กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 819

ฉีเจินวางเม็ดหมากลงบนกระดานเบาๆ เอ่ยว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งจ่างจิ้งกับไทเฮาต้าหลีลุ่มลึกอย่างมาก ข้อนี้ก็เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวงต้าหลีกับเมืองหลวงแห่งที่สอง พูดง่ายๆ ก็คือซ่งจ่างจิ้งกำลังช่วยให้ราชสำนักต้าหลีอาศัยโอกาสนี้มาแบ่งขีดความสัมพันธ์กับสตรีผู้นั้นให้ชัดเจน อาศัยสิ่งนี้มาบอกอิ่นกวานหนุ่มแห่งภูเขาลั่วพั่วอย่างเฉินผิงอันว่า บุญคุณความแค้นบางอย่างบนภูเขาก็ให้คลี่คลายกันบนภูเขา อย่าได้เดือดร้อนมาถึงล่างภูเขา”

เกาเจี้ยนฝูเซียนดินลัทธิเต๋าที่ในอดีตเคยถูกขนานนามให้เป็นกุมารทองกุมารีหยกคู่กับเฮ้อเสี่ยวเหลียงมีสีหน้าซับซ้อน

ฉีเจินเงยหน้าขึ้น “ทำไม อยากให้อิ่นกวานปรากฏตัวมากนักหรือ?”

เกาเจี้ยนฝูพยักหน้า “หากถึงขั้นนี้แล้วเฉินผิงอันยังถามกระบี่ได้สำเร็จ ข้าก็จะยอมแพ้เขาทั้งปากทั้งใจ ยอมรับว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ ต่อจากนี้จะไม่มีห่วงอะไรอีก จะสงบใจฝึกตนอย่างเดียว”

ฉีเจินยิ้มเอ่ย “เข้าใจหาบันไดลงให้ตัวเองนะ ไม่ดื้อเพ่งท่าเดียวก็ถือว่าเป็นคาถาทางใจที่เป็นเวทลับบทหนึ่งของการฝึกตนบนภูเขาเช่นกัน”

เกาเจี้ยนฝูถาม “หากเขากล้าถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงในช่วงเวลาเช่นนี้จริงๆ จะสำเร็จได้จริงหรือ? หรือจะเอาอย่างหวงเหอแห่งสวนลมฟ้าที่หยุดแค่พอสมควร ภูเขาลั่วพั่วอาศัยสิ่งนี้มาป่าวประกาศบอกแก่ทั้งทวีปว่าจะยกเอาบุญคุณความแค้นมาพูดให้ชัดเจนก่อน วันหน้าค่อยวางแผนรับมือไปช้าๆ?”

ฉีเจินกล่าว “เรื่องของการถามกระบี่ ยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้เสียเลย ทว่าหากเฉินผิงอันจะถามกระบี่ต้องไม่มีทางทำลวกๆ แน่นอน คนหนุ่มผู้หนึ่งที่สามารถเป็นอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ได้ ไม่มีทางทำอะไรตามแต่อารมณ์ ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องโง่ที่ตัวเองไม่มีความมั่นใจ”

จิ้นชิงซานจวินขุนเขากลางยืนอยู่บนระเบียงของหอเรือนสูงแห่งหนึ่งบนยอดเขาตุ้ยเซวี่ยกับหยวนป๋าย

หยวนป๋ายยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ครั้งนี้จิ้นซานจวินไม่ควรมาที่ภูเขาตะวันเที่ยงเลยจริงๆ ง่ายที่จะถูกสกุลซ่งต้าหลีจดจำแค้นเอาได้”

จิ้นชิงพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “เหตุใดข้าถึงได้เป็นซานจวิน เจ้าหยวนป๋ายจะไม่รู้เลยหรือ?”

หยวนป๋ายกล่าว “ก็เพราะว่ารู้ชัดเจนดี หยวนป๋ายถึงได้คาดหวังให้เว่ยซานจวินสามารถเฝ้าพิทักษ์ขุนเขาสายน้ำของมาตุภูมิไปได้อย่างยาวนาน”

จิ้นชิงมองผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์ซึ่งมหามรรคาหยุดนิ่งตรงหน้าแล้วเอ่ยอย่างเสียดายว่า “ในฐานะราษฎรจูอิ๋งเก่า สิ่งที่เจ้าทำลงไปมากพอจะให้ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอายแล้ว แต่ตามความเห็นของข้า เป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับต้องตกต่ำเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ ภูเขาตะวันเที่ยงทำอะไรไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว หากครั้งนี้ข้าไม่มา ไม่แน่ว่าแม้แต่ยอดเขาตุ้ยเซวี่ยเจ้าก็อาจจะยังรักษาไว้ไม่อยู่ ด้วยนิสัยของคนอย่างจู๋หวง เซี่ยหย่วนชุ่ย ไม่แน่ว่าเมื่อรอให้การเลือกที่ตั้งสำนักเบื้องล่างสำเร็จก็จะผลักเรือตามน้ำ บอกว่าให้เจ้าได้หวนกลับคืนบ้านเกิด แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะใช้งานผู้ฝึกกระบี่หยวนป๋ายจนสิ้นค่าแล้ว ทั้งได้ประจบเอาใจข้า แล้วยังได้อาศัยชื่อของเจ้ารับตัวพวกตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในอาณาเขตจูอิ๋งเก่ามา ส่วนหยวนป๋ายจะเป็นหรือตาย ชื่อเสียงจะเป็นเช่นไร ไม่สำคัญสำหรับภูเขาตะวันเที่ยงแม้แต่น้อย”

หยวนป๋ายกล่าว “ขอแค่ตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ของมาตุภูมิสามารถเดินขึ้นเขาฝึกตนกันได้แต่เนิ่นๆ ผลได้ผลเสียของข้าคนเดียวไม่มีค่าพอให้พูดถึงเลย ยิ่งเป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่ หากถูกถ่วงรั้งโอกาสสำคัญไปมากเท่าไร ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็ยิ่งยากจะคาดคิดเท่านั้น ยิ่งเดินขึ้นเขาฝึกกระบี่ช้า ช้าหนึ่งก้าวก็จะยิ่งช้าไปทุกก้าว”

หยวนป๋ายทอดสายตามองยอดเขาฝั่งตรงข้ามที่มีหิมะสะสมอยู่ตลอดทั้งปีแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ข้าหวังว่าในอนาคตจะมีวันหนึ่งที่ลูกหลานจูอิ๋งเก่าได้ยึดครองยอดเขามากมายของภูเขาตะวันเที่ยง จับกลุ่มสามัคคีกัน ไม่ปล่อยให้คนนอกมาหยามเกียรติ”

จิ้นชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้หลิวเหล่าเฉิงมาหาข้า บอกว่าทางฝั่งของสำนักเจินจิ้ง เจ้าสำนักเหวยอิ๋งตั้งใจจะทำการค้ากับภูเขาตะวันเที่ยง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เหวยอิ๋งต้องการเอาตัวเจ้าไป ส่วนสำนักกุยหยกจะมีเงื่อนไขอะไรมาเป็นข้อเสนอ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร หลิวเหล่าเฉิงกลับไม่ได้บอกอย่างละเอียด ดังนั้นข้าจึงอยากฟังความเห็นของเจ้าว่าเคยคิดจะไปจากภูเขาตะวันเที่ยงหรือไม่? ขอแค่เจ้าพยักหน้าตอบตกลง ข้าจะรับผิดชอบปรึกษาเรื่องนี้กับจู๋หวงพร้อมหลิวเหล่าเฉิงเอง เจ้าไม่ต้องออกหน้า”

จิ้นชิงเอ่ยมาถึงตรงนี้ในใจก็ให้รู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก “ได้รับความสำคัญเช่นนี้จากเซียนกระบี่ใหญ่อย่างเหวยอิ๋ง นับว่าหาได้ยากยิ่ง เหวยอิ๋งผู้นี้เป็นอัจฉริยะและมีแผนการอันล้ำลึก สายตาดีเยี่ยม”

เหวยอิ๋ง เว่ยจิ้น ป๋ายฉาง คือผู้นำผู้ฝึกกระบี่ของสามทวีปในทุกวันนี้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้มากที่คนทั้งสามจะพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น สักวันหนึ่งจะได้เลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยาน

ในฐานะซานจวินของขุนเขาใหญ่ในหนึ่งทวีป จิ้นชิงเชี่ยวชาญศาสตร์การมองลมปราณ สายตาน้อยนิดแค่นี้จึงยังมีอยู่

หยวนป๋ายอึ้งตะลึง จากนั้นในสายตาก็มีรอยยิ้ม อดไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา “ครั้งนี้จิ้นซานจวินมาเพื่อขุดมุมกำแพงบ้านคนอื่นหรือ?”

จิ้นชิงยกสองแขนกอดอก หัวเราะหยันเอ่ยว่า “หรือจะให้ข้ามาแสดงความยินดีกับภูเขาตะวันเที่ยงล่ะ? แม้แต่ของขวัญข้าผู้อาวุโสยังไม่ได้เอามา มามือเปล่าโดยแท้”

เถาแยนโปเทพเจ้าแห่งโชคลาภของภูเขาตะวันเที่ยง เถาจื่อ วานรเฒ่าชุดขาว สามีภรรยาสกุลสวี่นครลมเย็น สวี่ปินเซียนทายาทสายตรง

คนทั้งหกมารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาชิวลิ่งที่ตั้งกิจการของตระกูลเถา ในบรรดายอดเขามากมายของภูเขาตะวันเที่ยง ภูเขาชิวลิ่งคือสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่เป็นรองแค่ยอดเขาอีเซี่ยน ถึงขั้นที่ว่ายังเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกกระบี่มากกว่ายอดเขาสุ่ยหมอของเซี่ยหย่วนชุ่ยด้วยซ้ำ

เถาจื่อเติบโตกลายเป็นสตรีรูปร่างอรชรสูงโปร่ง สวี่ปินเซียนเองก็เป็นคุณชายตระกูลชั้นสูงผู้สง่างาม ในอดีตมีนักพรตหญิงลัทธิเต๋าคนหนึ่งเดินทางไกลมาเยือนนครลมเย็น ได้ตั้งชื่อให้กับสวี่ปินเซียนที่อยู่ในห่อผ้าอ้อมด้วยตัวเอง ความหมายดีเยี่ยม คนบนภูเขาที่ครบทั้งบุ๋นและบู๊

คนวัยเดียวกันทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน คู่รักเทพเซียน เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก และคนทั้งสองก็กำลังจะผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกันบนภูเขาจริงๆ ทุกวันนี้ทั้งเถาจื่อและสวี่ปินเซียนต่างก็เป็นขอบเขตประตูมังกร ไม่พูดถึงเป็นโอสถทองภายในอายุร้อยปี แม้กระทั่งโอสถทองหกสิบปีก็ยังมีความหวัง อีกทั้งคนทั้งสองที่ทุกวันนี้เพิ่งจะอายุสามสิบกว่าปีก็ยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วยกันทั้งคู่

วานรชุดขาวถามเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เรื่องที่แคว้นหูถูกขโมยไป หรือว่าจะให้แล้วกันไปทั้งอย่างนี้?”

ช่างเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้าเสียจริง แคว้นหูที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่อยู่ดีๆ ก็หายไป ผลคือผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วแม้แต่ใครที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง นครลมเย็นก็ยังไม่รู้

ในอนาคตเมื่อสวี่ปินเซียนมาสู่ขอที่ภูเขาตะวันเที่ยง นครลมเย็นยังจะเอาของหมั้นที่พอจะเข้าท่าเข้าทีออกมาได้อีกหรือ?

หรือสกุลสวี่จะรอคอยตาปริบๆ ให้ภูเขาตะวันเที่ยงช่วยเพิ่มสินเดิมเจ้าสาวให้?

บรรพจารย์เถาแยนโปยกฝาถ้วยปัดไอน้ำออกจากถ้วยชาเบาๆ ผู้ถวายงานหยวนที่มักจะพูดจาไม่น่าฟังอยู่เสมอผู้นี้ วันนี้นับว่าพูดจาเข้าหูอย่างที่หาได้ยาก

หลังจากเถาแยนโปได้ยินว่าแคว้นหูหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาก็ถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตอบตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ หากไม่เป็นเพราะสวี่หุนเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนแล้ว และนครลมเย็นก็เลื่อนขั้นเป็นสำนักอักษรจงเช่นเดียวกัน ป่านนี้ภูเขาชิวลิ่งกับนครลมเย็นคงแยกกันเดินทางใครทางมันไปแล้ว นครลมเย็นที่ไม่มีแคว้นหูก็เท่ากับว่าสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปมาก เถาจื่อออกเรือนไปอยู่ที่นั่นก็ช่างไม่เป็นธรรมกับนางจริงๆ

นครลมเย็นเองก็ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้จะมีเบาะแสแค่เพียงเล็กน้อย หรือพอจะคาดเดาเป้าหมายได้สักสองสามคน ด้วยขอบเขตของสวี่หุนและรากฐานของนครลมเย็น อีกทั้งยังแต่งงานสานสัมพันธ์กับสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้นต้าหลี บวกกับทางฝั่งของภูเขาชิวลิ่งนี้ ในแจกันสมบัติทวีป ใครเล่าจะกล้าไม่คืนแคว้นหูกลับมาแต่โดยดี?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!