กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 810

เดินเข้าออกตามร้านต่างๆ ต่อจากนั้น พวกหนิงเหยากับเผยเฉียนเข้าไปเลือกของกันข้างใน เฉินผิงอันยืนรออยู่หน้าประตู

ในหุบเขาผีร้ายมีเส้นทางขึ้นเหนืออยู่สองเส้น แบ่งออกเป็นเดินทางไปยังสองเมืองอย่างชิงหลูและหลันเซ่อ เส้นทางหนึ่งตลอดทางมีแต่อันตราย ขุนเขาสายน้ำคดเคี้ยว แต่โอกาสก็มากเหมือนกัน อีกเส้นทางหนึ่งค่อนข้างปลอดภัย เหมาะแก่การชมทัศนียภาพมากกว่า

ตอนนั้นเฉินผิงอันเลือกจะไปเมืองเล็กชิงหลู จากนั้นก็ไม่ได้ไปเมืองหลันเซ่ออีก

นครฟูนี่ นครถงโช่ว เฉินผิงอันล้วนค่อนข้างคุ้นเคย โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่ยังเคยไปทำการค้าอยู่ที่นั่น แลกเปลี่ยนหน้ากากเซียนซือผู้เฒ่ามาใบหนึ่ง ซื้อของใช้ในห้องสตรีที่กวาดจากภูเขาตี้หย่งมาจากเถ้าแก่ผีหญิงที่ชื่อเจินกวานและน้องสาวเจ้านครที่แต่งตั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาผู้อำนวยการให้กับตัวเอง ถึงขั้นพูดได้ว่าการที่เฉินผิงอันเป็นร้านผ้าห่อบุญก็สามารถมองว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากนครถงโช่วได้ ตอนนี้มาย้อนนึกดู นครถงโช่ว (กลิ่นเหม็นของเงิน) อันที่จริงชื่อนี้ก็ดีมาก

ส่วนนอกเหนือจากเจ้านครที่เป็นวิญญาณวีรบุรุษของหุบเขาผีร้ายแล้ว ‘ปีศาจใหญ่’ ทั้งหลายในปีนั้นที่มีชื่อเรียกรวมกันว่าหกอริยะ ไม่ว่าจะเป็นนามแฝงหรือฉายาบนมรรคา แต่ละตนตั้งได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ทำให้คนตกใจกลัวได้ดียิ่ง

ปี้สู่เหนียงเนียงแห่งภูเขาโปลั่ว พี่เฉินหยวนจวินแห่งภูเขาตี้หย่ง ขุนพลเทพชื่อเหลยแห่งภูเขาจีเซียว เซียนใหญ่จัวเยาแห่งถ้ำสถิตจางสุ่ย และยังมีอริยะใหญ่ย้ายภูเขา ราชันย์เฮยเหอ…

บนถนนมีภูตน้อยตนหนึ่งที่พอจะจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างถูไถปรากฏตัว มันสะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ ด้านในมีแต่ยาสมุนไพรและหินดินประหลาดที่อยู่ในหุบเขาผีร้าย เอามาที่นี่เพื่อแลกเงิน แล้วค่อยเอาไปซื้อหนังสือ!

มันมาจากตำหนักหยางฉางของเซียนใหญ่จัวเยา ทุกวันนี้สำนักพีหมาไม่ห้ามการเข้าออกของพวกภูตในหุบเขาผีร้ายแล้ว แค่ต้องแขวนป้ายที่คล้ายการ ‘ขานชื่อ’ ก็พอ เพราะชื่อนี้จะถูกจดเอาไว้ในบันทึก

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยืนอยู่ตรงหน้าร้าน บนถนนที่ผู้คนสัญจรกันแออัดเขาก็ยังมองเห็นภูตน้อยจากตำหนักหยางฉางตนนั้นได้ในปราดเดียว ใช้เสียงในใจเอ่ยเรียกหนึ่งคำพลางโบกมือทักทาย

ภูตหนูตัวน้อยวิ่งตะบึงมาตลอดทาง ยังคงผอมราวกับลำต้นไผ่ มันเอ่ยด้วยท่าทางปิติยินดีถึงขีดสุด “นายท่านเซียนกระบี่?!”

เฉินผิงอันยิ้มพลางพยักหน้ารับ “ไม่ได้เจอกันนาน มาซื้อหนังสือหรือ?”

มันพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ เพียงแต่ว่าราคาไม่ถูกเอาเสียเลย”

ไม่กล้าเดินไปไกลนัก

ในตลาดด่านไน่เหอที่มีเทพเซียนรวมตัวกันแห่งนี้ เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่สำหรับขายหนังสือซื้อหนังสืออยู่แล้ว

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “รอให้วันหน้าโลกสงบสุขกว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าก็สามารถเดินเลียบริมลำคลองเหยาเย่ขึ้นไปทางเหนือ ซื้อหนังสือจากตลาดในเมืองพวกนั้นจะราคาถูกมาก”

เขาก้มตัวลงไปหยิบดูของในตะกร้าของภูตหนูน้อย ยิ้มถามว่า “ขายได้เงินเท่าไร?”

ข้าวของด้านในมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถใส่ของได้มากขึ้น

ก็เหมือนอย่างตอนเด็กที่เฉินผิงอันช่วยไปเก็บใบหม่อนให้คนอื่น ก็จะวางทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ตะกร้าใบหนึ่งก็เหมือนว่าสามารถบรรจุใบหม่อนได้เป็นร้อยเป็นพันจิน

พอพูดถึงเรื่องนี้มันก็อารมณ์ดีทันใด “ตอบนายท่านเซียนกระบี่ เมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ขายดีที่สุดก็ขายได้ตั้งสองสามเหรียญเงินเกล็ดหิมะเชียวนะ! เถ้าแก่ใจดี บางครั้งยังมอบเศษเงินเหรียญมาให้ด้วย”

ทุกๆ สามเดือนห้าเดือน มันจะมาที่ตลาดสักครั้ง ทุกวันนี้ค้าขายไม่ค่อยดี จึงขายได้แค่หนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น

ถึงอย่างไรเถ้าแก่ร้านว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น มันก็ต่อราคาไม่เป็นเสียด้วย อีกอย่างก็ไม่คิดจะต่อราคาด้วย

เฉินผิงอันนวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยอย่างขันๆ ปนฉุน “ร้านไหนที่รับของของเจ้าไป มโนธรรมในใจของเถ้าแก่ถูกหมากินไปแล้วหรือไร? กล้าทำการค้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าวันใดเดินทางตอนกลางคืนแล้วจะถูกคนเอาถุงป่านครอบหัวซ้อมเอาหรือ?”

ด้านในหุบเขาผีร้ายมีปราณหยางเข้มข้น วัตถุดิบทั้งหลายถูกปราณหยางอาบไล้อยู่นานนับร้อยนับพันปี ประหนึ่งการหล่อหลอมวัตถุด้วยวิธีการที่โง่ที่สุดของผู้ฝึกตน ข้าวของเต็มตะกร้าใบใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ควรขายได้สองสามเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น คาดว่าคงเพราะรู้สึกว่าภูตหนูน้อยซื่อเกินไป หลอกลวงได้ง่ายกระมัง

ด้านในหุบเขาผีร้าย หากไม่พูดถึงนครน้อยใหญ่ที่เหมือนแยกตัวไปตั้งตนเป็นอิสระ ตำหนักหยางฉางในอดีต ภูเขาจีเซียว และตำหนักกว่างหานของปี้สู่เหนียงเนียง สถานที่เหล่านี้ล้วนถือเป็นสถานที่ของวีรบุรุษ ยึดภูเขาตั้งตนเป็นราชา ครอบครองน้ำบุกเบิกจวน ดังนั้นภูตหนูน้อยอาศัยสถานะของจวนหยางฉาง หลายปีมานี้จึงสามารถไปเยือนสถานที่ต่างๆ มาได้ไม่น้อย หากพอจะมีหัวคิดในการทำการค้าบ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะสะสมทรัพย์สมบัติได้เป็นเงินร้อนน้อยหลายเหรียญแล้ว

มันยิ้มเอ่ย “นายท่านเซียนกระบี่ ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรข้าก็แค่เปลืองแรงเล็กน้อยเท่านั้น วิ่งไปแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถหาเงินได้แล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ เวลาปกติตอนอยู่ในบ้านก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร”

เฉินผิงอันยิ้มพยักหน้า “คิดแบบนี้ได้ก็ดีมากเลย”

มันกดเสียงลงต่ำถามว่า “นายท่านเซียนกระบี่ ทุกวันนี้ท่านคือเซียนกระบี่อย่างสมชื่อแล้วหรือยัง?”

เฉินผิงอันยิ้มตาหยี พยักหน้ารับ “นับว่าพอใช้ได้”

มันจึงพูดทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นรอข้าเดี๋ยวนะ ขายของได้เงินมาแล้ว ข้าจะไปซื้อของขวัญแสดงความยินดีให้กับนายท่านเซียนกระบี่”

เฉินผิงอันโบกมือ “ไม่ต้องหรอก”

เฉินผิงอันเลือกหาหนังสือสภาพสมบูรณ์หายากหลายเล่มจากในวัตถุจื่อชื่อเอามามอบให้กับภูตตัวน้อย “มอบให้เจ้าแล้ว”

ภูตน้อยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย นี่เป็นหนังสือที่นายท่านเซียนกระบี่มอบให้เชียวนะ หากเวลานี้ไม่รับเอาไว้ กลับไปถึงบ้านแล้วต้องเสียใจจนไส้เขียวแน่

ดังนั้นมันจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป รีบยกสองมือขึ้นมาเช็ดมือกับเสื้อผ้าบนร่างแรงๆ ก่อน แล้วค่อยใช้สองมือรับหนังสือเหล่านั้นมา

พวกเผยเฉียนยังเลือกของกันต่อ หนิงเหยามายืนอยู่หน้าประตู มองใบหน้าด้านข้างของเฉินผิงอัน สีหน้าของเขาอ่อนโยนเหมือนเหล้าหมักข้าวเหนียวกาหนึ่งของบ้านเกิด

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ข้ามีคำแนะนำอย่างหนึ่ง อยากฟังหรือไม่?”

ภูตน้อยที่สะพายตะกร้าใบใหญ่รีบยืนตัวตรง ยืดอกตั้งทันใด “นายท่านเซียนกระบี่เชิญเปิดปากทองคำได้เลย!”

คนบนถนนได้ยินคำเรียกขานว่า ‘เซียนกระบี่’ ก็มีคนไม่น้อยหันมามองด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ทันใด ในบรรดานั้นมีกลุ่มคนดุดันมือเท้าใหญ่โตอยู่กลุ่มหนึ่งที่สายตาไม่เป็นมิตร มารดามันเถอะ เจ้าหน้าขาวผู้นี้ สวมชุดสีเขียวสวมรองเท้าผ้า สะพายกระบี่เล่มหนึ่งก็คิดว่าตัวเองคือเซียนกระบี่บนภูเขาจริงๆ แล้วรึ? ทำไมเจ้าแม่งไม่ชื่อหลิวจิ่งหลง หลิ่วจื้อชิงไปด้วยเลยเล่า? ดูแล้วเนื้อนุ่มอ่อนบาง แค่ลมพัดก็ปลิวแล้ว สีหน้ายังซีดขาวน้อยๆ เป็นพวกขี้โรคคนหนึ่ง? ถ้าอย่างนั้นก็มาประลองฝีมือกันดีไหมเล่า?

เฉินผิงอันเหลือบตามองไป “มองอะไร?”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำคนหนึ่งในนั้นหลุดหัวเราะพรืด “บิดาเจ้าจะมองอะไร เจ้ามายุ่งอะไรด้วย?”

พริบตานั้นตรงหว่างคิ้วก็รู้สึกเย็นวาบน้อยๆ

ชายฉกรรจ์เห็นเพียงกระบี่บินเล่มหนึ่งที่หยุดลอยอยู่ตรงหน้าก็รีบกุมหมัดเอ่ยทันทีว่า “ท่านพ่อ! ลูกไปแล้ว”

ผู้ฝึกยุทธกลุ่มใหญ่ก้าวเดินจากไปเร็วๆ เหมือนดาวตก

เก็บกระบี่จำลองของภูเขาชังกระบี่เล่มนั้นมา เฉินผิงอันก็หันมายิ้มเอ่ยกับภูตน้อยต่อว่า “วันหน้าเมื่อเจ้าเก็บของมาได้เต็มตะกร้าแล้ว สามารถไปที่เมืองชิงหลูก่อนได้ ข้าจะช่วยแนะนำคนให้เจ้า หากไม่ชื่อตู้เหวินซือก็ชื่อหยางหลิน ล้วนเป็นสหายของข้า เจ้าทำการค้ากับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ขายของครึ่งตะกร้าไปแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งตะกร้าก็เอามาที่นี่ ยืนกรานขายแค่ราคาเดียว หนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ”

ภูตหนูน้อยลังเลตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกลำบากใจอย่างถึงที่สุด ใช้นิ้วเช็ดกับชายแขนเสื้อ สุดท้ายปลุกความกล้าให้ตัวเอง เอ่ยว่า “นายท่านเซียนกระบี่ ช่างเถิดนะ ฟังแล้วเหมือนจะยุ่งยากอย่างมาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!