วันนี้หลิวเสี้ยนหยางปรากฏตัว ทั้งไม่ได้พกกระบี่มา และทั้งไม่ได้สะพายกระบี่ สองมือว่างเปล่า
อันที่จริงเดิมทีอยากจะสะพายกระบี่มาสักเล่มหนึ่ง จะดีจะชั่วก็แสร้งทำให้ดูเหมือนผู้ฝึกกระบี่ได้บ้าง เพียงแต่พอเห็นว่าเฉินผิงอันสะพายกระบี่แล้ว ประเด็นสำคัญคือดันมีสภาพคนสารรูปสุนัข (เปรียบเปรยว่าเป็นคน แต่การกระทำเหมือนสุนัข เป็นคำเหน็บแนมอย่างหนึ่ง) ก็เลยได้แต่ล้มเลิกความคิด
เวลานี้หลิวเสี้ยนหยางเยือกเย็นสุขุม ยกสองแขนกอดอก ยืนอยู่ห่างซุ้มประตูภูเขาไปไม่ไกล แหงนหน้ามองกรอบป้ายสองคำที่เขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘ตะวันเที่ยง’ แล้วสีหน้าเขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเหยเก
ก่อนหน้านี้เจ้าเฉินผิงอันพูดหยอกล้อกับเขาว่า เจ้าตั้งชื่อได้ดี เพราะอิจฉาภูเขาตะวันเที่ยงใช่หรือไม่? ทำเอาหลิวเสี้ยนหยางอึ้งตะลึงไปเป็นครึ่งๆ วัน ถูกคำพูดของอีกฝ่ายทำให้สะอิดสะเอียนไม่น้อย ดื่มเหล้าหมดไปกาหนึ่งก็ยังไม่คืนสติ ภูเขาตะวันเที่ยงนี่ช่างก่อกรรมทำชั่วเสียจริง พรุ่งนี้ถามกระบี่คงต้องเสนอความเห็นแก่ศาลบรรพจารย์ของพวกเขาสักหน่อย ไม่สู้ยอมฟังคำโน้มน้าวจากเขา เปลี่ยนชื่อเสียใหม่
เมื่อวานดื่มเหล้าอยู่ที่หอกั้วอวิ๋น นอกจากจะเอ่ยล้อเล่นแล้ว เฉินผิงอันยังโยนสมุดเล่มหนึ่งมาให้ บอกว่าพรุ่งนี้ถามกระบี่ต้องได้ใช้แน่นอน หลิวเสี้ยนหยางเปิดอ่านง่ายๆ แล้วก็จำไว้แค่คร่าวๆ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไร
รุ่นคนมีอายุที่มีเซียนกระบี่ผู้อาวุโสอย่างพวกจู๋หวง เซี่ยหย่วนชุ่ย เถาแยนโป เยี่ยนฉู่เป็นหนึ่งในนั้น กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเป็นอย่างไร ลักษณะการถามกระบี่เป็นอย่างไร มีท่าไม้ตายไหนบ้าง บนสมุด ‘ทำเนียบวงศ์ตระกูล’ ที่เฉินผิงอันช่วยรวบรวมมาให้นี้ ล้วนมีบันทึกไว้อย่างละเอียด
และยังมีพวกเซียนกระบี่รุ่นเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะปรากฎตัวก่อนใครอย่างหลิ่วอวี้ อวี่หลิ่น อู๋ถีจิง หยวนป๋าย…ล้วนมีบันทึกไว้อย่างไม่ตกหล่น ทุกคนต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงติดอันดับบนกระดาน
ไม่ใช่ว่าหลิวเสี้ยนหยางประมาทเลินเล่อหลงตัวเอง สายตาสูงส่งจนมองไม่เห็นหัวใครจริงๆ
แต่เป็นเพราะยามที่ข้างกายมีสหายที่ชื่อเฉินผิงอันอยู่ด้วย เขามักจะไร้ห่วงไร้พะวง สบายใจผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ
แต่หลิวเสี้ยนหยางก็มีความมั่นใจมากจริงๆ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเรียนรู้อะไรก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เป็นขั้นพื้นฐานเร็ว ขอแค่ตั้งใจใช้ความคิดสักหน่อย ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ล้วนทำได้ดี ก็เหมือนอย่างการเผาเครื่องปั้น ต้องใช้ฝีมือสิบกว่าขั้นตอนต่อกันเป็นทอดๆ ทุกด่านในกรรมวิธีล้วนมีความรู้ แต่หลิวเสี้ยนหยางกลับใช้เวลาแค่เกือบครึ่งปีก็ได้มาตรฐานที่แม่นยำของช่างผู้อาวุโสที่สะสมฝีมือและประสบการณ์มาหลายสิบปีแล้ว
หัวหน้าเตาเผามังกรที่ช่างเลือกอย่างผู้เฒ่าเหยาก็ยังได้แต่พูดถึงหลักการเหตุผลใหญ่นอกเหนือจากฝีมือสั่งสอนเขาพอเป็นพิธีแค่สองสามประโยคเท่านั้น อะไรที่บอกว่าการเผาเครื่องปั้นคือวัตถุที่ได้มาจากไฟ แต่กลับต้องเชี่ยวชาญการถอนกลิ่นอายไฟถึงจะกลายเป็นวัตถุชั้นเยี่ยมระดับหนึ่ง ภายหลังยิ่งเก็บไว้นานเท่าไรก็จะยิ่งเหมือนการวางไว้ในน้ำ ค่อยๆ ขัดเกลาไปร้อยปีพันปี ยิ่งนานก็ยิ่งเห็นความใสแวววาว
เจ้าเฉินผิงอันผู้นี้ก็แค่โง่ไปสักหน่อย อีกทั้งทำอะไรก็จริงจังอย่างมาก ดังนั้นจึงได้แต่ต้องคอยเดินตามหลังเขาแต่โดยดี เรียนรู้เอาอย่าง แต่กลับเรียนได้ไม่ดีนัก
หลิวเสี้ยนหยางไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย ในเมื่อป่าวประกาศไปแล้วว่าจะถามกระบี่ ก็ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นคนมารับกระบี่ ทางที่ดีที่สุดก็ให้ถ่วงเวลาไปทั้งอย่างนี้ ให้ผู้ฝึกตนของทั้งทวีปที่อยู่ทั้งในและนอกภูเขาตะวันเที่ยงได้เห็นความองอาจสง่างามดุจไม้หยกรับลมของนายท่านใหญ่หลิวมากๆ หน่อย
หลิวเสี้ยนหยางมองกรอบป้ายแล้วหงุดหงิดใจนัก จึงถอนสายตากลับมาแล้วเริ่มหลับตาทำสมาธิเสียเลย
ตอนนั้นทะยานลมจากโรงเตี๊ยมมายังที่แห่งนี้ ระหว่างทางได้หันกลับไปมองหอกั้วอวิ๋นแวบหนึ่ง พบว่าเฉินผิงอันหายตัวไปไม่รู้ร่องรอยแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่ที่ทำลับๆ ล่อๆ เวลานี้แอบไปที่ใดแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางใช่ ‘ยอดกระบี่’ ที่ตั้งศาลบรรพจารย์ของยอดเขาอีเซี่ยนแน่นอน ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงเกิดอึกทึกครึกโครมกันไปนานแล้ว ตนถามกระบี่อยู่หน้าประตูภูเขา ดังนั้นจึงบอกว่าเจ้าเฉินผิงอันนับว่ายังมีคุณธรรมอยู่บ้าง ไม่แย่งความเด่นของเขาไป
สหายที่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องมีมากมาย แค่คนเดียวก็พอแล้ว
ยามทิวาหล่อหลอมฝันพันปี ยามราตรีท่องหาคนหมื่นปี
ที่พูดถึง ก็คือข้าหลิวเสี้ยนหยาง
เหวยเยว่ซานผู้ดูแลท่าเรือป๋ายลู่รีบร้อนทะยานลมมาที่หอกั้วอวิ๋น จากนั้นก็มองหน้าสบตากับศิษย์น้องหญิงหนีเยว่หรง
สหายรักที่มาพักอยู่ในห้องอักษรเจี่ยพร้อมกับเฉาโม่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอิสระที่มาจากนครมังกรเฒ่าหรอกหรือ? เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายมาเป็นหลิวเสี้ยนหยางผู้สืบทอดแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียนเสียได้?
นี่แสดงให้เห็นว่าเอกสารผ่านด่านของนักพรตลัทธิเต๋าที่สวมกวานดอกบัวผู้นั้น ต้องเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
ทว่าชุดเต๋าผ้าโปร่งสีเขียวบนร่างของนักพรตหนุ่มที่ชื่อเฉาโม่ถักทอขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ทั่วร่างเต็มไปด้วยโชคชะตาน้ำ หลิงจือหยกขาวที่ถืออยู่ในมือก็ยิ่งมีกลิ่นอายเต๋าของคนที่เก็บตัวสันโดษอยู่ในภูเขา ราวกับแต้มนัยน์ตามังกร ขับให้ ‘เฉาโม่’ ผู้นั้นยิ่งมีกลิ่นกายเซียนล่องลอย ต่อให้เจ้าหมอนี่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คนของลัทธิเต๋าก็คงไม่มีใครเชื่อ
อย่างน้อยที่สุดก็มีคู่ศิษย์พี่ศิษย์น้องแห่งยอดเขาชิงอู้คู่นี้ที่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังรู้สึกว่าคนผู้นั้นแค่บอกชื่อปลอม แต่ต้องยังเป็นเซียนซือลัทธิเต๋าที่อยู่ในระบบเต๋า อยู่ในทำเนียบเต๋าอย่างแน่นอน หรือว่าที่เดินทางไกลมาครั้งนี้ก็เพื่อการถามกระบี่ที่ต้องตายอย่างแน่นอนของหลิวเสี้ยนหยาง คิดจะอาศัยกวานดอกบัวบนศีรษะมาปกป้องมรรคาให้กับอีกฝ่าย?
หนีเยว่หรงหน้าตาบึ้งตึง ในใจเคียดแค้นเจ้าหลิวเสี้ยนหยางที่เบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้ว อยากรนหาที่ตายแต่ดันไม่รู้จักหาสถานที่ดีๆ ยิ่งเคียดแค้นเจ้าเฉาโม่ที่คอยให้การช่วยเหลือผู้นั้น หนีเยว่หรงสะบัดชายแขนเสื้อตบเก้าอี้หวายด้านหลังที่แม้นางไม่หันไปมองมันก็ยังเกะกะสายตาให้พังทลาย กระทืบเท้าเอ่ยว่า “เจ้าตะพาบสมควรโดนแทงพันครั้งสองคนนี้อยากตายก็ไม่เลือกวิธีตายดีๆ ดันออกจากพื้นที่ของพวกเราไปก่อเรื่องที่ยอดเขาอีเซี่ยน หากเจ้าสำนักกับพวกบรรพจารย์โมโห หลังจบเรื่องโทษที่พวกเราจัดการไม่ดี จะทำอย่างไร?”
เหวยเยว่ซานเอ่ยปลอบใจ “อาจไม่ได้เป็นเรื่องร้ายไปเสียทั้งหมด ล่างภูเขามีคำกล่าวว่าชาวบ้านสร้างบ้านเรือน หากไม่ส่งเสียงเอะอะย่อมไม่เป็นมงคลไม่ใช่หรือ มีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ กลับกลายเป็นว่าจะเป็นเรื่องดี สองคนนี้เก็บหัวเก็บหางซ่อนตัวมิดชิด ไม่มีมาดของหวงเหอเลยด้วยซ้ำ ข้าเดาว่ามากสุดก็เป็นแค่เซียนกระบี่โอสถทองคนหนึ่ง บวกกับผู้ฝึกตนลัทธิเต๋าขอบเขตก่อกำเนิดอีกคนหนึ่ง แค่พวกเขาสองคนน่ะหรือ คิดจะไปโอ้อวดบารมีที่อื่นก็คงไม่ยากหรอก แต่อยู่ในถิ่นของพวกเราย่อมถูกกำหนดมาแล้วว่าจะก่อคลื่นลมมรสุมอะไรขึ้นมาไม่ได้ ได้แต่ช่วยสร้างความสนุกให้ก็เท่านั้น”
หนีเยว่หรงพยักหน้ารับเบาๆ เพียงแต่ว่ายากจะปกปิดสีหน้ากลัดกลุ้ม ในดวงตาฉ่ำประกายน้ำคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่ได้รับความอยุติธรรม
บนลานกว้างนอกศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเซี่ยน มีเพียงผู้ฝึกตนหญิงกลุ่มที่มาจากตรอกฮวามู่ยอดเขาฉงจือเท่านั้นที่ยังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ผลไม้วางลงบนโต๊ะมากมาย เรื่องของการชมพิธีการของแขกสูงศักดิ์ การจัดวางตำแหน่งที่นั่ง การวางเก้าอี้ทุกตัว ล้วนไม่อาจมีข้อบกพร่องได้ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับล่วงเกินคนอื่นแล้ว ดังนั้นอีกเดี๋ยวพวกนางยังต้องนำคนแต่ละกลุ่มเข้าไปนั่งประจำที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!