อันที่จริงเฉินผิงอันจำผู้ฝึกตนหญิงที่เป็นผู้สืบทอดของเจ้าสำนักได้ และยังรู้ด้วยว่านางมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลชนชั้นสูงของแคว้นฝูฉวี การที่จำได้แม่นไม่ใช่เพราะว่าเคยได้พบกันมาแล้วสองครั้ง แต่เป็นเพราะนางได้ครอบครองเงินยาเซิ่งที่หนึ่งชุดมีสิบแปดเหรียญซึ่งทางศาลบรรพจารย์สำนักมังกรน้ำมอบให้ ยังมีฉินโบราณคันหนึ่งชื่อว่า ‘หิมะปลิวปราย’ ปีนั้นตอนที่อยู่ในซากปรักของพื้นที่ลับ ป๋ายปี้เคยต่อสู้กับซุนชิงเจ้าจวนไฉ่เชวี่ยอย่างเอาจริงเอาจังมาก่อน
แต่ป๋ายปี้กลับจำ ‘ผู้ฝึกตนเฒ่า’ ที่ปีนั้นกอดไม้ไผ่ลำหนึ่งไม่ยอมปล่อยไม่ได้
ของที่เจ้าจวนซุนเจี๋ยมอบให้คือปลาวัวคำรามคู่หนึ่งที่มีเฉพาะในบ่อลึกพื้นที่ต้องห้ามของสำนักมังกรน้ำ ของประเภทนี้ร้อยปียากจะพานพบอย่างแท้จริง หาได้ยากยิ่ง ประเด็นสำคัญคือซุนเจี๋ยมีความจริงใจอย่างมาก ถึงกับมอบให้คู่หนึ่ง มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย นี่ก็ยิ่งหาได้ยาก เป็นเหตุให้แม้แต่หลี่หยวนก็ยังต้องมองนางเสียไหม เพราะถึงอย่างไรหากไม่ระวัง ใต้หล้านี้ก็คงไม่ได้มีเพียงสำนักมังกรน้ำเท่านั้นที่จะมีปลาวัวคำรามถือกำเนิดแล้ว
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยว่า “เจ้าสำนักซุน วันหน้าหากมีเรื่องอะไรที่พอจะทำประโยชน์ได้บ้าง ก็ขอให้ท่านส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปที่ภูเขาลั่วพั่วแจกันสมบัติทวีป หากเป็นเรื่องที่ช่วยได้ พวกเราจะไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”
ไม่เพียงแต่ของขวัญล้ำค่าหายากที่ทำให้เฉินผิงอันพูดเช่นนี้ ที่มากกว่านั้นยังเป็นเพราะเรื่องงานพิธีกรรมหยกทองของถ้ำสวรรค์วังมังกรด้วย
ซุนเจี๋ยกุมหมัดเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็อดไม่ไหวถามว่า “ใช่ภูเขาลั่วพั่วที่อยู่ข้างภูเขาพีอวิ๋นหรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ในการประชุมของศาลบรรพจารย์ หลี่หยวนบอกแค่ว่าคนผู้นี้คือเจ้าสำนักของสำนักแห่งหนึ่ง ไม่ได้บอกที่มาของภูเขา
แต่ซุนเจี๋ยก็คิดแค่ว่านี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทจากเจ้าสำนักของทวีปอื่นท่านนี้ ไม่ได้เก็บเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังนัก เพราะถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้อยู่ในขุนเขาสายน้ำของทวีปเดียวกัน แต่ไหนแต่ไรมาผู้ฝึกตนของสำนักมังกรน้ำมักทำตามกฎอยู่เสมอ ผูกบุญสัมพันธ์ไม่ผูกปมพยาบาทกับคนอื่น แล้วนับประสาอะไรกับที่พันธมิตรบนภูเขาของสำนักมังกรน้ำไม่ได้มีแค่ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงและหน่วยฉงเสวียนของต้าหยวนเท่านั้น
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “พอจะมีมิตรภาพส่วนตัวกับเว่ยซานจวินอยู่บ้าง เขาให้การดูแลภูเขาบ้านข้าค่อนข้างมาก ก่อนหน้านี้โชคดีได้เลื่อนขั้นเป็นสำนักก็เป็นเว่ยซานจวินที่ลงแรงไปเยอะมาก”
ในใจของอู่หลิงถิงพลันกระจ่างแจ้ง ที่แท้ก็เป็นเว่ยป้อแห่งภูเขาพีอวิ๋น ซานจวินใหญ่ขุนเขาเหนือของหนึ่งทวีปที่ติดอันดับนี่เอง
ผู้ถวายงานสำนักมังกรน้ำที่มีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระคนนี้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าลูกศิษย์ผู้สืบทอดของตนไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเจ้าคนตรงหน้าผู้นี้ก็คือคนที่รู้เรื่องนี้ชัดเจนพอดีว่า แท้จริงแล้วเขาไปอยู่ที่อารามเสวียนตูใหญ่ในใต้หล้ามืดสลัว
เผยเฉียนทำหน้าปั้นยาก มีเรื่องหนึ่งที่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่กล้าบอกกับอาจารย์พ่อสักคำ ยกตัวอย่างเช่นฉายาเว่ยท่องราตรีนั้น สรุปแล้วได้มาอย่างไรกันแน่
หมี่ลี่น้อยทั้งผิดหวัง เหตุใดภูเขาลั่วพั่วบ้านตนถึงไม่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาพีอวิ๋นของเว่ยซานจวินกันนะ แต่ขณะเดียวกันก็ดีใจแทนเว่ยซานจวินอย่างมากด้วย ร้ายกาจ ร้ายกาจ ชื่อเสียงของภูเขาพีอวิ๋นใหญ่เท่าเรือข้ามฟากเลยล่ะ ถึงกับล่องลอยมาถึงสำนักมังกรน้ำได้แล้ว
หมี่ลี่น้อยตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านนางจะเล่าให้เว่ยซานจวินฟังดีๆ สักรอบให้เบิกบานใจ แทะเมล็ดแตงกันให้เยอะๆ
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ทะยานลมไปยังชายหาดโครงกระดูก แต่ก่อนจะไปยังภูเขามู่อีของสำนักพีหมา เฉินผิงอันได้พาพวกหนิงเหยาอ้อมเส้นทางไปยังวัดหนันซานที่อยู่ทางทิศใต้สุดของทวีปเสียก่อน ก่อนจะเชิญธูป เฉินผิงอันบอกให้เด็กชายชุดขาวรออยู่ข้างนอก ฝ่ายหลังพยักหน้ารับ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นวัดของลัทธิพุทธ ตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ก็มีสถานะในทำเนียบนักพรตเต๋าของใต้หล้ามืดสลัว อีกทั้งทุกวันนี้ยังเป็นเทวบุตรมารนอกโลกตนหนึ่ง ไม่ว่าจะสถานะไหนก็ล้วนไม่เหมาะจะเข้าไปจุดธูปไหว้พระ
วัดหนันซานสร้างเส้นทางเทพลงสู่มหาสมุทรเส้นหนึ่ง ตั้งเทวรูปของพระโพธิสัตว์รูปหนึ่งเอาไว้
เผยเฉียนปลดหีบไม้ไผ่ วางไม้เท้าเดินป่าให้เรียบร้อย คุกเข่าโขกหัว หมี่ลี่น้อยก็โขกหัวตามเผยเฉียนไปด้วย
เฉินผิงอันถือธูปด้วยสองมือ ชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ หลับตาลง ขอพรอยู่ในใจเงียบๆ
หนิงเหยาเองก็ขอพร
หลังจากนั้นเฉินผิงอันยังปลูกต้นโพธิ์สองต้นไว้ในสถานที่หนึ่งที่ชื่อว่าภูเขาเมี่ยวจิน
นอกวัดหนันซาน เด็กชายผมขาวแหงนหน้ามองพระโพธิสัตว์องค์นั้น ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังหลับตาลง พนมสองมือ ขอพรให้ใครบางคน
ขอให้
ขึ้นเขาลงห้วย ทัศนียภาพงดงาม คนที่จากลากันไปนานกลับมาพบกันอีกครั้ง ต่างคนต่างยังสบายดี
เข้าวัดจุดธูป ขอสิ่งใดได้สิ่งนั้น นักเดินทางไกลที่ไปเยือนต่างถิ่น ขอให้ได้พบเจอกับช่วงเวลาที่ดี
……
นอกร้านตรอกฉีหลงวันนี้คล้ายว่าจะมีม่านฝนพร่างพรมลงมา
นักพรตเฒ่าตาบอดฟุบตัวอยู่บนโต๊ะคิดเงิน เด็กชายชุดเขียวยืนเหยียบอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก พี่น้องสองคนดื่มเหล้าเล็กน้อยพอเป็นกระสาย
ในอดีตตอนที่เผยเฉียนยังเป็นถ่านดำน้อย เวลานั้นนางยังไปเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียน ทุกครั้งที่ฝนตกจะต้องพาหมี่ลี่น้อยมาย่ำน้ำฝนบนขั้นบันไดด้วยกัน เผยเฉียนเรียกเสียไพเราะว่าเป็นการเดินผ่านประตูมังกร เฉินหลิงจวินรู้สึกว่านางเป็นเด็กน้อยอย่างมาก จึงเคยเล่นกับพวกนางแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
พี่น้องสองคนคุยกันไปคุยกันมาก็พูดไปถึงเรื่องการฝึกตนบนภูเขาที่ไม่ง่ายเลย เฉินหลิงจวินเช็ดปาก เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “พี่ใหญ่เจี่ย บนเส้นทางการฝึกตนในชีวิตนี้ของข้า เพราะคุณสมบัติดีเกินไป ไม่ว่าลมฝนอุปสรรคอะไรก็ล้วนไม่เป็นปัญหา มีเพียงมาถึงเมืองเล็กแห่งนี้ที่ต้องเจอกับอันตรายใหญ่หลวงมาหลายครั้ง เคยเกือบจะถูกคนต่อยหมัดเดียวปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าไปกลางวันแสกๆ ตอนนี้มาลองคิดดู คนที่กล้าหาญองอาจอย่างข้าก็ยังอดรู้สึกหวาดกลัวภายหลังอยู่หลายส่วนไม่ได้”
ด่าหร่วนฉงต่อหน้า ตบไหล่ลู่เฉิน เรียกผู้อาวุโสชุยอย่างเปิดเผยว่าชั้นสองเรือนไม้ไผ่ แต่ละเรื่องแต่ละราว มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่วีรกรรมอันยิ่งใหญ่? นายท่านใหญ่เฉินก็แค่ไม่ใคร่จะยินดีพูดมากเท่านั้น
เฉินหลิงจวินยกชามเหล้าขึ้นชนกับเจี่ยเฉิงแล้วกระดกดื่มจนหมด ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ประกบสองนิ้วเข้าด้วยกัน “โชคดีที่ข้ามีวาสนาลึกล้ำ แล้วก็มีความฉลาดของตัวเอง ถึงสามารถคลี่คลายอันตรายได้ทุกครั้ง บอกตามตรงนะ หากข้าไม่ฉลาดอยู่บ้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่มีลุ้นแล้ว”
ไม่ต้องคิด ขอแค่ไม่ระวังแม้เพียงน้อย อยู่ในอาณาเขตขุนเขาเหนือที่ทุกหนทุกแห่งล้วนมีแต่มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบนี้ คาดว่าก็คงไม่มีเจ้าขาวน้อยล่องคลื่นนที และราชามังกรน้อยบนภูเขาลั่วพั่วแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!