การเดินทางไปเยือนศาลบุ๋น บวกกับการเดินทางมายังอุตรกุรุทวีปในครั้งนี้ ได้รับผลเก็บเกี่ยวไปอย่างอุดมสมบูรณ์ เฉินผิงอันจึงเตรียมตรวจสอบทรัพย์สมบัติของตัวเอง ม้วนชายแขนเสื้อขึ้น เป่าลมใส่มือ ถูมือเข้าด้วยกัน
ท่าทางนั้นแทบไม่ต่างจากฟ้าดินเล็กที่มีอริยะเฝ้าพิทักษ์
โจวหมี่ลี่นั่งติดกับเด็กชายผมขาว คนหนึ่งนอนคว่ำบนโต๊ะ เบิกตากว้างรอคอย คนหนึ่งกำลังตบโต๊ะแบบไม่ให้โดนผิวโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ขึ้นเรือมาได้ถูกบรรพบุรุษอิ่นกวานคิดบัญชีย้อนหลัง บอกว่าชอบตบโต๊ะนักไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ตบให้ครบหมื่นครั้งไปเลย ไม่อย่างนั้นหากไปถึงภูเขาลั่วพั่ว แม้แต่ลูกศิษย์นักการก็อย่าหวังว่าจะได้เป็น
เฉินผิงอันหยิบของสามชิ้นออกมาจากชายแขนเสื้อ เป็นของขวัญที่ซานจวินใหญ่ของแผ่นดินกลางสองท่านมอบให้เพื่อแสดงความยินดีกับอาจารย์ของตนที่สวนกงเต๋อ มีชางผูหนึ่งกระถางที่เทพภูเขาจิ่วอี๋มอบให้ จูอวี้เซียนแห่งภูเขาแยนจือมอบผงประทินโฉมให้สิบสองตลับ นอกจากนี้ยังมีนกนางแอ่นดำที่พับจากกระดาษซึ่งหาได้ยากอย่างถึงที่สุดตัวหนึ่ง
เด็กชายผมขาวเหลือบมองแวบเดียวก็ไม่สนใจอีก เอามือตบโต๊ะแบบไร้เสียงพลางอ้าปากหาวไปด้วย แต่พอสังเกตเห็นว่าบรรพบุรุษอิ่นกวานเหล่ตามองมาก็รีบเอ่ยอย่างหนักแน่นทันที “สมบัติหนัก! มีชิ้นใดบ้างที่ไม่ใช่สมบัติพิทักษ์ภูเขา”
เฉินผิงอันหมุนกระถางใบเล็กที่อยู่ในมือ ยิ้มพลางเอ่ยแนะนำว่า “ชางผูกระถางนี้มองดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่อันที่จริงมีอายุนับพันปีแล้ว เห็นหยดน้ำเล็กๆ ตรงยอดใบหรือไม่ ล้วนเป็นโชคชะตาบุ๋นเชียวนะ ภูเขาจิ่วอี๋ยังมีอีกหลายกระถางที่อายุสามพันปี หยดน้ำโชคชะตาบุ๋นที่กลั่นตัวออกมาได้ก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ ใหญ่เท่าเงินเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งเชียวล่ะ แต่อย่าได้ดูแคลนหยดน้ำเล็กๆ นี่เด็ดขาด หากเอาไปวางไว้ที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธาร หรือจุดที่มีน้ำไหลผ่าน ก็จะมีปราณบุ๋นก่อกำเนิดขึ้นมา ไม่แน่ว่าในหมู่บ้านรายทางที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยลี้ วันใดอาจมีจิ้นซื่อหรือเคอจวี่ของแคว้นเล็กใต้อาณัติปรากฏขึ้นมาก็เป็นได้ ต่อให้ไม่อาจมีชื่อติดกระดานทองคำก็สามารถเพิ่มพูนโชคชะตาที่ดีได้ ประดุจจรดพู่กันก่อเกิดบุปผา”
เผยเฉียนถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “อาจารย์พ่อ กระถางเล็กๆ ใบนี้มีมูลค่าเท่าไรหรือ?”
เฉินผิงอันกล่าว “ผลประโยชน์ที่ได้รับเหมือนน้ำเส้นเล็กไหลยาว ดังนั้นของชิ้นนี้หากนำไปขายให้สำนักใหญ่ เงินฝนธัญพืชยี่สิบเหรียญก็ยังไม่แพงเกินไป สำนักเล็กๆ จ่ายเงินฝนธัญพืชหนึ่งเหรียญก็ยังรู้สึกว่าไม่ถูกเลย”
เด็กชายผมขาวอดไม่ไหวจริงๆ จึงถามว่า “เทพภูเขาจิ่วอี๋ผู้นี้ที่บ้านยากจนมากหรือ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มอบของเล่นน้อยนิดแค่นี้ให้เป็นของขวัญอวยพรแก่นายท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งกันเล่า?”
งานฉลองของตำหนักสุ้ยฉู แขกที่มาร่วมอวยพรล้วนไม่มีใครกล้าเอาของขวัญมามอบให้แค่พอเป็นพิธีเช่นนี้
หนิงเหยายิ้มเอ่ย “ของที่หายากย่อมล้ำค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่สามารถเพิ่มพูนโชคชะตาบุ๋นที่ได้แต่ปรารถนามิอาจได้มาครอบครอง แล้วนับประสาอะไรกับเงินฝนธัญพืชยี่สิบเหรียญที่ก็ไม่ถือว่าเป็นเงินเล็กน้อยอะไรจริงๆ”
หมี่ลี่น้อยคิดแล้วก็เอ่ยว่า “พวกเราสามารถเอาชางผูกระถางนี้ไปวางไว้ที่พื้นที่มงคลรากบัว น้ำดีไม่ไหลเข้านาคนนอกนี่นะ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “คนละครึ่งก็แล้วกัน หยดน้ำโชคชะตาบุ๋นพวกนั้น ภูเขาลั่วพั่วและพื้นที่มงคลรากบัวแบ่งกันคนละครึ่ง”
หมี่ลี่น้อยพยักหน้ารับ “สร้างความผาสุกให้กับบ้านเกิด ทำเรื่องดีไม่ทิ้งนาม นั่นคือดีที่สุดแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาสามารถคิดเช่นนี้ได้ก็ดีที่สุดเลยล่ะ”
หมี่ลี่น้อยคลี่ยิ้มอย่างเขินอาย
เฉินผิงอันตบกล่องไม้ไผ่ที่บรรจุผงเครื่องประทินโฉมเบาๆ มองไปทางหนิงเหยา นางส่ายหน้า เฉินผิงอันจึงหันไปมองเผยเฉียน เผยเฉียนเองก็ส่ายหน้าทันที
เผยเฉียนพลันถามว่า “อาจารย์พ่อ ข้าสามารถนำไปมอบให้กับพี่หญิงสือ เฉินยวนจีและหยวนเป่าได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันผลักกล่องไม้ไผ่ไปให้เผยเฉียน ยิ้มเอ่ย “ทำไมจะไม่ได้เล่า นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก”
จากนั้นเฉินผิงอันก็คีบนกนางแอ่นดำที่พับจากกระดาษขึ้นมา เอ่ยว่า “หากเอาไปวางไว้ริมกรอบป้ายของบ้านบรรพบุรุษหรือบนคานของบ้านก็เท่ากับว่าในบ้านจะมีคนจิ๋วควันธูปเพิ่มมาคนหนึ่ง ยิ่งอยู่ใกล้กับภูเขาใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น ภูเขาลั่วพั่วของพวกเราอยู่ใกล้กับภูเขาพีอวิ๋น ดูสิ บังเอิญหรือไม่เล่า?”
เฉินผิงอันมองไปทางหนิงเหยา กล่าวว่า “เทพภูเขาหญิงของภูเขาแยนจือท่านนี้มีฉายาว่าขู่ไช่ น่าสนใจใช่หรือไม่? แม่นางน้อยราชวงศ์เส้าหยวนคนนั้น เจ้ายังจำได้กระมัง คนที่ชื่อว่าจูเหมย เป็นลูกสมุนคอยตามอยู่ข้างกายจวินปี้น่ะ”
หนิงเหยาคิดตามแล้วก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าจูเหมยจะชอบป้วนเปี้ยนอยู่รอบกายอวี้เจวี้ยนฟู อันที่จริงแม่นางน้อยนิสัยไม่เลว คุณสมบัติพอใช้ได้ หากจำไม่ผิดยังได้รับปณิธานกระบี่ส่วนหนึ่งไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ด้วย
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ว่ากันว่าตอนที่จูเหมยยังเด็กมาก อยู่ดีๆ ก็ฝันว่าได้ไปเที่ยวเยือนภูเขาแยนจือ ได้เจอกับเทพภูเขาหญิงท่านนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงผูกสัญญาต่อกัน โชควาสนาระดับนี้ โดยทั่วไปแล้วมีเฉพาะในตำราเท่านั้น”
หมี่ลี่น้อยเอ่ยอย่างเคลิ้มฝัน “เจ้าขุนเขาคนดี วันหน้าช่วยข้าเขียนเรื่องเล่าขุนเขาสายน้ำทำนองนี้บ้างได้ไหม? ยกตัวอย่างเช่นตอนเด็กข้าเคยงีบหลับในทะเลสาบคนใบ้แล้วก็ฝันเห็นภูเขาลั่วพั่ว?”
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “แบบนั้นก็หลอกลวงคนอื่นน่ะสิ”
หมี่ลี่น้อยยิ้มกว้าง เจ้าขุนเขาท่านคิดแล้วตัดสินใจเอาเองเถอะ หนังสือข้าไม่ได้เป็นคนเขียนเสียหน่อย หลอกลวงคนอื่นหรือไม่ ข้าไม่สนหรอกนะ
ส่วนวัตถุจื่อชื่อที่สกุลหลิวธวัลทวีปไม่ทันระวังลืมนำกลับไปชิ้นนั้น เฉินผิงอันคิดว่าจะมอบให้เฉาฉิงหล่างเอาไว้ติดกาย วันหน้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่าง การต้อนรับขับสู้ผู้คนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เฉาฉิงหล่างเองก็ยังไม่มีวิชาอภินิหารจักรวาลชายแขนเสื้อของขอบเขตหยกดิบ ทุกครั้งที่ออกจากบ้านก็คงไม่อาจหอบหิ้วสัมภาระน้อยใหญ่พะรุงพะรังเต็มร่างเพื่อลงจากภูเขาไปทำการค้าหรอกกระมัง
เฉินผิงอันหยิบเอาเทียบตัวอักษรสองฉบับของซูจื่อ หลิ่วชีออกมาอีกครั้ง วางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
หมี่ลี่น้อยยื่นมือไปสัมผัสเทียบอักษรเพื่อแตะกลิ่นอายเซียนเบาๆ แล้วเอ่ยทอดถอนใจว่า “ซูจื่อหนอ หลิ่วชีหนอ ผลงานที่แท้จริงหนอ”
หลิงจือหยกขาวของอวิ๋นเหมี่ยวเซียนเหรินจากหอเซียนจิ่วเจิน ระดับขั้นเป็นอาวุธกึ่งเซียน ไม่ตีกันก็ไม่ได้รู้จักกัน เฉินผิงอันเดาว่าวันหน้าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายมีแต่จะเป็นพันธมิตรยิ่งกว่าพันธมิตรที่ลงนามสัญญาภูเขาสายน้ำต่อกันเสียอีก
คราวหน้าที่เดินทางไปเที่ยวเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางพร้อมกับหลิวจิ่งหลง เฉินผิงอันก็คิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะมอบของขวัญพบหน้าเป็นอะไรดี เขาจะซื้ออุปกรณ์การเล่นหมากล้อมชุดหนึ่งจากนครล่างภูเขาอย่างง่ายๆ ไม่ต้องเป็นของตระกูลเซียนบนภูเขาหรือของที่สร้างจากในวังหลวงด้วยซ้ำ ราคายิ่งถูก ยิ่งเรียบง่ายก็ยิ่งดี
เฉินผิงอันกอดหลิงจือหยกขาวไว้ในอ้อมอก จากนั้นร่ายเวทอำพรางตา พริบตาเดียวก็กลายร่างเป็นเซียนเหรินอวิ๋นเหมี่ยวที่มีภาพบรรยากาศของร่างวารี และบนร่างยังมีความคล้ายคลึงด้านจิตวิญญาณอยู่หลายส่วน
สองนิ้วของมือข้างหนึ่งทำมุทราเต๋า กวาดตามองไปรอบด้าน เปลี่ยนน้ำเสียง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อวิ๋นเหมี่ยวเดินทางไกลมาถึงที่นี่ สหายโปรดหยุดพูดคุยกันก่อน”
หนิงเหยากล่าว “หลอกหยกดิบยังพอได้”
เฉินผิงอันยิ้มแล้วคลายเวทอำพรางตาออก วางหลิงจือหยกขาวลงบนโต๊ะ
หมี่ลี่น้อยกระตุกชายแขนเสื้อของเจ้าฟักแคระข้างกาย เด็กชายผมขาวตบโต๊ะไม่หยุด หันหน้ามาถามอย่างสงสัย “อะไรหรือ?”
หมี่ลี่น้อยมองเจ้าซื่อบื้อน้อยหัวทึบด้วยสายตาสงสาร พูดจาไพเราะน่าฟังกับเจ้าขุนเขาคนดีสักสองสามประโยคเข้าสิ เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่เป็นหรือ ตบโต๊ะไม่เหนื่อยหรือไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!