กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 811

สรุปบท บทที่ 811.2 สอนหมัด: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 811.2 สอนหมัด – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 811.2 สอนหมัด ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

อู่ชวินเอ่ยอย่างจนใจ “ใครเล่าจะไม่อยากมี เจ้าจวนของพวกเราดีดลูกคิดไว้ดียิ่งนัก ในใจนึกแต่อยากจะผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์หลิว ยิงปืนนัดเดียวก็จะได้นกสองตัว มีทั้งชีวิตคู่และมีทั้งผู้ถวายงานประจำภูเขา ทว่าอาจารย์หลิวไม่ตอบตกลง จะมีวิธีอะไรได้อีก ทางฝั่งของสำนักพีหมา หากจะขอร้อง ขอเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อมาสักคนก็ไม่ยาก แต่หากจะให้บรรพจารย์ท่านหนึ่งมาประจำการณ์อยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีกลับไม่อาจทำได้”

แต่เรื่องที่ซุนชิงชอบหลิวจิ่งหลงแห่งสำนักกระบี่ไท่ฮุยนั้นเป็นเรื่องที่คนทั้งทวีปล้วนรับรู้ อันที่จริงเดิมทีนี่ก็เป็นยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งของจวนไฉ่เชวี่ย

หากมีคนมาหาเรื่องจวนไฉ่เชวี่ยอย่างไร้เหตุผล ด้วยนิสัยที่ชอบใช้เหตุผลเป็นที่สุดของหลิวจิ่งหลงนั้นจะต้องพกกระบี่ลงจากภูเขามาอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพื่อความรักชายหญิง แต่เพื่อไปอธิบายเหตุผล

ทว่ารอกระทั่งกิจการของจวนไฉ่เชวี่ยขยับขยายได้ใหญ่มากพอแล้ว มากพอจะทำให้คนน้ำลายสออยากครอบครอง ความสัมพันธ์ในชั้นนี้ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้ได้ผลอีก

อู่ชวินยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ภูเขาลั่วพั่วไม่เห็นห้าขอบเขตบนเป็นสำคัญก็ใช่ว่าท่านจะคิดว่ากิจการครอบครัวจวนไฉ่เชวี่ยของพวกเราใหญ่เหมือนกันได้นะ”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้พวกเจ้าเอง แต่ไม่กล้ารับรองว่าจะต้องสำเร็จแน่นอน”

สามารถมาประจำการณ์อยู่ที่จวนไฉ่เชวี่ยตลอดเวลาได้ย่อมดีที่สุด แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นผู้ฝึกยุทธหวังฟู่ซู่ที่ขอแค่ป่าวประกาศออกไป บอกว่าตัวเองคือเค่อชิงอันดับหนึ่งของจวนไฉ่เชวี่ย ถ้าอย่างนั้นพวกคนที่จับจ้องตาเป็นมันก็ควรต้องชั่งน้ำหนักให้ดีแล้ว

เพราะถึงอย่างไรการออกหมัดของหวังฟู่ซู่ก็ขึ้นชื่อว่าทุกเรื่องขึ้นอยู่กับอารมณ์เท่านั้น

นอกจากนี้แล้วยังมีเจ้าขุนเขาของยอดเขาสิงโตที่เคยพูดคุยกันที่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน

ทว่าสุดท้ายแล้วผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้จะตอบตกลงหรือไม่ ตอนนี้ยังบอกได้ยาก แต่สามารถลองทำดูได้ หากชนตอติดๆ กันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอให้เสิ่นหลินหลิงหยวนกงและหลี่หยวนหลงถิงโหวช่วยเหลือ ติดค้างหนี้น้ำใจคนคนหนึ่งก็คือติดค้าง ติดค้างหนี้น้ำใจคนสองคนก็ติดค้างเหมือนกัน

จู๋เฉวียนกั๋วฉือเซียนซือ ก่อนหน้านี้ได้ไปเยือนสำนักเบื้องบนของสำนักพีหมาที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมารอบหนึ่ง หลังจากกลับมาก็ถอนตัวออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก เก้าอี้อันดับหนึ่งจึงว่างลงชั่วคราว แม้แต่การประชุมในศาลบรรพจารย์นางก็ไม่ชอบไปเข้าร่วม รอแค่ตู้เหวินซือออกจากด่านฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบเท่านั้น ก็จะให้ตู้เหวินซือที่นิสัยหนักแน่นสุขุมมารับตำแหน่งต่อ

ได้ยินมาว่าในศาลบรรพจารย์ จู๋เฉวียนหัวเราะดังลั่น ป่าวประกาศอย่างเปิดเผยว่า ทุกวันนี้เหล่าเหนียงไร้ตำแหน่งหน้าที่ก็ตัวเบา อยากจะฟันใครก็ฟันได้

เพียงแต่ว่าคนอย่างจู๋เฉวียนและยังมีเซี่ยซงฮวาแห่งธวัลทวีป อันที่จริงเฉินผิงอันค่อนข้างจะหวาดกลัวพวกนางอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรพวกนางก็คือสตรีที่กล้าพูดคำพูดหยาบโลนได้สารพัด

อู่ชวินลุกขึ้นยืนอย่างเคร่งขรึม หลังจากกุมหมัดเอ่ยขอบคุณแล้วนางก็อารมณ์ดีมาก คำพูดคำจาจึงไม่มีความกริ่งเกรงอะไรอีกต่อไป นางยิ้มเอ่ยว่า “ก็เพราะรู้ว่าเจ้าขุนเขาเฉินคือวิญญูชนที่ปฏิบัติตนอย่างเที่ยงตรง จิตแห่งมรรคาสะอาดบริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นข้าก็คงต้องยอมแหกกฎเป็นครั้งแรกให้กับเจ้าขุนเขาเฉิน เรียกพวกลูกศิษย์ของจวนไฉ่เชวี่ยหลายๆ คนให้หิ้วเหล้ามาร่วมดื่มเหล้าไปพร้อมกันแล้ว!”

เฉินผิงอันหน้าดำทะมึน

เด็กชายผมขาวกลับรู้สึกว่ามองอู่ชวินแล้วสบายตาขึ้นหลายส่วน

อู่ชวินนั่งกลับลงไปอีกครั้ง เอ่ยว่า “ภูเขาลั่วพั่วช่วยนครเหนือเมฆสร้างท่าเรือส่วนตัวขึ้นมาแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าทางฝั่งของสวนน้ำค้างวสันต์จะมีความเห็นไม่น้อยเลย?”

นางได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ผู้ฝึกตนของสวนน้ำค้างวสันต์โวยวายว่าจะให้ภูเขาลั่วพั่วเปลี่ยนที่ตั้งของท่าเรือแห่งนั้น ให้ย้ายไปอยู่บนภูเขาใต้อาณัติลูกหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์ เงินเทพเซียนก้อนใหญ่ขนาดนั้นมอบให้นครเหนือเมฆเล็กๆ เอาไปทิ้งขว้างก็มีแต่จะไหลหายไปกับกระแสน้ำ

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ใจคนไม่รู้จักพอ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก หากไม่เป็นเพราะภายในของศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์เองมีการทะเลาะถกเถียงกันอยู่หลายครั้ง วันหน้าภูเขาลั่วพั่วก็คงไม่มีการไปมาหาสู่อะไรกับพวกเขาอีกแล้ว”

อู่ชวินยิ้มเอ่ย “นี่ไม่ใช่การพัดลมกระพือไฟหรอกหรือ”

หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง อู่ชวินก็หัวเราะดังลั่น “ก็ได้ ข้ายอมรับว่ารู้สึกสมน้ำหน้าอยู่บ้าง”

เด็กชายผมขาวนั่งอยู่ข้างกายบรรพบุรุษอิ่นกวานอย่างอยู่ในกฎในระเบียบ เหลือบตามองสตรีผู้นี้แวบหนึ่ง หน้าตาไม่งดงาม แต่นิสัยไม่เลวร้าย

อู่ชวินยิ้มถาม “เจ้าขุนเขาเฉินไปที่สวนน้ำค้างวสันต์มาแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าไปพบผู้อาวุโสหลินมาแค่คนเดียว”

อู่ชวินประหลาดใจอย่างมาก แรกเริ่มแค่รู้สึกว่าเจ้าขุนเขาหนุ่มผู้นี้อายุน้อยเลือดลมจึงพลุ่งพล่าน ทำอะไรมักจะเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ทว่าพอใคร่ครวญอย่างละเอียด นางกลับต้องตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายพอมองเฉินผิงอันอีกครั้ง ในสายตาของผู้คุมกฎจวนไฉ่เชวี่ยคนนี้ก็ฉายแววแปลกประหลาดอยู่บ้าง อายุน้อยๆ เหตุใดถึงมองใจคนได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้

แต่ก็ถูกนะ คาดว่าคงมีเพียงเป็นแบบนี้เท่านั้นถึงจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหนึ่งโดยที่อายุยังน้อยขนาดนี้ได้

อู่ชวินถาม “แม่หนูหลวนหลวนนั่นฝึกตนราบรื่นดีไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คุณสมบัติดีมาก ดังนั้นข้าจึงค่อนข้างกังวลว่าจะถ่วงรั้งอนาคตของนาง”

อู่ชวินส่ายหน้า จุ๊ปากกล่าวว่า “คำพูดประโยคนี้พูดได้กวนโอ้ยจริงๆ”

จ้าวซู่เซี่ยกลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉินผิงอัน จ้าวหลวนเองก็ได้เป็นผู้ฝึกตนในทำเนียบของยอดเขาจี้เซ่อภูเขาลั่วพั่ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้หวนกลับมาฝึกตนที่จวนไฉ่เชวี่ยต่อ แต่เลือกจะอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว

เฉินผิงอันเพิ่งจะช่วยนางหาอาจารย์ที่ไม่บันทึกชื่อมาได้ ก็คือเทวบุตรมารนอกโลกที่อยู่ข้างกายตนนี้

พอมองไปยังดอกท้อทั้งหลายที่อยู่ห่างไปไกล เฉินผิงอันก็นึกขึ้นมาได้ว่าในอดีตระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยว ข้างกายยังมีพวกเว่ยเซี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงอยู่ด้วย พวกเขาก็เคยเดินทางผ่านป่าท้อแห่งหนึ่งเหมือนกัน บังเอิญเจอกับหญิงสาวชนบทคนหนึ่งผ่านทางมาพอดี ตอนนั้นดูเหมือนว่าพ่อครัวเฒ่าจะเกิดแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพจึงพูดจาเหลวไหลสองสามประโยค ผลคือถูกเผยเฉียนเอามาล้อเลียนอยู่เป็นครึ่งๆ วัน

แต่แท้จริงแล้วคำพูดที่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจประโยคนั้นของจูเหลี่ยน เฉินผิงอันกลับคิดว่ามันน่าสนใจอย่างมาก

แดงเข้มแดงอ่อนน่ารัก กระโปรงเขียวมรกตชวนหลงใหล เหลือบมองหลายครา คิดเช่นไร วาสนานำพาเพราะท่านปลูกดอกท้อ คนอยู่ในใจ

พอเฉินผิงอันนึกถึงใบหน้าที่แท้จริงหลังจากที่จูเหลี่ยนถอดหน้ากากออกก็อดด่าในใจไม่ไหว

เว่ยป้อ หมี่อวี้ แล้วยังมีเฉาสือ ฟู่จิ้น ดูเหมือนจะไม่มีใครสู้พ่อครัวเฒ่าได้สักคน

จำได้ว่าในอดีตเผยเฉียนฟังพ่อครัวเฒ่าเล่าว่าตอนที่ตัวเองยังหนุ่มแล้วอยู่ในยุทธภพ เคยมีเรื่องเล่าบางอย่างด้วย

ถ่านดำน้อยยังหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง มือหนึ่งกุมท้อง มือหนึ่งตบโต๊ะแรงๆ บอกว่าพ่อครัวเฒ่าเจ้าทำให้คนหัวเราะเกือบตายแล้ว

อันที่จริงตอนนั้นเฉินผิงอันเองก็หัวเราะไปไม่น้อย

ก่อนจะจากลา อู่ชวินมอบเสี่ยวเสวียนปี้มาให้สองสามกระปุก บอกว่าเรื่องของการตั้งราคาชุดคลุมอาคมใหม่ล่าสุดทั้งภูเขาลั่วพั่วและเฉินผิงอันล้วนวางใจได้ จะแค่ไม่ให้ขาดทุนเท่านั้น

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่ต้องจงใจแค่ให้รักษาต้นทุนไว้ได้ ในเมื่อเป็นการทำการค้า ต่อให้จะเป็นการคบค้ากับศาลบุ๋น แต่เงินก็ยังต้องหามา พวกเราก็แค่เอากำไรน้อยหน่อยก็พอ”

อู่ชวินส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่ต้องปรึกษากับเจ้าจวนก็ยังได้ ขอแค่ทางฝั่งศาลบุ๋นต้องการชุดคลุมอาคม จวนไฉ่เชวี่ยของพวกเราก็ยินดีที่จะไม่หากำไรแม้แต่เหรียญเงินเกล็ดหิมะเดียว”

ผู้ฝึกตนของจวนไฉ่เชวี่ย ต่างก็ไม่เคยมีใครไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่

มีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว วันหน้าเมื่ออู่ชวินไปจุดธูปกราบไหว้เหล่าบรรพจารย์ในศาลบรรพจารย์ จะต้องรู้สึกสบายใจมากเป็นพิเศษ

เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอกว่า “แบบนี้จะให้ภูเขาลั่วพั่วทำอย่างไร? ไม่ต้องเอากำไรเหมือนกับจวนไฉ่เชวี่ย หรือ?”

เฉินผิงอันเอ่ย “คลี่คลายได้แล้ว ใครผูกคนนั้นก็ต้องแก้เอาเอง ในเมื่อปัญหาเรื่องใจคนไม่ได้อยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้พวกเขาแก้ไขกันเอาเอง”

ปัญหายุ่งยากมากมายในวันนี้ สำหรับเฉินผิงอันแล้ว เป็นแค่ความยุ่งยากเท่านั้นจริงๆ ไม่ใช่ปัญหาข้อยากอะไรแล้ว

การเดินทางไปเยือนสวนน้ำค้างวสันต์ แค่ไปพบหลินฉั่วเอ๋อคนเดียว

ก็คือการอธิบายหลักการเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายพูดกับผู้ฝึกตนทุกคนของสวนน้ำค้างวสันต์แม้แต่ครึ่งคำ

เจ้าขุนเขาของภูเขาลั่วพั่ว เจ้าสำนักของสำนักหนึ่งในแจกันสมบัติทวีป อยู่กับหญิงชราแล้วยังคงเป็นแค่ผู้เยาว์คนหนึ่ง แต่สวนน้ำค้างวสันต์ที่นอกเหนือจากนาง หากยังอยากจะทำการค้าร่วมกันต่อ ก็จงทำตัวให้ดีๆ ทำผิดก็หัดรู้จักแก้ไข

แม้แต่หน้าผาอวี้อิ๋งและร้านผีฝูก็ไม่ได้ไปเยือน นี่ก็คือการขีดเส้นแบ่งกับสวนน้ำค้างวสันต์อย่างชัดเจน คือการแบ่งแยกเรื่องส่วนรวมออกจากเรื่องส่วนตัว

หากยินดีเปลี่ยนแปลงแก้ไข ควรจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างไร สวนน้ำค้างวสันต์ของพวกเจ้าก็จงหาน้ำหนักที่เหมาะสมกันเอาเอง!

เลิกทำการค้ากับภูเขาลั่วพั่วเสียเลย? ภูเขาลั่วพั่วไม่ติดอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะอีกไม่นานสวนน้ำค้างวสันต์ก็จะค้นพบความจริงข้อหนึ่ง ไม่เพียงแต่สำนักพีหมาที่เหมือนลอยพ้นผิวน้ำเท่านั้น จวนไฉ่เชวี่ย นครเหนือเมฆ และยังมีสำนักกระบี่ไท่ฮุย หน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวน ทะเลสาบกระบี่ฝูผิง สำนักมังกรน้ำ กงโหวของลำน้ำใหญ่ทั้งสองท่าน…ล้วนเป็นพันธมิตรในอุตรกุรุทวีปของภูเขาลั่วพั่ว ภูเขาลั่วพั่วไม่จำเป็นต้องเล่นงานสวนน้ำค้างวสันต์ สวนน้ำค้างวสันต์ก็จะรู้สึกใจฝ่อไปเอง

เป็นเฉินผิงอันและภูเขาลั่วพั่วที่รวบรวมเส้นทางการเงินข้ามทวีป ช่วยเชื่อมโยงข้อต่อส่วนต่างๆ ของแจกันสมบัติทวีปไว้ให้ ในนี้เกี่ยวพันไปถึงสกุลซ่งต้าหลี ภูเขาพีอวิ๋น ต่งสุ่ยจิ่ง กวนอี้หราน และยังมีตระกูลฟ่านกับตระกูลซุนของนครมังกรเฒ่า…ล้วนเป็นเช่นนี้กันหมด สวนน้ำค้างวสันต์ไม่มีเหตุผลให้ต้องคิดแต่จะหากำไรอย่างสุดชีวิต เอาแต่คิดจะช่วงชิงความได้เปรียบมาฝ่ายเดียว วิถีทางโลกใบนี้ คนที่ไม่มีเหตุผลไม่ควรจะรังแกคนที่มีเหตุผลเช่นนี้

แน่นอนว่าเมื่อศาลบุ๋นสั่งคลายข้อห้ามรายงานขุนเขาสายน้ำ เชื่อว่าอีกไม่นานผู้ฝึกตนบนยอดเขาทุกคนของใต้หล้าไพศาลจะรู้กันเองว่าเขาคือใคร

ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เป็นเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น

แต่ตำแหน่งอิ่นกวานอาจจะถูกแขวนพร้อมกับชื่อของเฉินผิงอันช้าสักหน่อย

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงจำเป็นต้องเดินทางในอุตรกุรุทวีปให้จบเร็วที่สุด

จากนั้นก็รีบกลับไปยังแจกันสมบัติทวีป ไปถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงพร้อมกับหลิวเสี้ยนหยาง

เฉินผิงอันกล่าว “ซิ่งจิ่ว ข้าคงไม่พักค้างแรมที่นี่แล้ว ต้องรีบเดินทางต่อ”

สวีซิ่งจิ่วยิ้มพลางกุมหมัด “ขอให้อาจารย์เฉินเดินทางราบรื่นปลอดภัย”

เฉินผิงอันยิ้มแล้วกุมหมัดคารวะกลับคืน “ขอให้การฝึกตนราบรื่น สมบูรณ์พูนสุข”

……

การประเมินเทพีบุปผาครั้งใหม่ของพื้นที่มงคลร้อยบุปผา เทพีบุปผาเฟิ่งเซียนไม่เพียงแต่ไม่ตกไปอยู่ในขั้นเก้าอีมิ่ง กลับกันยังรักษาระดับขั้นก่อนหน้านี้ไว้ได้อย่างมั่นคง แม้จะไม่อาจเลื่อนอันดับให้สูงขึ้น แต่เด็กสาวเทพีบุปผาก็ดีใจล้นเหลือมากพอแล้ว เป็นเหตุให้นางแอบแขวนภาพเหมือนของคนผู้หนึ่งไว้บนผนังห้องส่วนตัว คิดว่าวันหน้าทุกๆ วันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของเดือนจะจุดธูปกราบไหว้ ขอบคุณบุญคุณ ‘ช่วยชีวิต’ ของเซียนกระบี่ชุดเขียวท่านนี้

นางเริ่มวาดฝันถึงคราวหน้าที่อาจารย์เฉินจะมาเยือนพื้นที่มงคลแล้ว

ยังมีแม่นางน้อยอีกคนหนึ่งที่มองดูแล้วอายุน้อยกว่าเทพีบุปผาเฟิ่งเซียน คือเหนียงเนียงเทพีบุปผาปาเจียว (ต้นกล้วย) ในมือถือพัดใบกล้วยขนาดจิ๋วน่ารัก โบกลมเบาๆ ถามพี่หญิงรุ่ยเฟิ่งเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายว่าได้พบอาเหลียงผู้นั้นหรือไม่

บทกวีแห่งบุปผา ก็เป็นนางที่มีน้อยที่สุด ดังนั้นตำแหน่งเทพจึงต่ำมาก เด็กสาวถึงขั้นไม่มีคำเรียกขานอย่างอื่นด้วยซ้ำ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!