กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 831

ใน​สายตา​ของ​สตรี​ที่​มีบุคลิก​เรียบร้อย​อีก​ทั้ง​ความเป็นมา​ยัง​ไม่แน่ชัด​เผย​แวว​ชื่นชม​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ความจำ​ดี​จริงๆ​”

เพียงแค่​ได้ยิน​เสียง​ใน​ระเบียง​ปี​นั้น​ เวลา​ห่าง​มานาน​หลาย​ปี​ และ​แค่​ได้ยิน​นาง​พูด​อยู่​ที่นี่​ประโยค​เดียว​ก็​ยัง​สามารถ​แน่ใจ​ได้​ว่า​นาง​เป็น​คน​เดิม​กับ​ใน​ปี​นั้น​ และ​มาหา​นาง​ทันที​

ถ้าอย่างนั้น​สรุป​แล้ว​เป็น​เพราะ​เด็กหนุ่ม​เห็นแก่​ความสัมพันธ์​เก่าแก่​หรือว่า​ยังคง​อาฆาตแค้น​กัน​แน่​?

เฉิน​ผิง​อัน​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ มอง​ประเมิน​สตรี​ที่​ก่อนหน้านี้​ถูก​เรียก​ว่า​ ‘เฟิงอี๋​’ ตรงหน้า​นี้​อย่าง​ละเอียด​

นาง​คือ​สตรี​ที่​เรือน​กาย​สูงเพรียว​ เท้า​สวม​รองเท้า​สีเขียว​ ไม่ได้​แขวน​ป้าย​ห้อย​เอว​ที่​สามารถ​แสดง​ฐานะ​ใน​วงการ​ขุนนาง​ขุนเขา​สายน้ำ​ใดๆ​ สวม​เสื้อ​ผ้าฝ้าย​คอกลม​ ทว่า​บน​ชุด​กลับ​ปัก​เป็น​รูป​มังกร​ตัวเล็ก​รวมกลุ่ม​กัน​ซึ่งออกจะ​ละเมิด​กฎ​อยู่​บ้าง​

ใบหน้า​ดอก​ท้อ​ประทิน​โฉมบางเบา​ แต้ม​จุด​สีไว้​ข้าง​ลักยิ้ม​ พอ​ดื่มเหล้า​เข้าไป​ ริมฝีปาก​สีชาด​ก็​ชุ่มช่ำดวง​หน้าแดง​ปลั่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​เคย​อ่าน​เจอ​ใน​บทความ​ของ​นักประพันธ์​คน​หนึ่ง​ นี่​คือ​การ​แต่งกาย​ใน​วังหลวง​ของ​แคว้น​สู่โบราณ​ มีชื่อ​ว่าการ​แต่งหน้า​แบบ​อี้​ชุน​

มือ​ของ​นาง​เรียว​บาง​นุ่มนวล​ ดูเหมือนว่า​จะใช้ปีก​จักจั่น​และ​ดอก​เฟิ่งเซียน​มาตำ​ให้​เละ​แล้ว​นำมา​ย้อมสี​เล็บ​ เป็น​สีแดงสด​ที่​น่ามอง​อย่างยิ่ง​ สมัยโบราณ​เรียก​ว่า​ฝ่ามือ​ซื่อ​อี๋​

ใช้เชือก​สีสด​เส้น​หนึ่ง​รวบ​มัด​เส้น​ผม​สีนิล​ ตวัด​พวง​ผม​สีนิล​มาไว้​ตรง​หน้าอก​ ประหนึ่ง​น้ำตก​สีดำ​ที่​ตก​ระ​ลงมา​ท่ามกลาง​ยอดเขา​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​เชือก​เส้น​นั้น​อย่าง​ละเอียด​ก็​สังเกตเห็น​ว่า​เป็น​เชือก​ที่​มีขนาด​เท่า​แค่​เหรียญทองแดง​ แต่​ถึงกับ​เป็น​การนำ​เส้นด้าย​เล็ก​บาง​เกือบ​ร้อย​กว่า​เส้น​มาขมวด​เข้าด้วยกัน​ อีก​ทั้ง​สีสัน​ของ​ด้าย​แต่ละ​เส้น​ยัง​แตก​ต่างกัน​ไป​

ราวกับว่า​สีสัน​ของ​ใต้​หล้า​แห่ง​นี้​ล้วน​ได้มา​รวมกัน​อยู่​ใน​เชือก​สีเส้น​นี้​หมด​แล้ว​

จุด​ที่​ลี้ลับ​มหัศจรรย์​ที่สุด​ก็​คือ​บน​ร่าง​ของ​เฟิงอี๋​ผู้​นี้​ไม่มีริ้ว​ปราณ​วิญญาณ​ใดๆ​ ไม่ได้​ร่าย​วิธีการ​ของ​ตระกูล​เซียน​ใดๆ​ ทว่า​ตลอดทั้ง​ร่าง​ของ​นาง​กลับ​ยังคง​สะอาด​เอี่ยม​ไม่แปดเปื้อน​ฝุ่นธุลี​สัก​เสี้ยว​

นี่​ก็​เหมือนกับ​ว่า​แท้จริง​แล้ว​ตัวนาง​เอง​ไม่ได้​อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​ แต่​เป็น​นัก​เดินทางไกล​ที่​เดิน​ท่อง​สายน้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ เพียงแค่​จงใจให้​คน​มองเห็น​เรือน​กาย​ของ​นาง​เท่านั้น​

ส่วน​ผู้ฝึก​ตน​อายุ​น้อย​ของ​ต้า​หลี​คนอื่นๆ​ ที่อยู่​บน​หลังคา​ แน่นอน​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ย่อม​ใส่ใจ แต่กลับ​ไม่ได้​แบ่ง​ความสนใจ​ไป​มอง​มาก​นัก​ ก็​แค่​ใช้หาง​ตา​มอง​ประเมิน​ไม่กี่​ที​ก็​สามารถ​เห็น​ทุกอย่าง​ได้​ครบถ้วน​แล้ว​

คน​รุ่นเยาว์​หก​คน​ที่​ต้า​หลี​ตั้งใจ​อบรม​ปลูกฝัง​มา ไม่เสียแรง​ที่​เป็น​นักรบ​เดนตาย​ที่​ผ่าน​การเข่นฆ่า​มานาน​ วินาที​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ปรากฏตัว​ ผู้​มีพรสวรรค์​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ทั้ง​หก​คน​ที่​ต่าง​ก็​มีป้าย​ห้อย​เอว​บอก​สถานะ​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่มีท่า​ทางจิต​หลุด​ มาก​พอ​จะเห็น​ได้​ถึงความ​แข็งแกร่ง​ของ​จิต​แห่ง​มรรคา​พวกเขา​

หญิงสาว​ที่​ป้าย​ห้อย​เอว​แกะสลัก​อักษร​คำ​ว่า​ ‘อู่​’ ไม่จำเป็นต้อง​ก้าว​เท้า​ ไม่จำเป็นต้อง​ร่าย​มน​ตรา​ก็​สามารถ​สร้าง​ฟ้าดิน​เล็ก​ขึ้น​มาปกป้อง​คน​ทั้ง​เจ็ด​ได้​ด้วยตัวเอง​ บน​หลังคา​ประหนึ่ง​มีหอ​มายา​เล็ก​จิ๋ว​แห่ง​หนึ่ง​ปราก​ฎขึ้น​ จำแลง​ออกมา​เป็น​ตำหนัก​จวน​เซียน​แห่ง​หนึ่ง​ ดิน​ภูเขา​ล้วน​เป็น​สีแดง​ ถ้ำภูเขา​ร้อย​เรียง​ติดกัน​ รูปร่าง​คล้าย​เมฆเรืองรอง​ ด้านใน​ถ้ำมีปราณ​สีม่วง​ลอย​อวล​ หอ​อัญมณี​ห้อง​หยก​ ลาน​กว้าง​ใสสะอาด​ ลดหลั่น​สลับสล้าง​ ทุกหนทุกแห่ง​ล้วน​เปล่งประกาย​แวววาว​เจิดจ้า​ ด้านใน​มีเสียงดนตรี​บรรเลง​ดุจ​เสียงสวรรค์​ล่องลอย​ ราวกับว่า​เป็น​จวน​ของ​ซือ​มิ่งยุค​บรรพกาล​ เป็น​ที่พัก​ของ​เทพ​เซียน​ที่​มีขุนเขา​มากมาย​ร้อย​เรียง​ต่อกัน​

แม่นาง​น้อย​ที่​แขวน​ป้าย​ห้อย​เอว​อักษร​คำ​ว่า​ ‘ซวี​’ มือสอง​ข้าง​ใสแวววาว​เต็มไปด้วย​ยันต์​ลาย​เมฆ คล้ายคลึง​กับ​วิธีการ​ของ​คน​เย็บผ้า​อยู่​บ้าง​

บน​ไหล่​บอบบาง​ของ​นาง​มีสิ่งที่​คล้าย​กับ​กาย​ธรรม​ปรากฏ​ขึ้น​มา เรือน​กาย​เล็ก​จิ๋ว​ ความสูง​แค่​ชุ่น​กว่า​ รูปลักษณ์​เป็น​เด็กหนุ่ม​ มีกลิ่นอาย​ของ​เทพ​อัน​องอาจ​ พก​กระบี่​ สวม​ชุด​สีขาว​ บน​ศีรษะ​สวม​กวาน​ดอก​พุดตาน​ ใช้ไข่มุก​มังกร​สีขาว​หิมะ​มาเย็บ​ประดับ​เป็น​ชุด​ที่​สวมใส่​

ภิกษุ​น้อย​ที่​สวม​ชุด​เสื้อคลุม​สีพื้น​ห้อย​ป้าย​ห้อย​เอว​คำ​ว่า​ ‘เฉิน’​ หลับตา​ข้าง​หนึ่ง​ลืมตา​ข้าง​หนึ่ง​ ตรง​ตา​ข้าง​ที่​หลับ​ปรากฏ​เป็น​น้ำวน​ที่​มีฟ้าแลบ​ฟ้าร้อง​ ใต้​ฝ่าเท้า​ปรากฏ​เป็น​ผิวน้ำ​ราบเรียบ​เหมือน​กระจก​ แสงสว่าง​ของ​ประกาย​ดวงดาว​ส่องสว่าง​อยู่​ภายใน​ มีดอก​บัวผุด​ขึ้น​มาอย่าง​ต่อเนื่อง​ พวก​มัน​ส่าย​ไหว​อย่าง​มีชีวิตชีวา​ ดอกไม้​บาน​แล้วก็​ร่วงโรย​ แห้งเหี่ยว​หล่น​ลง​สู่น้ำ​ จากนั้น​ก็​มีบุปผา​ชูช่อ​ผลิบาน​ขึ้น​มาอีก​ เป็น​อย่างนี้​ซ้ำไปซ้ำมา​

อู่​ อาจารย์​ค่าย​กล​ หล่อหลอม​ถ้ำสวรรค์​บรรพกาล​ที่​มหา​มรรคา​ไม่สมบูรณ์​ขึ้น​มาแห่ง​หนึ่ง​ ซวี​ ผู้ฝึก​ตน​สำนัก​การทหาร​ บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​อายุ​ยัง​น้อย​ ยัง​ขัดเกลา​เรือน​กาย​ได้​ไม่ถึงระดับ​ ตอนนี้​จึงมีเพียง​มือสอง​ข้าง​ที่​ใช้วิธี​เย็บผ้า​ แต่กลับ​สามารถ​อาศัย​วิชา​อภินิหาร​ของ​สำนัก​การทหาร​ที่​เป็น​พรสวรรค์​บางอย่าง​มาละเมิด​กฎ​ ออกคำสั่ง​วิญญาณ​หยิน​ของ​เซียน​กระบี่​บรรพกาล​ท่าน​หนึ่ง​ เฉิน​ มีวิชา​อภินิหาร​ความคิด​บริสุทธิ์​ของ​ลัทธิ​พุทธ​

คน​ที่​เหลือ​อีก​สามคน​ ผู้ฝึก​กระบี่​ ‘เห​ม่า’ ผู้ฝึก​ลมปราณ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ ‘โห​ย่ว’​ ผู้ฝึก​ตน​ลัทธิ​เต๋า​ ‘เว่ย’​ ล้วน​อำพราง​ตน​ได้​ดีมาก​ ไม่มีใคร​รีบร้อน​ร่าย​วิชา​แสดง​ฝีมือ​

เฟิงอี๋​กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​แล้ว​ยิ้ม​หวาน​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​ก็​แค่​มารำลึก​ความ​หลังกับ​คนบ้านเดียวกัน​ครึ่งตัว​ พวก​เจ้าไม่ต้อง​ตื่นเต้น​ขนาด​นี้​ เก็บ​วิธีการ​ที่​ใช้ข่มขู่​คน​ลง​ไป​เถอะ​”

คน​ทั้ง​หก​ต่าง​ไม่สะทกสะท้าน​ เห็นได้ชัด​ว่าไม่ได้​ฟังคำสั่ง​จาก​นาง​ เฟิงอี๋​เอง​ก็​ไม่โกรธ​ ช่วยไม่ได้​ ตน​เป็น​แค่​ผู้​ถ่ายทอด​มรรคา​ที่​ไม่ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​คน​หนึ่ง​ อีก​ทั้ง​ตัวนาง​เอง​ยัง​เกียจคร้าน​ ถ่ายทอด​เวท​คาถา​มาหลาย​ปี​ขนาด​นี้​ เรียก​ได้​ว่า​เป็น​คน​ที่​ออก​ไป​ทำงาน​แต่​ไม่ออกแรง​ตาม​ความหมาย​ที่​แท้จริง​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​มีการ​จับจ้อง​จาก​ใคร​บาง​คนใน​อดีต​ บวก​กับ​ที่​ทุกๆ​ ช่วง​ระยะเวลา​หนึ่ง​จะมีการ​ตรวจสอบ​ประเมินผล​ นาง​ก็​คง​โยน​ตำรา​สอง​สามเล่ม​ออก​ไป​ให้​สิ้นเรื่อง​แล้ว​ จะเรียนรู้​สำเร็จ​หรือไม่​ล้วน​อาศัย​สติปัญญา​และ​โชควาสนา​ของ​แต่ละคน​ เกี่ยว​อะไร​กับ​นาง​ด้วย​ ก็​เหมือน​อย่าง​ตอนนี้​ เด็ก​หก​คน​ไม่เชื่อฟัง​ เฟิงอี๋​ก็​ปล่อย​ให้​พวกเขา​โอ้อวด​ฝีมือ​ของ​ตัวเอง​ไป​ ถึงอย่างไร​คน​ที่​สิ้นเปลือง​เรี่ยวแรง​เผาผลาญ​ปราณ​วิญญาณ​ก็​ไม่ใช่นาง​ นาง​จึงเพียงแค่​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​ยิ้ม​ถามว่า​ “คง​ไม่โทษ​ที่​ปี​นั้น​ข้า​โน้มน้าว​ให้​เจ้าหยุด​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​เพื่อ​แสดง​ความจริงใจ​ต่อ​คน​ทั้ง​เจ็ด​ซึ่งรวมถึง​เฟิงอี๋​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ไหน​เลย​จะกล้า​โทษ​ผู้อาวุโส​”

เฟิงอี๋​คลี่​ยิ้ม​ โอ้โห​ คืนนี้​กลับมา​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​ มอง​ดูเหมือน​สีหน้า​เป็นมิตร​ คำ​ก็​ผู้อาวุโส​ สอง​คำ​ก็​ผู้เยาว์​ แต่​ฟังจาก​น้ำเสียง​แล้ว​คล้าย​จะมีความนัย​ซ่อน​อยู่​ใน​คำพูด​ นิสัย​เจ้าอารมณ์​ของ​เซียน​กระบี่​มีไม่น้อย​เลย​จริงๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​ “ผู้อาวุโส​สนิท​กับ​อาจารย์​ฉีมาก​หรือ​?”

เฟิงอี๋​รู้สึก​ว่า​น่าสนใจ​ ไม่ได้​ให้​คำตอบ​ กลับ​ยิ้ม​ย้อนถาม​ “ใน​เมื่อ​เจ้าเป็น​ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ซิ่ว​ไฉเฒ่าแล้ว​ ฉีจิ้งชุน​ก็​คือ​ศิษย์​พี่​ของ​เจ้า ทำไม​ทุกวันนี้​ถึงยัง​เรียก​อาจารย์​ฉีอยู่​เล่า​?”

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ สิบ​นิ้ว​ประสานกัน​ เรือน​กาย​งอ​งุ้มลง​เล็กน้อย​ ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ก็​ข้า​เต็มใจ​นี่​นา​ ข้า​อยาก​เรียก​อย่างไร​ก็​จะเรียก​อย่างนั้น​ ต่อให้​ผู้อาวุโส​จะควบคุม​ฟ้าควบคุม​ดิน​ก็​ยัง​ควบคุม​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​จริงๆ​”

เฟิงอี๋​จุ๊ปาก​พูด​ “ถึงอย่างไร​ก็​เติบใหญ่​แล้ว​ ความ​เจ้าอารมณ์​ก็​มากขึ้น​ตามมา​ด้วย​ ข้า​จำได้​ว่า​ตอนที่​เจ้ายัง​เด็ก​เป็น​คน​ที่​พูด​ง่าย​อย่าง​มาก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “บอก​ผู้อาวุโส​ตามตรง​ อันที่จริง​ตอนนี้​ข้า​ก็​ยัง​พูด​ง่าย​อยู่​”

เฟิงอี๋​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ สอง​นิ้ว​บิด​หมุน​เชือก​หลาก​สีเส้น​นั้น​เบา​ๆ ยิ้ม​หวาน​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เงียบ​ตาม​ไป​ด้วย​

บรรยากาศ​พลัน​เปลี่ยน​มาเป็น​ชวน​อึดอัด​

บน​ทาง​ระเบียง​ของ​ปี​นั้น​มีคน​ห้า​คน​ที่​ทยอย​กัน​เปิดปาก​ หยาง​เหล่า​โถว​ของ​ร้าน​ยา​เป็น​คน​สุดท้าย​ แล้วก็​เป็น​บุคคล​คนเดียว​ที่​ตอนนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​สามารถ​มั่นใจ​ใน​สถานะ​ของ​เขา​ได้​

ส่วน​เฟิงอี๋​ผู้​นี้​ก็​คือ​คน​ที่​เปิดปาก​ขึ้น​มาคน​แรก​ก่อนที่​เฉิน​ผิง​อัน​จะก้าวเดิน​ไป​ข้างหน้า​ เพียงแค่​นาง​พึมพำ​เบา​ๆ ก็​กลายเป็น​เสียง​ล่อลวง​ใจคน​ตาม​ธรรมชาติ​ นาง​โน้มน้าว​ให้​เด็กหนุ่ม​คุกเข่า​ลง​ เพียง​เท่านั้น​ความโชคดี​ก็​จะมาเยือน​

ปี​นั้น​ใน​ถ้อยคำ​นี้​ของ​นาง​ หาก​ตัด​หยาง​เหล่า​โถวอ​อก​ไม่พูดถึง​ เมื่อ​เทียบ​กับ​น้ำเสียง​ของ​คน​ที่​เหลือ​อีก​สี่คน​ นาง​คือ​คน​ที่​ไร้​ความเย่อหยิ่ง​ที่สุด​ ราวกับ​…เป็น​คำ​บ่น​ของ​สตรี​คน​หนึ่ง​ที่มา​ซุก​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​ภูเขา​ อยู่​ว่าง​ไม่มีอะไร​ทำ​ก็​จะเลิก​ม่าน​ดอกไม้​ขึ้น​ พอ​เห็น​บุปผา​ใน​ลานบ้าน​ต้อง​ลม​ส่าย​ไหว​พอ​ช่วย​ขจัด​ความ​เกียจคร้าน​จึงกระตุ้น​ความสนใจ​ของ​นาง​ได้​บ้าง​ จึงเอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ขึ้น​มาง่ายๆ​ บอ​กว่า​อย่า​เพิ่ง​รีบร้อน​ไป​จาก​กิ่งไม้​

คน​ที่สอง​ที่​เปิดปาก​กลับ​ไม่ค่อย​เกรงใจ​นัก​ บอก​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​เป็น​มนุษย์​ธรรมดา​รีบ​คุกเข่า​ลง​โดย​ไว​

คน​ที่สาม​ น้ำเสียง​ราบเรียบ​ ราวกับ​กำลัง​พูด​หลักการ​อย่างหนึ่ง​ที่​ถูก​ต้องตาม​หลัก​ฟ้าดิน​ คน​ที่สี่​น้ำเสียง​แก่​ชรา​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ประสบการณ์​อัน​โชกโชน​ เตือน​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ครั้งสุดท้าย​ว่า​หาก​สวรรค์​มอบให้​แต่​ไม่ยอมรับ​ไว้​ย่อม​ต้อง​ถูก​ลงทัณฑ์​

แต่ว่า​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ของ​ตระกูล​เซียน​ยาก​ที่จะ​คาดเดา​จิตใจ​ ความคิด​ลึกล้ำ​ยาว​ไกล​ เรื่อง​ที่​วางแผน​ไว้​เกี่ยวพัน​สืบเนื่อง​นาน​ร้อย​ปี​พันปี​ เป็นเหตุให้​คน​ที่​พูดจา​ดุร้าย​กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะมีเจตนาร้าย​ แต่​คน​ที่​พูดจา​อ่อนหวาน​เหมือน​สายลม​บางเบา​โชย​มาพร้อม​สายฝน​กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะหวังดี​

ความอำมหิต​ของ​คน​ดุร้าย​ ต่อให้​จะพูดคุย​ด้วย​เสียงหัวเราะ​ แต่กลับ​เต็ม​ล้น​ไป​ด้วย​ปราณ​สังหาร​ คนดี​ที่​เป็นมิตร​ ต่อให้​เป็น​จิตวิญญาณ​ที่มา​เยือน​ใน​ความฝัน​ก็​ยัง​เป็นมิตร​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!