กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 811

หากไม่เป็นเพราะมีการค้าที่ต้องพูดคุยปรึกษา เฉินผิงอันก็ไม่มีทางไปท่าเรือดอกท้อรบกวนผู้ฝึกตนของจวนไช่เฉวี่ย ถ่วงรั้งการหลอมชุดคลุมอาคมของพวกนางก็คือถ่วงรั้งการหาเงินของภูเขาลั่วพั่ว มีเรื่องกับใครก็ไม่ควรมีเรื่องกับเงิน

จวนไฉ่เชวี่ยตั้งอยู่ในอาณาเขตของแคว้นสุ่ยเซียวซึ่งเป็นแคว้นของสายน้ำ แคว้นสุ่ยเซียวที่แม้กระทั่งเมืองหลวง นคร เมืองแห่งต่างๆ ล้วนสร้างอยู่บนเกาะ จวนไฉ่เชวี่ยตั้งอยู่บนจุดตัดของลำธารใหญ่และมหาสมุทรยักษ์ ชื่อของธารน้ำก็คือน้ำดอกท้อ บนท่าเรือดอกท้อมักจะมีเมฆขาวหยุดลอยอ้อยอิ่งอยู่ตลอดทั้งปี อ้อมผ่านภูเขาเขียวที่ตั้งของจวนไฉ่เชวี่ย ประหนึ่งสวมมงกุฎหิมะขาวไว้บนศีรษะ ภูเขาสายน้ำอิงแอบเคียงคู่ เมฆขาวล้อมอบอวล ดอกท้อผลิบานสะพรั่ง ทัศนียภาพงดงามถึงขีดสุด

หมี่อวี้เคยมา ‘ฝึกตน’ อยู่ที่นี่นานหลายปี ได้ยินว่ายังเคยสร้างหนี้รักไว้อีกบานเบอะ นี่ถือว่าเป็นการทำลายขนบธรรมเนียมของภูเขาลั่วพั่วหรือไม่?

เฉินผิงอันแอบจดบัญชีไว้เงียบๆ กลับไปถึงภูเขาลั่วพั่วแล้วจะต้องพูดคุยกับเซียนกระบี่ใหญ่หมี่ให้ดีๆ เสียหน่อย

ตรงตีนเขามีร้านน้ำชาที่เป็นกิจการของจวนไฉ่เชวี่ยอยู่แห่งหนึ่ง อันที่จริงการค้าซบเซามาโดยตลอด เพราะราคาน้ำชาแพงเกินไป ผู้ฝึกตนที่ผ่านทางมาที่ท่าเรือของท่าเรือดอกท้อ ส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวป่าท้อมากกว่า

พวกเฉินผิงอันมานั่งลงแล้ว เขาก็บอกชื่อแซ่กับผู้ฝึกตนหญิงของจวนไฉ่เชวี่ย ผู้ฝึกตนหญิงได้ยินว่าเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วมาเยือนท่าเรือดอกท้อด้วยตัวเอง ไหนเลยจะกล้าเพิกเฉย รีบส่งว่าวแจ้งข่าวไปยังศาลบรรพจารย์ทันที เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนหญิงของจวนไฉ่เชวี่ยต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจว่าภูเขาลั่วพั่วของแจกันสมบัติทวีป แม้จะบอกว่าก่อตั้งสำนักมาได้ไม่กี่ปี แต่กลับเป็นเศรษฐีบ้านนอกคนหนึ่ง อีกทั้งทุกวันนี้ยังได้กลายเป็นสำนักอักษรจงแล้วด้วย

จวนไฉ่เชวี่ยมีบรรยากาศเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ล้วนต้องยกคุณความชอบให้กับชุดคลุม ‘บรรพบุรุษ’ ที่ภูเขาลั่วพั่วนำมามอบให้ตัวนั้น เพราะมีมันจวนไช่เฉวี่ยถึงสามารถแตกกิ่งก้านสาขา มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง อาศัยอ่างเก็บสมบัติใบนี้ ถึงกับสามารถสานสัมพันธ์ทำการค้ากับราชวงศ์ต้าหลีได้ เป็นเหตุให้ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ยี่สิบปี จวนไฉ่เชวี่ยลุกผงาดอย่างรวดเร็ว เลื่อนเป็นภูเขาอันดับหนึ่งของอุตรกุรุทวีป หากไม่เป็นเพราะจวนไฉ่เชวี่ยทำตามกฎของบรรพบุรุษจึงรับแต่ผู้ฝึกตนหญิงมาโดยตลอด ทำให้จำนวนลูกศิษย์มีไม่มาก ไม่อย่างนั้นสำนักอักษรจงก็สามารถลองช่วงชิงมาได้

เพียงไม่นานอู่ชวินผู้คุมกฎก็ทะยานลมมาถึง เจอหน้าเฉินผิงอันก็เอ่ยขออภัยก่อนหนึ่งคำ เพราะซุนชิงเจ้าจวนได้พาลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างหลิ่วกุ้ยเป่าออกจากสำนักไปหาประสบการณ์การณ์ ซุนชิงพูดจาน่าฟังว่าไปปกป้องมรรคาให้กับลูกศิษย์ ก็แค่ให้มีเหตุผลพอที่จะไปเยือนสำนักกระบี่ไท่ฮุยเท่านั้น

ตามกฎบนภูเขา เจ้าสำนักอย่างเฉินผิงอันมาเยือนถึงที่ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินเบื้องหลังจวนไฉ่เชวี่ย ซุนชิงก็ควรจะอยู่ที่นี่ด้วย

ต่อให้ก่อนจะมาทางภูเขาลั่วพั่วจะไม่ได้ส่งกระบี่บินมาแจ้งข่าว ถึงอย่างไรก็ยังเป็นจวนไฉ่เชวี่ยที่เสียมารยาท

รากฐานของภูเขาลั่วพั่วเป็นอย่างไร จวนไฉ่เชวี่ยรู้ชัดเจนดี สองคำ ไร้เหตุผล

ซุนชิงพาหลิ่วกุ้ยเป่าไปเข้าร่วมงานพิธีเสร็จก็กลับมาที่ภูเขาบ้านตน นางได้พูดคุยหยอกล้อกับอู่ชวินเป็นการส่วนตัวสองสามประโยค บอกว่าสถานที่แห่งนี้ของพวกเราเบิกตากว้างก็ยังหาเซียนดินไม่เจอ อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ดีนักนะ ดูเหมือนว่าพวกขอบเขตก่อกำเนิดต่างก็ไม่กล้าพูดเสียงดัง ราวกับว่าขอแค่ไม่ใช่เซียนดินก็ไม่กล้าออกจากบ้านไปทักทายกับคนอื่นแล้ว

ตอนนั้นอู่ชวินแค่ฟังรายชื่อผู้เข้าร่วมงานพิธีเปิดสำนักอย่างเป็นทางการจากซุนชิงก็อึ้งค้างไปนาน เป็นความอึ้งที่ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้เลย

อู่ชวินมองสตรีที่สวมชุดคลุมยาวสีขาวหิมะสะพายกล่องกระบี่

หนิงเหยายังคงเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยประโยคเดิม “หนิงเหยา ผู้ฝึกกระบี่”

อู่ชวินกุมหมัดคารวะ พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “ผู้คุมกฎศาลบรรพจารย์จวนไฉ่เชวี่ย อู่ชวิน อู่ที่ประกอบจากอักษรจื่อและอักษรเกอ ชวินคืออักษรซานและอักษรจวิน”

เดี๋ยวนะ!

ผู้ฝึกกระบี่? หนิงเหยา?

คงไม่ใช่หนิงเหยาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่หรอกกระมัง!?

เพราะกระทั่งวันที่เจ้าจวนซุนชิงเข้าร่วมงานพิธีครั้งนั้นก็ถึงเพิ่งจะได้รู้ว่า ‘อวี๋หมี่’ ที่เล่นสนุกอยู่ในจวนไฉ่เชวี่ยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถึงกับเป็นเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง อีกทั้งอยู่บนภูเขาลั่วพั่วก็เป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ ชื่อจริงคือหมี่อวี้ มาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่! หมี่ฮู่ผู้เป็นพี่ชายก็ยิ่งเป็นเซียนกระบี่ใหญ่ที่ผลงานทางการสู้รบเกริกก้อง

ใต้หล้ามีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ? เฉินผิงอันร้ายกาจก็จริง เพียงแต่อู่ชวินก็ยังไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่าเขาจะทำให้หนิงเหยาติดตามอยู่ข้างกายได้

อีกอย่างหนิงเหยาติดตามนครบินทะยานไปยังใต้หล้าแห่งที่ห้า มีกฎของศาลบุ๋นวางอยู่ตรงนั้นแล้วจะมาที่ใต้หล้าไพศาลได้อย่างไร?

พกกระบี่บินทะยานหรือ?

นี่ก็คือความต่างระหว่างสำนักบนยอดเขากับกองกำลังตระกูลเซียนลำดับรองของไพศาลแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่จวนไฉ่เชวี่ยเองก็ไม่มีผู้ฝึกกระบี่ที่เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อน บวกกับที่ไพศาลสั่งห้ามรายงานขุนเขาสายน้ำมานานหลายปี ดังนั้นจนถึงตอนนี้อู่ชวินก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่วที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงหน้าผู้นี้เคยมีบารมียิ่งใหญ่ในวงการขุนนางที่เรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัวแค่ไหน

เพียงแต่อู่ชวินก็อดรู้สึกโชคดีไม่ได้ หากเป็นจริงขึ้นมาล่ะ จึงถามหยั่งเชิงว่า “บ้านเกิดของแม่นางหนิงคือ?”

หนิงเหยากล่าว “กำแพงเมืองปราณกระบี่”

อู่ชวินพลันหน้าแดงก่ำ

อุตรกุรุทวีปคือสถานที่ที่มีความสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับกำแพงเมืองปราณกระบี่มากที่สุดในบรรดาเก้าทวีปของใต้หล้าไพศาล ไม่มีหนึ่งใน

ดังนั้นผู้ฝึกลมปราณของที่นี่ ต่อให้จะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ก็ยังเข้าใจกำแพงเมืองปราณกระบี่เป็นอย่างดี

อู่ชวินต้มชารับรองแขกด้วยตัวเอง อารมณ์ตื่นเต้นดีใจ เนิ่นนานก็ไม่อาจสงบอารมณ์ได้ สองมือถึงกับสั่นสะท้านเบาๆ อย่างที่ไม่อาจควบคุม

ใบชาเป็นผลผลิตมาจากภูเขาด้านหลังของจวนไฉ่เชวี่ย มีชื่อว่าเสี่ยวเสวียนปี้ ต้นชาเก่าแก่มีแค่ยี่สิบต้น มีนกไฉ่เชวี่ยที่ล้ำค่าหากยากมาคาบเด็ดใบ แล้วใช้กลวิธีลับทำให้เป็นก้อน จึงเป็นเหตุให้มีชื่อเสียงและราคาแพงมาก

อู่ชวินอดไม่ไหวเหลือบตามองหนิงเหยาบ่อยๆ

หนิงเหยา เป็นหนิงเหยาในตำนานผู้นั้นจริงๆ!

ทุกวันนี้ระหว่างภูเขาใหญ่ของอุตรกุรุทวีปล้วนมีการคาดเดาและคำกล่าวบางอย่าง ล้วนเชื่อมั่นเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้นว่าหนิงเหยาคือบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าใหม่เอี่ยมแห่งนั้น

ประเด็นสำคัญคือหนิงเหยาคือสตรีนะ เวลาปกติยามที่อู่ชวินดื่มชากับเจ้าจวนและพวกกุ้ยเป่า มีหรือจะไม่เคยคุยกันถึงหนิงเหยาเลย? โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิ่วกุ้ยเป่าที่หยิ่งทระนงที่ยิ่งเลื่อมใสในตัวหนิงเหยา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!