เฉินผิงอันเดินไปทางประตูใหญ่ของศาลบุ๋น ข้ามธรณีประตูออกไป ก่อนหันกลับไปมองแวบหนึ่ง พอถอนสายตากลับมาแล้วก็เดินตรงไปหยุดอยู่ข้างราวรั้วของลานกว้าง แล้วจึงสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เอนหลังพิงรั้ว “ทำไมถึงไม่เข้าร่วมการประชุมที่ศาลบุ๋น”
หลิวจิ่งหลงส่ายหน้า เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ไม่อาจมีคนตายได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่เพราะทำไม่ได้จริงๆ ข้ากลัวว่าพอไปศาลบุ๋นแล้วตัวเองจะอดไม่ไหว”
เฉินผิงอันเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเปิดปากถามว่า “ได้ยินว่ามีคนกล้าพูดจาสามหาว บอกว่าสำนักกระบี่ไท่ฮุยเป็นแค่ชั้นวางที่ว่างเปล่า?”
หลิวจิ่งหลงยิ้มขื่น “ความรู้สึกทั่วไปของมนุษย์”
เฉินผิงอันเอ่ย “เจ้าอดทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้”
หลิวจิ่งหลงเงยหน้าขึ้นน้อยๆ มองไปยังทิศไกล เอ่ยเสียงเบาว่า “ก็แค่เจ้าสำนักกระบี่ไท่ฮุยคนปัจจุบันเท่านั้นที่ทนได้ อันที่จริงผู้ฝึกกระบี่หลิวจิ่งหลงก็ทนไม่ได้เหมือนกัน”
เฉินผิงอันหันไปมองหนิงเหยา
หนิงเหยาพยักหน้า “พวกเราจะรออยู่ที่นี่”
ระหว่างเฉินผิงอันกับหนิงเหยา ในช่วงเวลาที่สำคัญมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยคำที่เกินความจำเป็นใดๆ
เฉินผิงอันยื่นมือออกมาจากชายยแขนเสื้อ ลากหลิวจิ่งหลงให้ไปด้วยกัน “ไป! ไปถามกระบี่กัน!”
ข้าผู้อาวุโสแปะหน้ากากบนหน้า มารดามันใครจะรู้ว่าเป็นใคร? รู้แล้วอย่างไร แค่ไม่ยอมรับก็ได้แล้ว
ขนบธรรมเนียมของอุตรกุรุทวีปดีขนาดนี้ หากความตระหนักรู้แค่นี้ยังไม่มี ยังจะอยู่ในยุทธภพ จะเดินลงภูเขาไปอีกทำไม
ถึงอย่างไรของเล่นอย่างหน้ากากคนนี้ เฉินผิงอันก็มีเยอะนักล่ะ เป็นของจำเป็นที่ต้องเตรียมไว้สำหรับตอนออกจากบ้านท่องยุทธภพ เด็กหนุ่ม วัยกลางคน คนแก่ ล้วนมีหมด ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่หน้ากากของสตรีก็ยังมี แล้วยังไม่ได้มีแค่แผ่นเดียวด้วย
ได้ยินมาว่าสำนักที่มีผู้ฝึกกระบี่อยู่แค่ไม่กี่คนแห่งนั้น ในประวัติศาสตร์เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่มารอบหนึ่ง หลังจากนั้นอีกหลายร้อยปีก็ไม่เคยไปอีก เพราะว่าในสำนักมีผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นผู้สืบทอดของบรรพจารย์ท่านหนึ่ง เพิ่งจะผ่านภูเขาห้อยหัวไปได้ก็เกิดความขัดแย้งกับผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่น ก่อนจะแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ ในเมื่อไม่เคยไปเยือนหัวกำแพงเมืองก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารปีศาจอะไรเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกกระบี่และผู้ฝึกลมปราณที่ออกเดินทางไกลของทั้งอุตรกุรุทวีปล้วนมีคนตายอยู่ตลอด แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งบนภูเขาของสำนักแห่งนี้ในบ้านเกิดกลับเลื่อนสูงขึ้น
ทั้งมีบรรพจารย์ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่งที่ปิดด่านอยู่ตลอด เจ้าสำนักคนปัจจุบันที่เป็นขอบเขตหยกดิบ แล้วยังมีเค่อชิงผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าอะไรนั่นอีก
แต่เมื่อเทียบกับภูเขาตะวันเที่ยงที่เป็นผู้นำและมีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆอยู่ในหนึ่งแคว้นแล้ว ดูเหมือนว่ายังขาดแรงไฟไปอีกสักหน่อย
เอามาใช้ซ้อมมือได้พอดี
หลิวจิ่งหลงจึงเริ่มปรึกษารายละเอียดกับเฉินผิงอัน
สุดท้ายคนทั้งสองขี่กระบี่กลายร่างเป็นรุ้งยาวจากไปไกล
วันนี้ถือว่าป๋ายโส่วได้เปิดหูเปิดตาแล้ว คนแซ่หลิวถูกเฉินผิงอันหลอกให้ร่วมมือกันไปถามกระบี่ทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ?
อยู่ดีๆ เขาก็นึกถึงการเซ่นกระบี่ของอาจารย์กับเฉินผิงอันบนยอดเขาแคว้นฝูฉวีครานั้นขึ้นมา
ดูเหมือนว่าคนบางคนที่ขอแค่เพียงพบเจอกันก็เกิดมาเพื่อเป็นสหายกันอยู่แล้ว?
อยู่ๆ ป๋ายโส่วก็เหลือบมองไปยังเผยเฉียนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล เหตุใดเจ้าคนแซ่หลิวเป็นเช่นนั้น แต่ข้านายท่านใหญ่ป๋ายกลับเป็นเช่นนี้ได้?
เด็กชายผมขาวจุ๊ปากเอ่ยชื่นชม “สหายของบรรพบุรุษอิ่นกวานล้วนไม่ธรรมดาเลยนะ”
หลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอูคนนั้น ความเสี่ยงในการเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบมีไม่มาก ส่วนในอนาคตจะได้เป็นเซียนเหรินหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชควาสนา จะดีจะชั่วก็มีความหวังอยู่หลายส่วน
ส่วนเจ้าสำนักหนุ่มของสำนักกระบี่ไท่ฮุยคนนี้ ดูเหมือนว่าเพิ่งจะอายุร้อยปีกระมัง? แต่กลับเป็นคอขวดขอบเขตหยกดิบที่มั่นคงอย่างถึงที่สุดได้แล้ว
ในเวลาร้อยปี อย่างน้อยต้องเป็นเซียนเหริน ในเวลาพันปี มีหวังเป็นบินทะยาน
ช้ามาก? นั่นคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินกับขอบเขตบินทะยานเชียวนะ
ส่วนนักพรตหนุ่มของยอดเขาพาตี้คนนั้น เด็กชายผมขาวคร้านจะพูดให้มากความ ทุกวันนี้จางซานเฟิงขาดแค่เรือนกายที่แข็งแกร่งทนทานมากพอ ขาดแค่พื้นที่ที่จะสามารถรองรับปณิธานหมัดมรรคกถาส่วนนั้นได้เท่านั้น
หนิงเหยาเอ่ยอีกว่า “สหายที่ไม่ธรรมดามีไม่น้อย แต่อันที่จริงสหายที่เรียบง่ายธรรมดา เฉินผิงอันกลับมีเยอะยิ่งกว่า”
สำหรับเรื่องนี้เด็กชายผมขาวไม่มีความเห็นต่างใดๆ
หนิงเหยามองไปยังจุดที่คนชุดเขียวหายตัวไป “หากเจ้าสำนักหลิวสามารถเลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานได้ จะมีครบทั้งโจมตีและป้องกันอย่างมาก”
ครบทั้งโจมตีและป้องกัน โดยเฉพาะคำว่า ‘มาก’
ประโยคนี้เป็นหนิงเหยา และยิ่งเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งที่เป็นคนพูด
ในสายตาของนาง ขอบเขตของหลิวจิ่งหลงในเวลานี้ไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหลายในประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่เลย
นครบินทะยานในทุกวันนี้มีคนเริ่มตรวจสอบปฏิทินเหลืองกันแล้ว เรื่องหนึ่งในนั้นก็เกี่ยวข้องกับการคัดเลือก ‘สิบเซียนกระบี่ใหญ่ขอบเขตหยกดิบ’
ยกตัวอย่างเช่นคนหนึ่งในนั้นก็มีอู๋เฉิงเพ่ย เพียงแต่ว่าการที่ผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้ติดอันดับหาใช่เพราะความสามารถในการจับคู่เข่นฆ่าไม่ หลักๆ แล้วต้องยกคุณความชอบให้กับกระบี่บินอันดับต้นที่เหมาะสมกับการลงสนามรบที่สุดของอู๋เฉิงเพ่ยเล่มนั้น ดังนั้นลำดับรายชื่อจึงค่อนไปทางช่วงท้าย
นอกจากนี้อิ่นกวานเฉินผิงอันก็ติดอันดับอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย บนโต๊ะเหล้าของนครบินทะยานยังมีการโต้เถียงเรื่องนี้กันอย่างดุเดือด ไม่ได้เถียงกันว่าเฉินผิงอันควรติดอันดับหรือไม่ แต่เถียงในเรื่องลำดับสูงต่ำ อิ่นกวาน สิงกวาน เฉวียนฝู่ ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสามสายต่างก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง
เด็กชายผมขาวถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ทำไมบรรพบุรุษอิ่นกวานถึงต้องยืนกรานจะลากหลิวจิ่งหลงให้ท่องเที่ยวไปในแผ่นดินกลางด้วยกันให้จงได้?”
ก่อนหน้านี้หนิงเหยาไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลยจริงๆ ตอนนี้นางมาลองคิดดูก็ยิ้มเอ่ยว่า “อาจเป็นเพราะอยู่ข้างกายเจ้าสำนักหลิว เขาก็จะสามารถขี้เกียจคิดเรื่องราวหลายๆ อย่างได้?”
การเดินทางไกลในแต่ละครั้งของเฉินผิงอันไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
หากไม่ต้องคอยกังวลถึงความแปรปรวนของวิถีทางโลก ก็ต้องคอยปกป้องคนอื่นอย่างระมัดระวัง
แต่หากข้างกายมีหลิวจิ่งหลงอยู่ด้วย เฉินผิงอันจะสบายใจอย่างมาก แค่สนแต่จะออกกระบี่ออกหมัดเท่านั้น?
หนิงเหยาคิดว่ารอให้เฉินผิงอันกลับมาจะลองปรึกษาเรื่องหนึ่งกับเขาดู ดูว่าจะทำได้หรือไม่
นางอยากจะขอเป็นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของสำนักกระบี่ไท่ฮุย แต่นี่เกี่ยวพันกับกฎเกณฑ์ ข้อต้องห้ามบนภูเขาของใต้หล้าไพศาล โยนปัญหาให้เขา ให้เขาเป็นคนจัดการก็แล้วกัน
เหอะ ก็ใครบางคนบอกว่าตัวเองเป็นประมุของบ้านนี่นะ
หนิงเหยานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็หันหน้ามายิ้มพูดกับเผยเฉียน “แม้ปากกวอจู๋จิ่วจะไม่พูดอะไร แต่มองออกว่านางคิดถึงศิษย์พี่หญิงใหญ่อย่างเจ้ามาก หีบไม้ไผ่ใบเล็กที่เจ้าให้นางยืม นางมักจะหยิบมาเช็ดอยู่บ่อยๆ”
ฝั่งของเผยเฉียนเวลานี้กำลังกางสองแขนออกเอาอย่างอาจารย์พ่อ ด้านหนึ่งมีแม่นางน้อยชุดดำห้อยตัวอยู่ อีกด้านหนึ่งคือเด็กชายผมขาว เจ้าฟักแคระทั้งสองกำลังแข่งกันว่ายน้ำ สองขาถีบอยู่กลางอากาศอุตลุด
เผยเฉียนได้ยินชื่อกวอจู๋จิ่วแล้วก็มีสีหน้าปั้นยากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!