ตอน บทที่ 829.3 อิสระเสรี จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 829.3 อิสระเสรี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ราสำนักต้าหลี ไม่เคยปล่อยให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาคนใดทำตามแต่ใจตัวเอง นี่ไม่ใช่ว่าสกุลซ่งกำเริบเสิบสาน แต่เพราะรากฐานทำให้พวกเขามีความมั่นใจเช่นนี้
เพียงแต่ว่าหนิงเหยาเป็นข้อยกเว้น
บุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าห้าสี ผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยาน หนิงเหยาแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่
ต้าหลีหาเรื่องนาง ไม่พูดถึงตัวของหนิงเหยาเอง พูดถึงแค่คนที่เกี่ยวข้อง ใกล้หน่อยก็เท่ากับหาเรื่องผู้ฝึกกระบี่ทั้งอุตรกุรุทวีป ไกลหน่อยก็ยังมีสำนักกระบี่หลงเซี่ยงของฉีถิงจี้และลู่จือ
เฉินผิงอันกล่าว “สกุลซ่งต้าหลียอมต่อให้เดินก่อนบนกระดานหมาก รอให้ข้าวางเม็ดหมากลงไปก่อน ยกตัวอย่างเช่นหากตรงดิ่งไปที่วังหลวง ก็เท่ากับเป็นลูกศิษย์เตาเผาของตรอกหนีผิงในอดีตที่คิดจะคว่ำโต๊ะพลิกเปิดบัญชีเก่า แต่หากไปหาทูตผู้ตรวจการเฉาที่ตรอกอี้ฉือก็เท่ากับเป็นคนทำการค้าที่ไปพูดคุยเรื่องค้าขาย ไปหาสหายอย่างกวนอี้หรานเพื่อรำลึกความหลังก็คือเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่ออกมาเที่ยวเล่นขุนเขาสายน้ำ ไปที่ซากปรักสำนักศึกษาซานหยาเก่าก็คือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสายเหวินเซิ่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ในวังหลวงก็ล้วนมีหนทางรับมือ แต่พวกเราเดินเล่นกันอยู่อย่างนี้ ฮ่องเต้และไทเฮาเหนียงเนียง ไม่แน่ว่าอาจต้องกินอาหารมื้อดึกตามพวกเราไปด้วย”
เฉินผิงอันหยุดชะงักไปครู่ ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ดังนั้นรออีกเดี๋ยว พวกเราก็จะไปพักที่เรือนของศิษย์พี่”
หนิงเหยาหันหน้ามา สายตามีการสอบถาม
คืนนี้นางไม่ค่อยอยากคิดเรื่องราวเท่าไรนัก
เฉินผิงอันอธิบายเสียงเบา “เท่ากับเป็นการบอกต้าหลีว่า ข้าทำอะไรพิถีพิถันในเรื่องความเหมาะสม ดังนั้นต้าหลีของพวกเจ้าต้องมอบลูกหลีตอบแทนลูกท้อ ไม่ว่าใครก็อย่าแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน”
หยกอยู่บนภูเขาพืชพรรณชุ่มชื้น หุบเหวเกิดไข่มุกหน้าผาไม่แห้งเหี่ยว
นี่ก็คือถ้อยคำของอาจารย์ในตำราที่แพร่หลายอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสืบทอดต่อกันไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ประหนึ่งฝันไป อาจารย์ของตนถึงกับเป็นอริยะปราชญ์ท่านหนึ่งในตำรา
และเมื่อเฉินผิงอันมาอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็จะค้นพบว่า ทุกหนทุกแห่งล้วนมีร่องรอยของการอบรมสั่งสอนจากชุยฉานศิษย์พี่ใหญ่
การที่แจกันสมบัติทวีปยังคงเป็นแจกันสมบัติทวีป เป็นเพราะศิษย์พี่สองคนอาศัยการอุทิศตัวตนทั้งกายและใจยาวนานนับร้อยปี คอยรวบรวมใจคนให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเป็นเหตุให้ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปมีเหล่าผู้กล้าพากันลุกผงาด ถึงสามารถร่วมกันกอบกู้ประคองแผ่นฟ้าที่กำลังจะถล่มลงมาได้
ถ้าอย่างนั้นเฉินผิงอันที่เป็นศิษย์น้องก็ไม่มีทางทำลายสถานการณ์ยิ่งใหญ่อันดีงามนี้ตามใจตัวเอง ไม่ใช่เพราะภูเขาลั่วพั่วกริ่งเกรงสกุลซ่งต้าหลี
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “พวกเราไปพักผ่อนกันที่นั่น ข้าจะได้ถือโอกาสดูด้วยว่าในหอเก็บตำรามีตำราฉบับสมบูรณ์ ตำราที่มีเล่มเดียวเหลืออยู่บ้างหรือไม่ จะได้ขนกลับไปภูเขาลั่วพั่ว”
หนิงเหยาถาม “ขโมยหนังสือหรือ?”
เฉินผิงอันวางกาเหล้าลง สองแขนกอดอก หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เป็นศิษย์น้อง ขอยืมหนังสือไม่กี่เล่มของศิษย์พี่ไปอ่าน จะเรียกว่าขโมยหนังสือได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องที่ใครขัดขวางคนนั้นก็ไร้เหตุผลแล้วนะ”
หนิงเหยาพูดชวนคุยว่า “หมี่ลี่น้อยได้ยินเผยเฉียนที่ได้ยินเจิ้งต้าเฟิงเล่าให้ฟังว่า เจ้ามีสหายที่นครมังกรเฒ่าชื่อว่าฟ่านเอ้อ พวกเจ้าสองฝ่ายเคยตกลงกันไว้เรื่องหนึ่ง?”
เฉินผิงอันหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าพูดถึงฟ่านเอ้อหรือ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มไม่รู้ประสา มักมีแต่ความคิดแปลกประหลาด โชคดีที่ได้ข้าช่วยห้ามปรามเอาไว้”
ชั่วชีวิตนี้เฉินผิงอันไม่เคยดื่มสุราเคล้านารีมาก่อน
แค่เคยได้สัมผัสกับกลิ่นอายเครื่องประทินโฉมที่ไม่ว่าจะหลบอย่างไรก็หลบไม่พ้นจากหอโคมเขียวระหว่างที่เดินทางผ่านเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน
หนิงเหยานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ก่อนหน้านี้ข้าทำลายแผ่นหยกที่จู๋หวงใช้ควบคุมค่ายกลบนยอดกระบี่แตกไป?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “อันที่จริงคือเรื่องดี หากไม่ใช่เจ้าที่ทำลายมัน ข้าก็ต้องโอกาสทำเรื่องนี้อยู่ดี ยอดเขาอีเซี่ยนของจู๋หวงไม่มียอดเขาหม่านเยว่ของเซี่ยหย่วนชุ่ยและภูเขาชิวลิ่งของเถาแยนโปคอยงัดข้อ แล้วยังมีเยี่ยนฉู่ที่สวามิภักดิ์ด้วย เจ้าสำนักอย่างจู๋หวงผู้นี้ก็จะกลายเป็นคนเผด็จการไปอย่างสิ้นเชิง จะกลายเป็นบุคคลที่เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของภูเขาตะวันเที่ยง และเพียงไม่นานความวุ่นวายภายในของภูเขาตะวันเที่ยงก็จะยุติลง ตอนนี้ดีแล้ว อย่างน้อยที่สุดจู๋หวงก็สูญเสียที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดอย่างเซียนเหรินค่ายกลยอดกระบี่ไปอีกหลายปี เขาก็จะกลายเป็นแค่เจ้ายอดเขาของยอดเขาอีเซี่ยน เป็นแค่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวแปรก็จะเพิ่มมากขึ้น”
เฉินผิงอันแหงนหน้าดื่มเหล้าหนึ่งอึก เช็ดปากแล้วพูดต่อว่า “เถาแยนโปต้องเป็นฝ่ายไปพึ่งพาเซี่ยหย่วนชุ่ยแน่นอน เพื่อจะได้หาวิธีคลี่คลายสถานการณ์ให้กับภูเขาชิวลิ่ง ยกตัวอย่างเช่นมีการตกลงกันเป็นการส่วนตัว ‘ให้เช่า’ ผู้ฝึกกระบี่บ้านตัวเองแก่ยอดเขาหม่านเยว่ หรืออาจถึงขั้นยุแยงอาจารย์ลุงเซี่ยให้ช่วงชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก เพื่อเป็นค่าตอบแทน ก็คือภูเขาชิวลิ่งได้คลายคำสั่งปิดภูเขาก่อนเวลาที่กำหนด ส่วนหญ้ายอดกำแพงอย่างเยี่ยนฉู่นั้นจะต้องคอยพัดลมกระพือไฟ ช่วงชิงเอาผลประโยชน์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมมาให้แก่ตัวเองและยอดเขาสุ่ยหลง เพราะหากเจ้าสำนักของสำนักเบื้องล่างถูกเลือกให้เป็นหยวนป๋ายจะต้องทำให้ตัวแปรของภูเขาตะวันเที่ยงใหญ่กว่าเดิม เยอะกว่าเดิม สถานการณ์จะเปลี่ยนมาเป็นลุ่มลึกซับซ้อน จู๋หวงคิดจะแก้ปัญหาภายในพวกนี้ หากไม่มีเวลาสามสิบห้าสิบปีก็อย่าหวังว่าจะจัดการได้อย่างราบคาบ”
เฉินผิงอันยื่นมือซ้ายออกมาปาดหนึ่งที “พื้นที่มงคลดอกบัวในอดีต ทฤษฎีเส้นสายของเจ้าอารามผู้เฒ่าต้องไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำให้พื้นที่แห่งหนึ่งเกิดเรื่องศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดอย่างแน่นอน แต่ต้องเป็นมืดผ่าฟืนเปิดภูเขาที่ดีที่สุดสำหรับการขึ้นเขาลงห้วย”
เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ตรงเอว ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา คีบภาพสะท้อนของโคมไฟดวงหนึ่งขึ้นมาจากน้ำในลำคลอง สร้างโคมไฟเล็กจิ๋วใบหนึ่งขึ้นมาวางไว้กลางอากาศ ตะเกียงทั้งหลายลอยอยู่กลางอากาศ บินวนอ้อมไปมาพอจะกลายเป็นเส้นเส้นหนึ่งได้ มองดูคล้ายเส้นทางเส้นหนึ่ง จากนั้นก็คีบโชคชะตาน้ำเสี้ยวเล็กๆ อีกสองส่วนจากลำคลองออกมาวางไว้ตรงสองข้างของโคมไฟ
เฉินผิงอันกล่าว “คนทั่วไปล้วนจะต้องเดินเข้ามาในนี้ เพราะว่าเส้นทางชัดเจน แล้วยังเดินได้ง่าย หากพูดให้ใหญ่หน่อย นี่ก็คือสถานการณ์ใหญ่ คือชะตาชีวิต”
จากนั้นก็ชี้ไปตรงกลางระหว่างโคมไฟสองดวง “จิตใจคนที่ขึ้นลงระหว่างนี้ การเปลี่ยนแปลงหลากหลายชนิดที่มาจากเส้นทางชีวิตคนที่แตกต่างกัน อันที่จริงไม่ต้องศึกษาอย่างละเอียด แล้วนับประสาอะไรที่หากจะควบคุมจริงๆ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะควบคุมได้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ผลในทางตรงกันข้าม จะต้องมีคนที่สามารถเดินออกมาจากทางสายนี้ได้ แต่ไม่เป็นไร สำหรับภูเขาตะวันเที่ยงแล้ว นี่ก็คือเรื่องดีที่แท้จริง และเป็นเรื่องที่ข้ารอคอยอย่างแท้จริงมาโดยตลอด”
นี่เป็นสิ่งที่เฉินผิงอันเรียนรู้มาจากเจิ้งจวีจงและอู๋ซวงเจี้ยง คนผู้หนึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการคาดคะเนเส้นสายใจคน อีกคนหนึ่งเชี่ยวชาญการแยกร่างหมื่นสรรพสิ่ง
เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ยกตัวอย่างเช่นปีนั้นในเมืองเล็ก ภูเขาตะวันเที่ยงคิดว่าตัวเองต้องได้ครอบครองคัมภีร์กระบี่เล่มนั้น ส่วนนครลมเย็นก็พุ่งเป้าไปที่เสื้อเกราะโหวจื่อ นี่ก็คือความแน่นอนบนเส้นทางชีวิตคน หากเอาตัวข้าเองมายกตัวอย่าง ก็เช่นว่า…ตำราหมัดเขย่าภูเขาของกู้ช่านเล่มนั้นก็คือโคมไฟดวงหนึ่ง เฉินผิงอันแห่งตรอกหนีผิงได้ตำราหมัดเล่มนี้ไปก็จะต้องเรียนวิชาหมัดอย่างแน่นอน เพราะต้องรักษาชีวิตรอด”
เฉินผิงอันชี้ไปในตรอก ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าคือศิษย์น้องของเจ้าของบ้านในตรอกนี้”
แล้วเอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “จะมาดูหนังสือที่นี่”
เด็กหนุ่มคนนั้นหลุดหัวเราะพรืด “ศิษย์น้องของราชครู? ทำไมเจ้าไม่บอกว่าตัวเองเป็นศิษย์พี่ของราชครูพวกเราไปเลยเล่า?”
ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าราชครูต้าหลีของพวกเราอย่างซิ่วหู่ชุยฉานได้ออกจากสายเหวินเซิ่งมาร้อยกว่าปีแล้ว จะเอาศิษย์น้องมาจากไหน ดูท่านักต้มตุ๋นในเมืองหลวงทุกวันนี้จะใจกล้าเกินไปหน่อยแล้ว แล้วก็มีลูกไม้สารพัดซะเหลือเกิน
ผู้เฒ่าที่เหมือนยอดฝีมือที่หลบเร้นกายไม่ถามไถ่เรื่องทางโลกโบกมือเอ่ยว่า “รีบไปซะ”
เฉินผิงอันรู้สึกจนใจอยู่บ้าง เหตุใดราชสำนักต้าหลีถึงให้สองคนนี้มาเฝ้าอยู่ที่นี่ได้นะ?
ดังนั้นจึงหันไปถามหนิงเหยาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมใกล้ๆ นี้?”
หนิงเหยาย่อมไม่มีปัญหาอะไร อันที่จริงหากคนทั้งสองคิดจะแฝงกายเข้าไปในจวนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อเทียบกับจุดอื่นของเมืองหลวงที่ยามราตรีสว่างไสวราวกับตอนกลางวันแล้ว ถนนเส้นนี้กลับกลายเป็นว่าม่านราตรีหนาหนัก อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็เอ่ยขึ้นมาว่า “อิสระเสรีที่แท้จริงจำต้องอุทิศความเป็นคน”
หนิงเหยาถามอย่างสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “อันที่จริงก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก ข้าก็แค่รู้สึกว่ามีอิสระจึงจะมีเสรี จะบริสุทธิ์แท้จริงหรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น ก็เหมือนกับคำว่าปัญญาญาณทั้งปวงเกิดจากความเมตตา แล้วยังต้องดับลงบนความเมตตา”
หนิงเหยาเอ่ย “พูดให้เข้าใจหน่อย”
เฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ ต้องพูดอย่างไรอีกถึงจะเข้าใจ?
จึงถูกหนิงเหยาถองเข้าให้ เจ็บจนเขาแยกเขี้ยว จากนั้นเฉินผิงอันก็เลือกแล้วเลือกอีก เดิมอ้อมเส้นทางไปค่อนข้างไกลถึงหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเจอ ผลคือพอถามกลับเหลือห้องแค่ห้องเดียว เฉินผิงอันทอดถอนใจ ปากก็บ่นอย่างไม่พอใจสองสามคำ ทว่ามือกลับรีบควักเงินจ่ายค่าห้องอย่างว่องไว
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!