้ ตามหาเรือราตรีลำนั้นเจออย่างแม่นยำ แล้วก็เริ่มตามตื๊อไม่ปล่อย จะขึ้นเรือให้จงได้ แล้วยังพูดจาน่าเชื่อถืออีกว่าตนจะไม่ทำอะไรเหลวไหลแน่นอน
พูดถึงแค่เรื่องการตามหาเรือราตรี สามารถพูดได้ว่าเซียนฉาก็คือคนที่เชี่ยวชาญที่สุดในใต้หล้าไพศาล
อาจารย์จางเจ้าของเรือปรากฏตัวบนหัวเรือ หลุบตาลงต่ำมองเรือลำน้อยที่ลอยอยู่บนมหาสมุทรใหญ่ ยิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เจ้าบอกว่าต่อให้ขอร้องเจ้าก็ไม่อยากมาไม่ใช่หรือ?”
ในมือเซียนฉาถือไม้ไผ่ถ่อเรือ ย้อนถามอย่างเต็มไปด้วยเหตุผล “เจ้าขอร้องข้าแล้วหรือยังล่ะ?”
หากขอร้องข้าก็ไม่มา แต่ไม่ขอร้องข้าถึงจะมา
อาจารย์จางอึ้งงันพูดไม่ออกไปทันใด
เซียนฉากล่าว “ข้าแค่อยากมาหาหลี่ฮูหยินของนครหลิงซี พูดกับนางแค่คำเดียวก็จะจากไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!