อู่ชวินเอ่ยอย่างจนใจ “ใครเล่าจะไม่อยากมี เจ้าจวนของพวกเราดีดลูกคิดไว้ดียิ่งนัก ในใจนึกแต่อยากจะผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอาจารย์หลิว ยิงปืนนัดเดียวก็จะได้นกสองตัว มีทั้งชีวิตคู่และมีทั้งผู้ถวายงานประจำภูเขา ทว่าอาจารย์หลิวไม่ตอบตกลง จะมีวิธีอะไรได้อีก ทางฝั่งของสำนักพีหมา หากจะขอร้อง ขอเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อมาสักคนก็ไม่ยาก แต่หากจะให้บรรพจารย์ท่านหนึ่งมาประจำการณ์อยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีกลับไม่อาจทำได้”
แต่เรื่องที่ซุนชิงชอบหลิวจิ่งหลงแห่งสำนักกระบี่ไท่ฮุยนั้นเป็นเรื่องที่คนทั้งทวีปล้วนรับรู้ อันที่จริงเดิมทีนี่ก็เป็นยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งของจวนไฉ่เชวี่ย
หากมีคนมาหาเรื่องจวนไฉ่เชวี่ยอย่างไร้เหตุผล ด้วยนิสัยที่ชอบใช้เหตุผลเป็นที่สุดของหลิวจิ่งหลงนั้นจะต้องพกกระบี่ลงจากภูเขามาอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพื่อความรักชายหญิง แต่เพื่อไปอธิบายเหตุผล
ทว่ารอกระทั่งกิจการของจวนไฉ่เชวี่ยขยับขยายได้ใหญ่มากพอแล้ว มากพอจะทำให้คนน้ำลายสออยากครอบครอง ความสัมพันธ์ในชั้นนี้ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้ได้ผลอีก
อู่ชวินยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ภูเขาลั่วพั่วไม่เห็นห้าขอบเขตบนเป็นสำคัญก็ใช่ว่าท่านจะคิดว่ากิจการครอบครัวจวนไฉ่เชวี่ยของพวกเราใหญ่เหมือนกันได้นะ”
เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้พวกเจ้าเอง แต่ไม่กล้ารับรองว่าจะต้องสำเร็จแน่นอน”
สามารถมาประจำการณ์อยู่ที่จวนไฉ่เชวี่ยตลอดเวลาได้ย่อมดีที่สุด แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นผู้ฝึกยุทธหวังฟู่ซู่ที่ขอแค่ป่าวประกาศออกไป บอกว่าตัวเองคือเค่อชิงอันดับหนึ่งของจวนไฉ่เชวี่ย ถ้าอย่างนั้นพวกคนที่จับจ้องตาเป็นมันก็ควรต้องชั่งน้ำหนักให้ดีแล้ว
เพราะถึงอย่างไรการออกหมัดของหวังฟู่ซู่ก็ขึ้นชื่อว่าทุกเรื่องขึ้นอยู่กับอารมณ์เท่านั้น
นอกจากนี้แล้วยังมีเจ้าขุนเขาของยอดเขาสิงโตที่เคยพูดคุยกันที่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน
ทว่าสุดท้ายแล้วผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้จะตอบตกลงหรือไม่ ตอนนี้ยังบอกได้ยาก แต่สามารถลองทำดูได้ หากชนตอติดๆ กันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอให้เสิ่นหลินหลิงหยวนกงและหลี่หยวนหลงถิงโหวช่วยเหลือ ติดค้างหนี้น้ำใจคนคนหนึ่งก็คือติดค้าง ติดค้างหนี้น้ำใจคนสองคนก็ติดค้างเหมือนกัน
จู๋เฉวียนกั๋วฉือเซียนซือ ก่อนหน้านี้ได้ไปเยือนสำนักเบื้องบนของสำนักพีหมาที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมารอบหนึ่ง หลังจากกลับมาก็ถอนตัวออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก เก้าอี้อันดับหนึ่งจึงว่างลงชั่วคราว แม้แต่การประชุมในศาลบรรพจารย์นางก็ไม่ชอบไปเข้าร่วม รอแค่ตู้เหวินซือออกจากด่านฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบเท่านั้น ก็จะให้ตู้เหวินซือที่นิสัยหนักแน่นสุขุมมารับตำแหน่งต่อ
ได้ยินมาว่าในศาลบรรพจารย์ จู๋เฉวียนหัวเราะดังลั่น ป่าวประกาศอย่างเปิดเผยว่า ทุกวันนี้เหล่าเหนียงไร้ตำแหน่งหน้าที่ก็ตัวเบา อยากจะฟันใครก็ฟันได้
เพียงแต่ว่าคนอย่างจู๋เฉวียนและยังมีเซี่ยซงฮวาแห่งธวัลทวีป อันที่จริงเฉินผิงอันค่อนข้างจะหวาดกลัวพวกนางอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรพวกนางก็คือสตรีที่กล้าพูดคำพูดหยาบโลนได้สารพัด
อู่ชวินลุกขึ้นยืนอย่างเคร่งขรึม หลังจากกุมหมัดเอ่ยขอบคุณแล้วนางก็อารมณ์ดีมาก คำพูดคำจาจึงไม่มีความกริ่งเกรงอะไรอีกต่อไป นางยิ้มเอ่ยว่า “ก็เพราะรู้ว่าเจ้าขุนเขาเฉินคือวิญญูชนที่ปฏิบัติตนอย่างเที่ยงตรง จิตแห่งมรรคาสะอาดบริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นข้าก็คงต้องยอมแหกกฎเป็นครั้งแรกให้กับเจ้าขุนเขาเฉิน เรียกพวกลูกศิษย์ของจวนไฉ่เชวี่ยหลายๆ คนให้หิ้วเหล้ามาร่วมดื่มเหล้าไปพร้อมกันแล้ว!”
เฉินผิงอันหน้าดำทะมึน
เด็กชายผมขาวกลับรู้สึกว่ามองอู่ชวินแล้วสบายตาขึ้นหลายส่วน
อู่ชวินนั่งกลับลงไปอีกครั้ง เอ่ยว่า “ภูเขาลั่วพั่วช่วยนครเหนือเมฆสร้างท่าเรือส่วนตัวขึ้นมาแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าทางฝั่งของสวนน้ำค้างวสันต์จะมีความเห็นไม่น้อยเลย?”
นางได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ผู้ฝึกตนของสวนน้ำค้างวสันต์โวยวายว่าจะให้ภูเขาลั่วพั่วเปลี่ยนที่ตั้งของท่าเรือแห่งนั้น ให้ย้ายไปอยู่บนภูเขาใต้อาณัติลูกหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์ เงินเทพเซียนก้อนใหญ่ขนาดนั้นมอบให้นครเหนือเมฆเล็กๆ เอาไปทิ้งขว้างก็มีแต่จะไหลหายไปกับกระแสน้ำ
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ใจคนไม่รู้จักพอ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก หากไม่เป็นเพราะภายในของศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์เองมีการทะเลาะถกเถียงกันอยู่หลายครั้ง วันหน้าภูเขาลั่วพั่วก็คงไม่มีการไปมาหาสู่อะไรกับพวกเขาอีกแล้ว”
อู่ชวินยิ้มเอ่ย “นี่ไม่ใช่การพัดลมกระพือไฟหรอกหรือ”
หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง อู่ชวินก็หัวเราะดังลั่น “ก็ได้ ข้ายอมรับว่ารู้สึกสมน้ำหน้าอยู่บ้าง”
เด็กชายผมขาวนั่งอยู่ข้างกายบรรพบุรุษอิ่นกวานอย่างอยู่ในกฎในระเบียบ เหลือบตามองสตรีผู้นี้แวบหนึ่ง หน้าตาไม่งดงาม แต่นิสัยไม่เลวร้าย
อู่ชวินยิ้มถาม “เจ้าขุนเขาเฉินไปที่สวนน้ำค้างวสันต์มาแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าไปพบผู้อาวุโสหลินมาแค่คนเดียว”
อู่ชวินประหลาดใจอย่างมาก แรกเริ่มแค่รู้สึกว่าเจ้าขุนเขาหนุ่มผู้นี้อายุน้อยเลือดลมจึงพลุ่งพล่าน ทำอะไรมักจะเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ทว่าพอใคร่ครวญอย่างละเอียด นางกลับต้องตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายพอมองเฉินผิงอันอีกครั้ง ในสายตาของผู้คุมกฎจวนไฉ่เชวี่ยคนนี้ก็ฉายแววแปลกประหลาดอยู่บ้าง อายุน้อยๆ เหตุใดถึงมองใจคนได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้
แต่ก็ถูกนะ คาดว่าคงมีเพียงเป็นแบบนี้เท่านั้นถึงจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหนึ่งโดยที่อายุยังน้อยขนาดนี้ได้
อู่ชวินถาม “แม่หนูหลวนหลวนนั่นฝึกตนราบรื่นดีไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คุณสมบัติดีมาก ดังนั้นข้าจึงค่อนข้างกังวลว่าจะถ่วงรั้งอนาคตของนาง”
อู่ชวินส่ายหน้า จุ๊ปากกล่าวว่า “คำพูดประโยคนี้พูดได้กวนโอ้ยจริงๆ”
จ้าวซู่เซี่ยกลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉินผิงอัน จ้าวหลวนเองก็ได้เป็นผู้ฝึกตนในทำเนียบของยอดเขาจี้เซ่อภูเขาลั่วพั่ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้หวนกลับมาฝึกตนที่จวนไฉ่เชวี่ยต่อ แต่เลือกจะอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว
เฉินผิงอันเพิ่งจะช่วยนางหาอาจารย์ที่ไม่บันทึกชื่อมาได้ ก็คือเทวบุตรมารนอกโลกที่อยู่ข้างกายตนนี้
พอมองไปยังดอกท้อทั้งหลายที่อยู่ห่างไปไกล เฉินผิงอันก็นึกขึ้นมาได้ว่าในอดีตระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยว ข้างกายยังมีพวกเว่ยเซี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงอยู่ด้วย พวกเขาก็เคยเดินทางผ่านป่าท้อแห่งหนึ่งเหมือนกัน บังเอิญเจอกับหญิงสาวชนบทคนหนึ่งผ่านทางมาพอดี ตอนนั้นดูเหมือนว่าพ่อครัวเฒ่าจะเกิดแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพจึงพูดจาเหลวไหลสองสามประโยค ผลคือถูกเผยเฉียนเอามาล้อเลียนอยู่เป็นครึ่งๆ วัน
แต่แท้จริงแล้วคำพูดที่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจประโยคนั้นของจูเหลี่ยน เฉินผิงอันกลับคิดว่ามันน่าสนใจอย่างมาก
แดงเข้มแดงอ่อนน่ารัก กระโปรงเขียวมรกตชวนหลงใหล เหลือบมองหลายครา คิดเช่นไร วาสนานำพาเพราะท่านปลูกดอกท้อ คนอยู่ในใจ
พอเฉินผิงอันนึกถึงใบหน้าที่แท้จริงหลังจากที่จูเหลี่ยนถอดหน้ากากออกก็อดด่าในใจไม่ไหว
เว่ยป้อ หมี่อวี้ แล้วยังมีเฉาสือ ฟู่จิ้น ดูเหมือนจะไม่มีใครสู้พ่อครัวเฒ่าได้สักคน
จำได้ว่าในอดีตเผยเฉียนฟังพ่อครัวเฒ่าเล่าว่าตอนที่ตัวเองยังหนุ่มแล้วอยู่ในยุทธภพ เคยมีเรื่องเล่าบางอย่างด้วย
ถ่านดำน้อยยังหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง มือหนึ่งกุมท้อง มือหนึ่งตบโต๊ะแรงๆ บอกว่าพ่อครัวเฒ่าเจ้าทำให้คนหัวเราะเกือบตายแล้ว
อันที่จริงตอนนั้นเฉินผิงอันเองก็หัวเราะไปไม่น้อย
ก่อนจะจากลา อู่ชวินมอบเสี่ยวเสวียนปี้มาให้สองสามกระปุก บอกว่าเรื่องของการตั้งราคาชุดคลุมอาคมใหม่ล่าสุดทั้งภูเขาลั่วพั่วและเฉินผิงอันล้วนวางใจได้ จะแค่ไม่ให้ขาดทุนเท่านั้น
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่ต้องจงใจแค่ให้รักษาต้นทุนไว้ได้ ในเมื่อเป็นการทำการค้า ต่อให้จะเป็นการคบค้ากับศาลบุ๋น แต่เงินก็ยังต้องหามา พวกเราก็แค่เอากำไรน้อยหน่อยก็พอ”
อู่ชวินส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่ต้องปรึกษากับเจ้าจวนก็ยังได้ ขอแค่ทางฝั่งศาลบุ๋นต้องการชุดคลุมอาคม จวนไฉ่เชวี่ยของพวกเราก็ยินดีที่จะไม่หากำไรแม้แต่เหรียญเงินเกล็ดหิมะเดียว”
ผู้ฝึกตนของจวนไฉ่เชวี่ย ต่างก็ไม่เคยมีใครไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่
มีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว วันหน้าเมื่ออู่ชวินไปจุดธูปกราบไหว้เหล่าบรรพจารย์ในศาลบรรพจารย์ จะต้องรู้สึกสบายใจมากเป็นพิเศษ
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอกว่า “แบบนี้จะให้ภูเขาลั่วพั่วทำอย่างไร? ไม่ต้องเอากำไรเหมือนกับจวนไฉ่เชวี่ย หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!