กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 830

มนุษย์​ถือกำเนิด​ ดวงตะวัน​ลอย​ขึ้น​ ขึ้น​เขา​ช้า ลง​เขา​เร็ว​ เมื่อ​เข้าไป​ใน​กลุ่ม​ยอด​เขาสูงชัน​ เพิ่ง​ปีน​ข้าม​ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​ ภูเขา​อีก​ลูก​ก็​ปรากฏ​ขวางทาง​

ทุกคน​ที่เกิด​มาก็​มองโลกในแง่ดี​ ล้วน​เป็น​ราชา​ใน​โลก​ที่​เป็น​อัตวิสัย​

ถ้าเช่นนั้น​คน​ที่เกิด​มาก็​มองโลกในแง่ร้าย​ก็​ยิ่ง​จำเป็นต้อง​สร้าง​บ้านเรือน​ สร้าง​ศาลา​ท่าเรือ​ไว้​บดบัง​ลม​ฝน​ ไว้​หยุด​เท้า​พักผ่อน​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​บน​สภาพ​จิตใจ​

หนิง​เหยา​หันหน้า​มาถาม “ได้ยิน​หมี่​ลี่​น้อย​เล่า​ว่า​ พี่สาว​อย่าง​หยวน​เป่า​ชอบ​เฉาฉิงหล่า​ง น้องชาย​อย่าง​หยวน​ไหล​ก็​ชอบ​เฉิน​ยวน​จี”

คาด​ว่า​หมี่​ลี่​น้อย​น่าจะเป็น​คน​คาบข่าว​ตัว​ใหญ่​ที่สุด​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แล้ว​ ดูเหมือนว่า​จะไม่มีข่าว​เล็ก​ๆ ข่าว​ใด​ที่​นาง​ไม่รู้​ ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ที่​ทุกวัน​จะต้อง​ออก​ลาดตระเวน​ภูเขา​ตรงเวลา​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ “มิน่าเล่า​เวลา​ที่​หยวน​เป่า​พูดคุย​อยู่​บน​ภูเขา​ถึงได้​ปาก​คมกริบ​ คำพูดคำจา​คาดคั้น​คนอื่น​ เกิน​ครึ่ง​คงจะ​อาศัย​สิ่งนี้​มาดึงดูด​ความสนใจ​จาก​เฉาฉิงหล่า​ง หยวน​ไหล​ชอบ​อ่านหนังสือ​เฝ้าประตู​อยู่​ตรง​ตีนเขา​ ข้า​ก็​ว่าแล้ว​ ใน​เมื่อ​ไม่ได้​ชอบ​หนังสือ​นิยาย​รัก​ประโลมโลก​พวก​นั้น​ของ​เจิ้งต้าเฟิง​ แล้​วจะ​ทำ​อย่างนั้น​ไป​ไย​ ที่แท้​ก็​เพื่อ​ไป​เฝ้ามอง​สตรี​ที่รัก​นี่เอง​ เจ้าตัวดี​ อายุ​ไม่มาก​แต่กลับ​ฉลาด​ก่อน​วัย​ เก่ง​กว่า​เจ้าขุนเขา​อย่าง​ข้า​เยอะ​เลย​”

หนิง​เหยา​ถาม “วันหน้า​เจ้าจะยัง​จับตามอง​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ต่อไป​หรือไม่​? หกสิบ​ปี​ หนึ่งร้อย​ปี​?”

เฉิน​ผิง​อัน​อดไม่ไหว​หัวเราะ​พลาง​ส่ายหน้า​ “อันที่จริง​ไม่ต้อง​ให้​ข้า​คอย​จับตามอง​หรอก​”

นี่​คือ​หลักการ​เดียว​กับ​ห​ลี่​กระดอน​น้ำ​ของ​หอ​เซียน​จิ่วเจิน​แห่ง​แผ่นดิน​กลาง​และ​เค่อ​ชิงอันดับ​หนึ่ง​ของ​สำนัก​ใหญ่​แห่ง​อุตรกุรุทวีป​คน​นั้น​ โดน​ซ้อม​แล้ว​รู้จัก​หลาบจำ​

ก็​เหมือนว่า​เคย​มีแขก​ชั่วร้าย​มาเยือน​ถึงบ้าน​ ก่อน​จะจากไป​ยัง​จงใจทิ้ง​รองเท้า​คู่​หนึ่ง​ไว้​ใน​บ้าน​ของ​คนอื่น​ อันที่จริง​พวก​แขก​ล้วน​ไม่สนใจ​ว่า​จะต้อง​เอา​กลับ​ไป​หรือไม่​ แต่​เจ้าบ้าน​กลับ​ไม่คิด​เช่นนี้​

หนิง​เหยา​ลุกขึ้น​นั่ง​ เฉิน​ผิง​อัน​ริน​น้ำชา​ส่งมาให้​ นาง​รับ​ถ้วย​มาดื่ม​ชาหนึ่ง​อึก​ ถามว่า​ “ภูเขา​ลั่วพั่ว​จะปิดประตู​ผนึก​ภูเขา​เท่านั้น​หรือ​? ไม่อาจ​เอาอย่าง​ช่างห​ร่วน​ของ​สำนัก​กระบี่​หลง​เฉวียน​ รับ​ตัว​คน​มาก่อน​แล้ว​ค่อย​ตัดสินใจ​ว่า​จะรับ​เข้า​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ต่อให้​ดูแล​คน​ที่​เพิ่มขึ้น​มาหลาย​สิบ​คน​หรือ​อาจ​ถึงขั้น​ร้อย​กว่า​คน​ได้​ไหว​ แต่กลับ​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​ไม่อาจ​ควบคุม​ใจคน​ได้​ ข้า​ไม่เป็นห่วง​พวก​จูเหลี่ยน​ ฉางมิ่ง แต่​ที่​เป็นห่วง​คือ​พวก​เด็ก​ๆ อย่าง​หน่วน​ซู่ หมี่​ลี่​น้อย​และ​เฉินห​ลิง​จวิน​ รวมไปถึง​พวก​คนหนุ่มสาว​อย่าง​เฉิน​ยวน​จี เจี่ยงชวี่​ จิ่วเอ๋อร์​ พอ​คน​บน​ภูเขา​มีมาก​เข้า​ จิตใจ​คน​ก็​ซับซ้อน​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ครึกครื้น​ชั่วครั้งชั่วคราว​ หาก​ไม่ทัน​ระวัง​ก็​จะกลาย​เป็นความ​ไม่สนุก​แม้แต่น้อย​ ถึงอย่างไร​ตอนนี้​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ก็​ยัง​ไม่ขาด​คน​ ทาง​ฝั่งของ​สำนัก​เบื้องล่าง​ที่​ใบ​ถงทวีป​ พวก​หมี่​อวี้​กลับ​สามารถ​รับ​ลูกศิษย์​มาเพิ่ม​ได้​”

ถึงอย่างไร​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไม่ใช่เจิ้งจวี​จงและ​อู๋ซวงเจี้ยง​ เจิ้งจวี​จงสามารถ​มอง​จุด​ที่​เล็ก​ละเอียด​ของ​ใจคน​ทั่ว​ทั้ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ได้​อย่าง​ถ้วน​ทั่ว​ อู๋ซวงเจี้ยง​สามารถ​ถ่ายทอดวิชา​ความรู้​ให้​กับ​ผู้ฝึก​ตน​ทุก​คนใน​ตำหนัก​สุ้ยฉู​ได้​

เฉิน​ผิง​อัน​หรือ​จะมีความสามารถ​เช่นนี้​

ไม่เพียงแค่​ว่า​เปรียบเทียบ​กับ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​สอง​คน​นี้​แล้ว​มีความต่าง​ทาง​ขอบเขต​เท่านั้น​ ที่​มากกว่า​นั้น​ยัง​เป็น​สภาพ​จิตใจ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ เมื่อ​เทียบ​กับ​เจิ้งจวี​จงและ​อู๋ซวงเจี้ยง​แล้ว​ยัง​ด้อย​กว่า​ไม่น้อย​

ตัวอ่อน​ผู้ฝึก​ตน​ที่​เวลานี้​กรู​กัน​ไป​ยัง​อาณาเขต​ของ​หลง​โจว​เพื่อ​ตามหา​โชควาสนา​เซียน​ ไม่กล้า​พูดว่า​ทั้งหมด​ พูด​แค่​เกิน​ครึ่ง​ ต้อง​เป็น​พวก​ที่​มุ่งไป​เพื่อ​ชื่อเสียง​และ​ผลประโยชน์​แน่นอน​ ขึ้น​เขา​ไป​เยี่ยมเยียน​เซียน​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ อยาก​แสวงหา​มรรคา​ทำตาม​ความปรารถนา​ใน​ใจให้​สำเร็จ​ย่อม​ไม่มีปัญหา​ใดๆ​ แต่​เรื่อง​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​กังวล​ แต่ไหนแต่ไร​มาก็​ไม่เหมือนกับ​เจ้าขุนเขา​ เจ้าสำนัก​ทั่วไป​ ยกตัวอย่างเช่น​บางที​ถึงท้ายที่สุด​ เมล็ด​แตง​ของ​หมี่​ลี่​น้อย​แบ่ง​อย่างไร​ก็​ล้วน​จะกลายเป็น​เรื่องใหญ่​ที่​ทำให้​ใจคน​ไม่นิ่ง​ เกิด​เป็น​คลื่นใต้น้ำ​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ สุดท้าย​คน​ที่​เสียใจ​ก็​คือ​หมี่​ลี่​น้อย​ ถึงขั้น​ที่ว่า​อาจ​ทำให้​แม่นาง​น้อย​ยาก​ที่จะ​แบ่ง​เมล็ด​แตง​ได้​อย่าง​เบิกบานใจ​อีก​ชั่วชีวิต​ ความใกล้ชิด​และ​ความห่างเหิน​มีความต่าง​ อย่างไร​ก็​ต้อง​ปกป้อง​จุด​ที่​ทำให้​จิตใจ​ของ​ข้า​สงบ​ซึ่งหา​ได้​ยาก​ยิ่ง​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เอาไว้​ก่อน​ ถึงจะสามารถ​ไป​สนใจ​วาสนา​และ​การ​ฝึก​ตน​ของ​คนอื่น​ได้​

อยู่ดีๆ​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ตอนที่​ข้า​รู้สึก​ว่า​วัตถุ​วิเศษ​บน​ภูเขา​ชิ้น​หนึ่ง​ไม่มีค่า​มาก​ขนาด​นั้น​ ก็​จำเป็นต้อง​ทบทวน​ตัวเอง​ให้​ดี​และ​เตือน​ตัวเอง​ให้​มาก​”

หนิง​เหยา​มอง​เขา​ ไม่หาเงิน​ก็​นับ​เงิน​ นับ​เงิน​เสร็จ​แล้ว​ค่อย​หาเงิน​ใหม่​ ตั้งแต่​เด็ก​มาก็​หลงใหล​ใน​เงินทอง​จน​ทำให้​หนิง​เหยา​ได้​เปิดโลก​กว้าง​ จนถึง​ทุกวันนี้​หนิง​เหยา​ก็​ยัง​จำได้ดี​ว่า​คืน​วันนั้น​ เด็กหนุ่ม​สวม​รอง​เท้าสาน​สะพาย​ตะกร้า​ใบ​ใหญ่​ไป​เก็บ​ก้อนหิน​ใน​ลำคลอง​หลง​ซวี​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​เยาะเย้ย​ตัวเอง​ “ตอน​เด็กยากจน​จน​กลัว​”

หนิง​เหยา​ส่ายหน้า​ นาง​รู้​ว่าไม่ได้​เป็น​เช่นนี้​เลย​ ชอบ​ใน​เงินทอง​ก็​ส่วน​ชอบ​ใน​เงินทอง​ แต่​ขอ​แค่​ตัว​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​สามารถ​กิน​อิ่ม​สวมใส่​เสื้อผ้า​อบอุ่น​ เขา​ก็​คือ​คน​ที่​ไม่ได้​ต้องการ​ ‘ของ​นอกกาย​’ มาก​นัก​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ลุกขึ้น​ยืน​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​ต้อง​ไป​พบ​ขุนนาง​ใหญ่​กรม​พิธีการ​ที่​ตรอก​นั่น​สักหน่อย​ บางที​หลังจากนี้​ข้า​อาจ​ไป​ดูหนังสือ​ที่​หอ​เห​ริ​นอวิ๋น​อี้​อวิ๋น​ด้วย​ ไม่ต้อง​รอ​ข้า​ เจ้ารีบ​พักผ่อน​เถอะ​”

หนิง​เหยา​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ก้าว​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ หด​ย่อ​พื้นที่​ไป​จาก​โรงเตี๊ยม​อย่าง​เงียบเชียบ​ ไป​โผล่​ใน​ตรอก​เงียบสงบ​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ไม่มีแสงไฟ

หนิง​เหยา​กลับ​ไป​นอน​ฟุบ​บน​โต๊ะ​อีกครั้ง​ ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ เป็น​เจ้าที่จะ​ไป​ดูหนังสือ​เอง​ ข้า​ไม่ได้​พูด​อะไร​เลย​นะ​ เจ้าจะเอา​อย่างไร​อีก​

ผู้เฒ่า​คน​หนึ่ง​เดิน​ฝีเท้า​เร่งร้อน​ออก​มาจาก​วังหลวง​ หลังจาก​ขึ้น​รถม้า​คัน​หนึ่ง​ เสียง​ล้อ​รถบดถนน​ก็​ดัง​ไป​ตลอดทาง​ เดิมที​จะไป​ที่​โรงเตี๊ยม​แห่ง​หนึ่ง​ เพียงแต่ว่า​พอ​เข้าใกล้​จุดหมาย​ รถม้า​กลับ​เปลี่ยนเส้นทาง​เล็กน้อย​ สารถี​ที่​รับหน้าที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​เชื้อพระวงศ์​ของ​ต้า​หลี​บอ​กว่า​จะไป​ที่​เรือน​พัก​ของ​ราชครู​ชุย​ฉาน​ เฉิน​ผิง​อัน​ไป​รอ​อยู่​ที่นั่น​แล้ว​

ก่อนหน้านี้​ตรง​มุมตรอก​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ถูก​ขวาง​เอาไว้​ ห่าง​กัน​เพียง​เส้น​บาง​ๆ กั้น​ขวาง​ ใน​ตรอก​เล็ก​ที่​มอง​ดูเหมือน​มืด​สลัว​ แท้จริง​แล้ว​กลับเป็น​ฟ้าดิน​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ คือ​ลาน​กว้าง​หยก​ขาว​ขนาด​สามไร่​ ถูก​ขนานนาม​ให้​เป็น​สถาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ใน​เปลือกหอย​บน​ภูเขา​ เซียน​ดิน​สามารถ​เอา​เก็บ​มาใส่ไว้​ใน​ช่อง​โพรง​ลมปราณ​ หลัง​เอา​ออกมา​ก็​เอา​มาตั้ง​วาง​ไว้​ เป็น​สมบัติ​หนัก​บน​ภูเขา​ที่​ได้​แต่​ปรารถนา​มิอาจ​ได้มา​ครอบครอง​เหมือนกับ​วัตถุ​จื่อ​ชื่อ​และ​วัตถุ​ฟางชุ่น​ ผู้ฝึก​ตน​เฒ่าก่อกำเนิด​กำลัง​นั่ง​เข้าฌาน​ ผู้ฝึก​ตน​มีใคร​บ้าง​ที่​ไม่นึก​อยาก​ให้​สิบสอง​ชั่ว​ยาม​ของ​หนึ่ง​วัน​เปลี่ยนเป็น​ยี่สิบ​สี่ชั่ว​ยาม​? (หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​สมัยโบราณ​คือ​สอง​ชั่วโมง​ ยี่สิบ​สี่ชั่ว​ยาม​จึงเท่ากับ​สี่สิบ​แปด​ชั่วโมง​) ทว่า​ผู้ฝึก​ตน​หนุ่ม​ขอบเขต​ประตู​มังกร​คน​นั้น​ คืนนี้​กลับ​ฝึก​หมัด​เดิน​นิ่ง​ ระหว่าง​ที่​ปล่อย​หมัด​ก็​ส่งเสียง​ฮื่อ​ฮ่าออกมา​ด้วย​ ใน​สายตา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ กระบวนท่า​นั้น​ช่างสมกับ​เป็น​นัก​สู้ใน​ยุทธ​ภพ​จริงๆ​ บาดตา​ยิ่งนัก​ พอๆ กับ​วิชา​กระบี่​มาร​คลั่ง​ที่​เผย​เฉียน​คิดค้น​ใน​ปี​นั้น​

ผู้ฝึก​ตน​เฒ่ายังคง​ไม่อาจ​สัมผัส​ได้​ถึงการดำรงอยู่​ของ​แขกไม่ได้รับเชิญ​บางคน​ที่​ขยับ​เข้ามา​ใกล้​ หลังจาก​โคจร​ลมปราณ​ครบรอบ​เล็ก​แล้วก็​รู้สึก​รำคาญ​เสียง​เอะอะ​ของ​ลูกศิษย์​ จึงได้​แต่​ลืมตา​ขึ้น​มาตวาด​ดุ​ “ตวน​หมิง​ จงรู้จัก​ทะนุถนอม​ช่วงเวลา​ใน​การ​ฝึก​ตน​ให้​ดี​ อย่า​ได้​สิ้น​เปลืองเวลา​กับ​เรื่อง​พวก​นี้​ หาก​เจ้ายินดี​จะเรียน​วิชา​หมัด​จริงๆ​ ก็​รบกวน​ช่วย​ไปหา​อาจารย์​มาสอน​ ถึงอย่างไร​บ้าน​เจ้าก็​ไม่ขาดเงิน​อยู่แล้ว​ ต่อให้​จะไม่มีคุณสมบัติ​ใน​การเรียน​วร​ยุทธ​แค่​ไหน​ หา​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​เดินทางไกล​สัก​คน​ให้​แข็งใจ​สอน​วิชา​หมัด​แก่​เจ้าก็​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​ อย่างไรก็ดี​กว่า​ให้​เจ้าคอย​ปล่อย​หมัด​หวัง​ปา​ทิ่มแทง​ตา​ของ​ข้า​ผู้อาวุโส​อยู่​ทุกวัน​”

เด็กหนุ่ม​แซ่จ้าว​ นาม​ว่า​ตวน​หมิง​ ปฏิบัติตน​ถูกต้อง​เที่ยงตรง​ จิต​แห่ง​มรรคา​สว่างไสว​ ช่างเป็น​ชื่อ​ที่​ความหมาย​ดี​ยิ่งนัก​ น่าเสียดาย​เสียง​พ้อง​ของ​ชื่อ​ช่างน่าอาย​ เด็กหนุ่ม​รู้สึก​มาโดยตลอด​ว่า​หาก​ตน​แซ่ห​ลี่​ก็​คง​ดี​ หาก​คนอื่น​เอาชื่อ​ตน​ไป​ล้อ​อีก​ก็​ง่าย​เลย​ แค่​บอกชื่อ​ออก​ไป​ก็​จะสามารถ​กอบกู้​ชื่อเสียง​กลับคืน​มาได้​แล้ว​

เด็กหนุ่ม​มีชาติกำเนิด​จาก​ตระกูล​ชั้นสูง​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ต้า​หลี​ สกุล​จ้าว​แห่ง​เทียน​สุ่ย​ หนึ่ง​ใน​แซ่สกุล​ของ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​แห่ง​ต้า​หลี​ อีก​ทั้ง​จ้าว​ตวน​หมิง​ยัง​เป็น​บุตรชาย​ที่เกิด​จาก​เรือน​หลัก​ของ​ภรรยา​เอก​ด้วย​

ใน​บรรดา​แซ่ของ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ทั้งหมด​ของ​ต้า​หลี​ หยวน​ เฉา กวน​ คือ​อันดับ​หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​เป็น​ตระกูล​อวี๋​และ​ตระกูล​จ้าว​แห่ง​เทียน​สุ่ย​ ตามมา​ด้วย​สกุล​ชิว​แห่ง​ฝูเฟิง สกุล​หม่า​แห่ง​โผ​หยาง​ สกุล​เยี่ยน​แห่ง​จื่อ​จ้าว​ ความต่าง​ล้วน​มีไม่มาก​

จ้าว​หมิง​ตวน​ปล่อย​หมัด​พลาง​ถามไป​ด้วยว่า​ “อาจารย์​ ท่าน​ว่า​โจว​ไห่​จิ้งผู้​นั้น​อายุ​เท่าไร​? อายุ​ห้าสิบ​หก​แล้ว​จริง​หรือ​ มอง​แล้ว​ไม่เหมือน​เลย​นะ​ ก่อนหน้านี้​เห็น​นาง​ไกลๆ​ จุ๊ๆๆ ช่างดูแลตัวเอง​ได้ดี​ยิ่งนัก​ ข้า​กับ​เจ้าผี​ขี้เหล้า​เฉาต่าง​ก็​ชอบ​นาง​มาก​ ข้า​กับ​ผี​ขี้เหล้า​เฉานัดหมาย​กัน​เรียบร้อย​แล้ว​ว่า​วันหน้า​หาก​โจว​ไห่​จิ้งต่อย​ตี​กับ​คนอื่น​ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​ เขา​จะต้อง​ช่วย​ข้า​หา​ตำแหน่ง​ดี​ๆ ให้​ข้า​ได้​ไป​ชมอยู่​ใกล้​ๆ ผู้ฝึก​ยุทธ​ถามหมัด​ หาก​สตรี​สสวม​ชุด​เดินทาง​ยามค่ำคืน​ด้วย​ล่ะ​ก็​ หึหึ​”

ผู้เฒ่า​เอ่ย​อย่าง​ขัน​ๆ ปน​ฉุน​ “วันหน้า​เจ้าไป​คลุกคลี​กับ​เจ้าบ้ากาม​เฉาให้​น้อย​ๆ หน่อย​ ปรมาจารย์​ใหญ่​ด้าน​วร​ยุทธ​อย่าง​โจว​ไห่​จิ้ง วิชา​หมัด​เข้าขั้น​สุดยอด​แล้ว​ถึงสามารถ​คง​ความงาม​เอาไว้​ได้​ ลำพัง​แค่​ดู​จาก​รูปโฉม​ก็​ไม่อาจ​แยกแยะ​อายุ​ที่​แท้จริง​ พอๆ กับ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​อย่าง​พวกเรา​ อีก​อย่าง​จำไว้​นะ​ว่า​ ข้า​จะไม่ขวาง​ไม่ให้​เจ้าไป​ชมการต่อสู้​ แต่​จะต้อง​ควบคุม​ดวงตา​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ ได้ยิน​มาว่า​นิสัย​ของ​โจว​ไห่​จิ้งแย่มาก​ ไม่ได้​พูด​ง่าย​อย่าง​เจิ้งเฉียน​เลย​สักนิด​”

เด็กหนุ่ม​เก็บ​หมัด​ยืน​นิ่ง​ แสยะปาก​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “อายุ​ไม่ใช่ปัญหา​ สตรี​อายุ​มากกว่า​สามปี​ได้​กอด​อิฐ​ทอง​กลับบ้าน​ อาจารย์​ท่าน​ลอง​คำนวณ​ดู​สิว่า​ข้า​สามารถ​กอด​อิฐ​ทอง​ได้​กี่​ก้อน​?”

ผู้เฒ่า​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “ด้วย​ฝีมือ​การคำนวณ​ของ​เจ้า ยัง​สามารถ​ฝึก​ตน​ได้​ ก็ช่าง​ไร้เหตุผล​สิ้นดี​”

ลูกศิษย์​คน​นี้​ดวง​แข็ง​อย่าง​แท้จริง​ ก่อนที่จะ​ฝึก​ตน​ ตอน​เป็น​เด็ก​อยู่ดีๆ​ ก็​ถูก​ฟ้าผ่า​สามครั้ง​ แต่กลับ​ยัง​ไม่ตาย​

จ้าวต​วน​หมิง​ลูบ​คลึง​ปลาย​คาง​ “เป็น​สี่ปรมาจารย์​ใหญ่​ด้าน​วร​ยุทธ​ที่​ผ่าน​การประเมิน​เหมือนกัน​ ชื่อ​ของ​โจว​ไห่​จิ้งอยู่​รั้งท้าย​ แต่​ไม่ว่า​จะรูปร่าง​หรือ​หน้าตา​ก็​ล้วน​งามกว่า​เจิ้งเฉียน​ผู้​นั้น​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!