กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 808

สรุปบท บทที่ 808.4 ภาษาใบ้ของหุ่นไม้: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 808.4 ภาษาใบ้ของหุ่นไม้ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 808.4 ภาษาใบ้ของหุ่นไม้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

สุดท้ายกู้ชิงซงเอ่ยว่า “พูดมาเถอะ เจ้าหนูเจ้าอยากได้อะไร แต่อย่าให้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ข้าไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากจะขอวิชาหลบหนีเอาตัวรอดที่เป็นวิชาก้นกรุจากผู้อาวุโสสักบทหนึ่ง”

เหตุผลนั้นเรียบง่ายอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยนี้ของกู้ชิงซง หากไม่มีความสามารถติดตัวสักสองสามชนิดก็ไม่มีทางขอบเขตถดถอยจากเซียนเหรินมายังหยกดิบได้อย่าง ‘ผ่อนคลาย’ (ออกเสียงว่าชิงซงเหมือนกัน แต่เขียนคนละอย่างกับชื่อของกู้ชิงซง) ขนาดนี้

กู้ชิงซงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้ข้าชื่อว่าอะไร?”

เฉินผิงอันได้แต่ตอบว่า “กู้ชิงซง”

คนพายเรือเฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “ข้าว่าหัวสมองของเด็กน้อยอย่างเจ้าก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดอย่างที่คนภายนอกเล่าลือกันสักเท่าไรเลยนะ”

กู้ชิงซง หันกลับไปมองน้ำใสต้นสนกลางภูเขา (ฮุยกู้ชิงสุ่ยซานซง)

ในพื้นที่ที่ลึกลับอำพรางของไพศาล หาแม่น้ำลำคลองที่ไม่มีชื่อสายหนึ่งเจอ หาต้นสนโบราณต้นหนึ่งเจอ แล้วเอาทั้งสองสิ่งมาหล่อหลอมจนสำเร็จ

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันพอจะมีการคาดเดาอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งที่คิดในใจ จึงยังไม่เหมาะจะเปิดเผยความลับสวรรค์

เพราะถึงอย่างไรกุญแจสำคัญก็ยังเป็นเนื้อหาของมรรคกถา เพียงแค่รู้ว่ามันเป็นเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้ ไม่มีความหมายสักเท่าใด

กู้ชิงซงจึงบอกให้รู้ถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายในด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “คิดไม่ถึงล่ะสิ?”

เฉินผิงอันทำหน้าอึ้งทึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้มากเกินพอดี นอกจากความตกตะลึงแล้วยังมีความเคารพนับถืออีกสองสามส่วน บวกกับอิจฉาอีกเล็กน้อย

คาดไม่ถึงว่ากู้ชิงซงจะชำเลืองตามองอิ่นกวานหนุ่มแล้วเริ่มด่ากราดน้ำลายแตกฟอง มารดามันเถอะ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์

เฉินผิงอันรู้สึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ เสียแล้วว่ากู้ชิงซงมองออกได้อย่างไร

กู้ชิงซงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เลิกเดาส่งเดชได้แล้ว ข้ามีเวทลับที่บรรลุได้ด้วยตัวเองอยู่บทหนึ่งซึ่งสามารถแบ่งถูกผิดออกได้คร่าวๆ”

ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดปีนั้นข้าถึงได้ถูกอาจารย์เลือกให้ไปช่วยถ่อเรือออกทะเลได้เล่า? จะเป็นเพราะข้าหลอกเอาเงินคนอื่นมาเก่งอย่างนั้นหรือ?

เฉินผิงอันคิดแล้วก็ล้มเลิกความคิดที่จะขอมรรคกถาไป เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการถามว่า “ผู้อาวุโสกู้ เหตุใดถึงได้อาลัยอาวรณ์กุ้ยฮูหยินถึงเพียงนี้?”

กู้ชิงซงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจ เอ่ยว่า “ก่อนที่จะได้พบเจอนางก็ไม่เคยมีแม่นางคนใดที่งดงามจนแม้แต่ฝันข้าก็ยังฝันไม่ถึงเช่นนี้”

เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าคงไม่ไปส่งผู้อาวุโสแล้ว”

กู้ชิงซงกล่าวอย่างกังขา “ไม่เรียนวิชาอภินิหารนี่แล้วหรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ช่างเถิด ไม่บังคับฝืนใจ หวังเพียงว่าวันหน้าเมื่อผู้อาวุโสกู้ได้พบเจอกับลูกศิษย์ของภูเขาลั่วพั่วจะยินดีดูแลพวกเขาบ้าง”

กู้ชิงซงพยักหน้า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าเองก็จะเป็นคนมีคุณธรรม เรื่องนี้ข้าสามารถตอบตกลงได้ ระยะเวลาอยู่ที่พันปีก็แล้วกัน วันหน้าขอแค่ได้เจอกับผู้ฝึกตน ผู้ฝึกยุทธของภูเขาลั่วพั่ว ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปข้าจะไม่สนใจ แต่ขอแค่เป็นช่วงเวลาคับขัน ข้าก็จะลงมือช่วยเหลือ”

เฉินผิงอันกุมหมัดเอ่ยขอบคุณ

กู้ชิงซงโบกมือ แล้วรีบร้อนไปจากสวนกงเต๋อ ไล่ตามเรือข้ามฟากลำหนึ่งไปทัน หาตัวกุ้ยฮูหยินที่เดินทางกลับแจกันสมบัติทวีปพบแล้ว คนพายเรือเฒ่าก็เอ่ยความในใจให้นางฟัง

ความหมายคร่าวๆ ก็คือ เมื่อก่อนทำเรื่องโง่เขลาไปมากมาย ตอนอยู่บนเกาะกุ้ยฮวา อยู่บนเรือราตรี ล้วนเป็นเขาที่ไม่รอบคอบระมัดระวัง รับรองว่าจะไม่มีเรื่องที่ปรารถนาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้เกิดขึ้นอีก เมื่อก่อนเพราะคิดไม่เข้าใจ วันนี้กระจ่างแจ้งแล้ว รู้สึกว่าชอบคนคนหนึ่งอย่างแท้จริง จะเอาแต่สนใจความชอบของตัวเองเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้

กุ้ยฮูหยินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ตัดบทคำพูดของคนพายเรือเฒ่าอย่างที่หาได้ยาก แล้วยังมีสีหน้าจริงจังอยู่หลายส่วน

ทว่าในใจนางกลับกำลังยิ้ม วันนี้เซียนฉาพูดจาแบบนี้ได้ ต้องเป็นคุณความชอบของเจ้าเด็กเฉินผิงอันนั่นแน่นอน

เชื่อว่าอีกไม่นานทางฝั่งเกาะกุ้ยฮวาของนครมังกรเฒ่าจะได้รับจดหมายขอโทษที่อธิบายเรื่องนี้โดยเฉพาะจากเฉินผิงอัน

อันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ นางไม่ได้โง่เสียหน่อย แล้วก็เดาได้ด้วย

ด้วยนิสัยของเซียนฉา อยู่ในใต้หล้าไพศาลแห่งนี้จะรับฟังเหตุผลของใครเข้าหู? ของหลี่เซิ่ง คาดว่าก็คงยินดีฟัง หรือของหลี่ซีเซิ่ง ของโจวหลี่ก็อาจจะยินดีฟัง เพียงแต่ว่าทั้งสามท่านนี้ไม่มีทางสอนให้เซียนฉาพูดแบบนี้แน่นอน

อันที่จริงกุ้ยฮูหยินไม่ได้หวั่นไหวกับคำพูดพวกนี้ แต่รู้สึกว่าคนพายเรือเฒ่าผู้นี้ยินดีลงแรงไปมาก เสียเวลาเดินทางกลับไปกลับมาเช่นนี้ ก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ

สุดท้ายนางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เซียนฉา ไม่อาจตอบรับความชอบของเจ้าได้ ขอโทษด้วย”

คนพายเรือเฒ่าเกาหัว เอ่ยประโยคหนึ่งที่เป็นความคิดในใจของตัวเองอย่างแท้จริง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่ไม่รู้สึกว่าข้าน่ารำคาญ ข้าก็ดีใจมากแล้ว”

กุ้ยฮูหยินถอนหายใจ “เจ้าเองก็มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอยู่บนเกาะกุ้ยฮวา บางครั้งก็ควรไปนั่งที่นั่นบ้าง พยายามช่วยให้นางฝ่าทะลุขอบเขตเร็วหน่อย”

ฟ่านจวิ้นเม่าที่เป็นซานจวินของขุนเขาใต้ ขอบเขตถดถอยไปเยอะมาก และทุกวันนี้ตระกูลฟ่านก็ต้องการผู้ถวายงานห้าขอบเขตบนคนใหม่อย่างเร่งด่วนจริงๆ

กุ้ยฮูหยินเอ่ยเตือน “อย่าคิดมาก”

เซียนฉาเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่คิดมาก!”

เข้าใจผิดอะไร มีหรือจะเข้าใจผิดกันไปได้ นี่ก็ไม่ใช่ว่าอักษรปาเริ่มมีขีดอักษรขีดหนึ่งแล้วหรือ! (เปรียบเปรยว่าเริ่มมีความหวัง)

พี่น้องเฉิน อ้อ ไม่ถูกสิ นายท่านใหญ่เฉิน เจ้าแม่งพอจะมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ!

หากรู้แต่แรกตอนอยู่ในสวนกงเต๋อ ตนคงไม่ขี้เหนียวเวทคาถาบทนั้นแล้ว

กุ้ยฮูหยินแค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่เข้าใจผิดแล้ว แต่ก็คร้านจะพูดอะไรให้มากความ

หลังจากที่คนพายเรือเฒ่าเซียนฉาออกไปจากเรือข้ามฟาก ได้อาศัยเวทลับสองสามบทที่ลู่เฉินมอบไว้ให้เขาหดย่อพื้นที่ก่อน วิชาอภินิหารของเขายิ่งใหญ่เหนือกว่าขอบเขตบินทะยานทั่วไป จากนั้นก็รีบร้อนถ่อเรือออกทะเล เพียงชั่วพริบตาก็ขยับห่างไปไกลหมื่นลี้แล้วก็หมื่นลี้ ตามหาเรือราตรีลำนั้นเจออย่างแม่นยำ แล้วก็เริ่มตามตื๊อไม่ปล่อย จะขึ้นเรือให้จงได้ แล้วยังพูดจาน่าเชื่อถืออีกว่าตนจะไม่ทำอะไรเหลวไหลแน่นอน

พูดถึงแค่เรื่องการตามหาเรือราตรี สามารถพูดได้ว่าเซียนฉาก็คือคนที่เชี่ยวชาญที่สุดในใต้หล้าไพศาล

อาจารย์จางเจ้าของเรือปรากฏตัวบนหัวเรือ หลุบตาลงต่ำมองเรือลำน้อยที่ลอยอยู่บนมหาสมุทรใหญ่ ยิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เจ้าบอกว่าต่อให้ขอร้องเจ้าก็ไม่อยากมาไม่ใช่หรือ?”

ในมือเซียนฉาถือไม้ไผ่ถ่อเรือ ย้อนถามอย่างเต็มไปด้วยเหตุผล “เจ้าขอร้องข้าแล้วหรือยังล่ะ?”

หากขอร้องข้าก็ไม่มา แต่ไม่ขอร้องข้าถึงจะมา

อาจารย์จางอึ้งงันพูดไม่ออกไปทันใด

เซียนฉากล่าว “ข้าแค่อยากมาหาหลี่ฮูหยินของนครหลิงซี พูดกับนางแค่คำเดียวก็จะจากไป”

เด็กหนุ่มเขากวางที่ชอบเอาสองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ ยื่นมือออกจากชายแขนเสื้อ ประสานมือคารวะขอร้องอาจารย์จาง “ท่านเจ้าเรือ ข้าสามารถลงจากเรือไปพร้อมกับนายท่านได้หรือไม่? วันหน้าก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะกลับขึ้นมาบนเรืออีกแล้ว”

อาจารย์จางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจะไม่ได้เล่า สิ่งที่มีอิสระเสรีที่สุดในใต้หล้านี้ก็คือความรู้ ไม่ว่านครหลิงซีจะอยู่ที่ใด อันที่จริงก็ล้วนอยู่บนเรือราตรีอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”

หลี่ฮูหยินและเด็กหนุ่มเขากวางหันไปคารวะเจ้าของเรือผู้นี้พร้อมกัน เป็นทั้งการขอบคุณและการอำลา

อาจารย์จางหัวเราะร่าเสียงดัง ก่อนจะคารวะกลับคืนอย่างจริงจัง เอ่ยเสียงเบาว่า “ชีวิตนี้โชคดีที่ได้พบเจอกับอาจารย์หลินอัน”

……

ชั้นบนสุดของป๋ายอวี้จิง ลู่เฉินนั่งอยู่บนราวระเบียง กุมหมัดเลียนแบบผู้ฝึกยุทธในยุทธภพแล้วเขย่าแรงๆ อยู่สองสามที ยิ้มเอ่ยว่า “ยินดีกับศิษย์พี่ด้วย ใกล้จะไร้ศัตรูทัดเทียมอย่างแท้จริงแล้ว”

อวี๋โต้วหันหน้ามา พบว่าศิษย์น้องผู้นี้เอ่ยสัพยอกด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้น ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนบ่อน้ำลึก

เขาถาม “หมายความว่าอย่างไร?”

ลู่เฉินลูบคลำปลายคาง “ไม่มีคำอธิบาย เรือมาเจอสะพานย่อมต้องผ่านไปได้”

อวี๋โต้วหัวเราะหยัน “นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้ามัวอิดออดไม่ไปฟ้านอกฟ้าอยู่ที่นี่”

ลู่เฉินโอดครวญ “ก็ข้าไม่เต็มใจจะไปจริงๆ นี่นา มีแต่งานที่ต้องใช้แรง ใต้หล้ามืดสลัวของพวกเราช่วยมีคนมากความสามารถ เหนื่อยครั้งเดียวสบายไปทั้งชาติ แก้ไขปัญหายุ่งยากนั้นโผล่มาสักคนหนึ่งไม่ได้หรือ?”

อวี๋โต้วไม่เอ่ยคำใด

รู้ว่าศิษย์น้องลู่เฉินไม่พอใจการลงมือของตนในปีนั้น ครั้งที่ถามกระบี่ต่ออารามเสวียนตูใหญ่

……

ริมหน้าผาของสำนักซานไห่

น่าหลันเซียนซิ่วเหน็บกระบอกยาสูบไว้ตรงเอว ลุกขึ้นเอ่ย “ไปล่ะ”

เด็กสาวเฟยชุ่ยช่วยแม่นางน้อยม้วนเสื่อไม้ไผ่ แม่นางน้อยง่วนกับงานในมือพลางเอ่ยกับคนชุดเขียวไปด้วย “เซียนกระบี่ ท่านอย่าลืมนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว วันหน้าแวะเวียนมาเยี่ยมกันบ่อยๆ นะ”

เฉินผิงอันยิ้มตอบตกลง

สุดท้ายแม่นางน้อยกอดเสื่อไม้ไผ่ไว้ในอ้อมอก ก้าวเดินยาวๆ จากไป เพียงแต่อยู่ดีๆ นางก็หวนนึกถึงการจากลาในปีนั้นขึ้นมา ฝีเท้าจึงชะลอช้าลง

ตอนนั้นแม่นางน้อยถูกพี่สาวคนหนึ่งเก็บกลับบ้าน ไปอยู่ที่บ้านเกิดของฝ่ายหลัง พวกนางนั่งอยู่บนขีดอักษรตัวแรกของอักษรคำว่า ‘เทียน’ (天)ฝ่ายหลังนั่งอยู่ตรงกลาง มองไปยังทิศไกลที่ไม่ได้ห่างไปไกลขนาดนั้น มองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าภูเขาลั่วพั่ว

เวลานี้แม่นางน้อยเหลือบตามองม่านฟ้า ดวงตาแดงก่ำ ก้มหน้าลง ยกหลังมือเช็ดดวงตา พูดเสียงอู้อี้ว่า “คนที่เลวที่สุดในใต้หล้านี้ก็คือเฉินผิงอันคนนั้นแล้ว”

เฉินผิงอันเพียงแค่มองตรงไปเบื้องหน้า มองมหาสมุทรกว้างใหญ่ เงียบงันไร้คำพูด

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!