แสงกระบี่บนม่านฟ้าเส้นนั้นพุ่งลงมาเป็นเส้นตรง ดิ่งลงมายังโลกมนุษย์
ผลคือสารถีเฒ่าผู้นั้นคล้ายหุ่นไม้ที่ยืนนิ่งไม่ขยับ ฮึกเหิมห้าวหาญ ยืนบื้ออยู่ที่เดิมรับแสงกระบี่เส้นนั้นไว้อย่างจัง เพียงแค่ยกสองมือชูขึ้นสูงฝืนรับกระบี่เอาไว้
ถึงอย่างไรในสายตาของหลิวเจียก่อกำเนิดผู้เฒ่าที่รับผิดชอบเฝ้าตรอกเล็กก็คือเขามีมาดองอาจเช่นนี้ พลันรู้สึกนับถือสุดใจ คิดไม่ถึงว่าในเมืองหลวงต้าหลีจะซุกซ่อนวีรบุรุษที่มีเรี่ยวแรงพอจะชักดึงขุนเขาสายน้ำเช่นนี้อยู่ด้วย มีโอกาสต้องไปดื่มเหล้ากับเขาสักหน่อยแล้ว
นาทีถัดมาสารถีผู้เฒ่าก็ถูกกระบี่หนึ่งโจมตีจนร่างทะลุพื้นดินลงไป เรือนกายฝังอยู่ใต้ดินของเมืองหลวงต้าหลีลึกหลายสิบลี้ บนถนนปรากฏเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่เท่าปากบ่อ เนื่องจากแสงกระบี่เฉียบคมเกินไป พื้นดินรอบด้านจึงถึงกับไม่มีรอยแตกร้าวแม้แต่น้อย
ทว่าในสายตาของเฉินผิงอัน ไหนเลยจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ อันที่จริงตอนที่เกิดน้ำวนบนม่านฟ้า สารถีผู้เฒ่าก็เริ่มโคจรวิชาอภินิหารบางอย่างแล้ว เป็นเหตุให้เรือนกายเหมือนนครแก้วใสแห่งหนึ่ง เหมือนกับสถานประกอบพิธีกรรมที่เกิดจากการประกอบรวมกันของแก้วใสนับพันนับหมื่นชิ้น ผู้เฒ่าที่เลือกจะแฝงตัวมานานเหมือนเฟิงอี๋เทพแห่งสายลมต้องไม่มีทางยินดีฝืนรับแสงกระบี่เส้นนั้นเอาไว้แน่นอน
ขณะเดียวกันสารถีผู้เฒ่าก็เหลือบมองไปยังทิศทางของเมืองหลวงแห่งที่สองที่อยู่ภาคกลาง เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยให้แสงกระบี่ของที่นั่นเปล่งแสง กระบี่ปะทะกระบี่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ป๋ายอวี้จิงจำลองของต้าหลีถึงทำราวกับว่ามองไม่เห็น เห็นชัดๆ กันอยู่ว่านี่คือการออกกระบี่ของเซียนกระบี่ขอบเขตบินทะยาน ไม่คิดจะจัดการบ้างหรือ?!
ดังนั้นชั่วพริบตาที่แสงกระบี่หล่นลงมาจากน้ำวน สารถีผู้เฒ่าจึงหดย่อพื้นที่อย่างไม่ลังเล ก้าวเดียวก็ออกไปจากเมืองหลวง ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากเมืองหลวงไปร้อยลี้ จากนั้นเรือนกายก็เหมือนแก้วใสที่ระเบิดแตกดังเพล้ง กลายร่างเป็นลำแสงหลากสีหลายร้อยเส้นแล้วกระจายกันออกไป หลบหนีไปสี่ด้านแปดทิศ ผลคือในน้ำวนบนม่านฟ้ากลับมีแสงกระบี่ที่ปราณสังหารเข้มข้นอีกหลายร้อยเส้นปรากฎขึ้นมา แต่ละเส้นล้วนชี้ไปยังทิศทางที่เรือนกายลำแสงของสารถีผู้เฒ่าหลบหนีไปอย่างแม่นยำ บีบให้สารถีเฒ่าได้แต่รวบรวมแสงแก้วใสกลับคืนมาเป็นเรือนกายอีกครั้ง จากนั้นก็แข็งใจหดย่อขุนเขาสายน้ำอีกรอบ หวนกลับมายังพื้นที่เดิมบนถนนของเมืองหลวง เพราะมีเพียงแสงกระบี่เส้นแรกที่จิตสังหารเบาที่สุด ปราณสังหารเจือจางมากที่สุด
ราวกับว่าหนิงเหยาผู้นั้นกำลังใช้เหตุผลที่เรียบง่ายที่สุดกับสารถีเฒ่า ไม่หนี ก็คือต้องรับกระบี่ หนี ก็คือการถามกระบี่
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ในเมืองหลวงแห่งหนึ่ง เกรงว่านอกจากเฉินผิงอันและเฟิงอี๋ที่เงยหน้าชมเรื่องสนุกจากศาลเทพอัคคีแล้ว คงไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ถึงการ ‘พลิกกลับไปกลับมาร้อยพันตลบ’ ของสารถีผู้เฒ่าคนนี้อีก
ใต้พื้นดิน สารถีเฒ่ายืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ สวมเสื้อเกราะสีทอง มือเท้าล้วนมีเจียวหลงสีทองขดตัวรัดพัน ใต้ฝ่าเท้าของผู้เฒ่ามีกระแสน้ำวนที่เกิดจากเลือดสดสีทองไหลมารวมตัวกัน เรือนกายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลถึงกับถูกกระบี่หนึ่งผลาญจิตแห่งเทพไปมากมายถึงเพียงนี้
เวลานี้ผู้เฒ่าคล้ายยืนอยู่ในก้นบ่อน้ำแห่งหนึ่ง เป็นบ่อกระบี่ที่สมชื่ออย่างแท้จริง ปราณกระบี่เล็กบางจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับกัน ปณิธานกระบี่บริสุทธิ์จนแทบจะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง เป็นเหตุให้ปากบ่อเข้มข้นเหมือนน้ำสีเงินไหลริน ในนั้นยังซุกซ่อนวิถีกระบี่ที่โคจรไม่หยุดนิ่งเอาไว้ด้วย นี่เป็นเหตุให้ผนังทรงกลมของบ่อน้ำถึงกับเกิดร่องรอยของการ ‘กลายเป็นมรรคา’ ประเภทหนึ่ง หากไปวางไว้บนภูเขา นี่ก็คือร่องรอยเซียนอย่างสมชื่อ ถึงขั้นที่ว่าสามารถมองเป็นคัมภีร์กระบี่ชั้นสูงบทหนึ่งที่มากพอจะทำให้ผู้ฝึกกระบี่รุ่นหลังซึ่งตั้งใจศึกษาทำความเข้าใจไปได้นานนับร้อยปี!
หญิงสาวสะพายกล่องกระบี่คนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่เล็กบางราวกับลำธาร ในเมื่อร่างกายอยู่นอกเหนือจากห้าธาตุ รากภูเขาและดินที่อยู่เบื้องล่างเมืองหลวงต้าหลีแน่นอนว่าไม่อาจพันธนาการร่างกายของนางได้ นางขี่กระบี่หยุดลอยตัวนิ่ง จิตของหนิงเหยาแค่ขยับไหวเล็กน้อย ร่องรอยการจำแลงมรรคาเวทกระบี่ของบ่อน้ำก็พลันแหลกสลาย จากนั้นจึงถามว่า “ฝึกฝนฝีมือกันหน่อยไหม?”
เฉินผิงอันเพิ่งจะถามหมัดกับเฉาสือที่สวนกงเต๋อศาลบุ๋นไป ช่วงเวลาอันใกล้นี้จึงไม่เหมาะจะลงมือ ตัวเขาเองเป็นเหมือนถังยา การออกกระบี่ที่ภูเขาตะวันเที่ยงคือการชำระบัญชีแค้นที่สะสมมานานหลายปี หนิงเหยาไม่สะดวกจะขัดขวาง แต่ในเมืองหลวงต้าหลี เฉินผิงอันแค่ต้องการมาขอคำอธิบายจากไทเฮาเหนียงเนียงของต้าหลีเท่านั้น ดังนั้นจะเป็นเฟิงอี๋ก็ดี สารถีก็ช่าง ไม่ว่าใครก็ตาม ขอแค่คิดจะลงมือกับเฉินผิงอัน ก็ต้องถามนางก่อนว่าจะตอบตกลงหรือไม่
สารถีเฒ่าถามเสียงหนัก “เจ้าอยู่ที่ใต้หล้าห้าสีเคยฆ่าเทพชั้นสูงหรือ?!”
หนิงเหยาย้อนถาม “ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร?”
เป็นสองประโยคที่สารถีเฒ่าพูดกับเฉินผิงอัน
หนิงเหยาได้มอบกลับคืนไปให้สารถีเฒ่าผู้นี้พอดี
สารถีเฒ่าเงียบไปพักใหญ่ “ข้าแค่ประมือกับเฉินผิงอัน เจ้าที่เป็นคนต่างถิ่นเป็นคนนอกมายุ่งอะไรด้วย?”
อันที่จริงความหมายของสารถีเฒ่าก็คือ เมืองหลวงต้าหลีแห่งนี้ ข้าจะพลิกบัญชีเก่ากับเฉินผิงอันก็ดี หรือจะฝึกปรือฝีมือกับเขาก็ช่าง อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่มีทางมีใครตายแน่ เจ้าหนิงเหยาเป็นคนต่างถิ่นคนหนึ่ง มายุ่งอะไรด้วย แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าห้าสีแล้ว ทุกการออกกระบี่ในใต้หล้าไพศาลก็ควรช่างน้ำหนักกฎเกณฑ์แห่งฟ้าส่วนนี้ให้ดี รวมไปถึงโรคภัยที่จะทิ้งไว้เบื้องหลังหลังจากที่ ‘ปณิธานฟ้า’ ของมหามรรคาที่มองไม่เห็นของสองใต้หล้าปะทะกันด้วย!
ผลคือไม่พูดประโยคนี้ยังดี ปณิธานกระบี่บนร่างของหนิงเหยายังถือว่าราบเรียบ ปราณสังหารไม่เข้มข้น รอกระทั่งคำพูดประโยคนี้หลุดออกจากปากของสารถีเฒ่า เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที ราวกับว่าหนิงเหยาผู้นี้รับฟังคำพูดเข้าหู รับความหมายตามตัวอักษรเข้าไป แต่กลับฟังความนัยในคำพูดของสารถีเฒ่าไม่ออก
หนิงเหยาหรี่ตาลง ยิ้มบางๆ “ผู้อาวุโสพูดประโยคที่เป็นธรรม”
ข้ากับเจ้าหมอนั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน
มาสู่ขอที่บ้าน ถ้อยคำของแม่สื่อ มอบหนังสือหมั้นส่งของขวัญกลับคืน ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยทำอะไรสักอย่างเลยจริงๆ
หากจะบอกว่าตอนอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ยังมีเหตุผลร้อยแปด เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสไม่รักษาคำพูดอะไรทำนองนั้น รอกระทั่งเขากลับคืนบ้านเกิดอย่างปลอดภัยแล้ว ตนถึงกับพกกระบี่มาเยือนไพศาลแล้ว เจ้าหมอนั่นก็ยังแกล้งโง่อยู่แบบนี้ ถ่วงเวลาแล้วถ่วงเวลาอีก ข้าชอบเขาจึงไม่พูดอะไร แล้วนับประสาอะไรกับที่เรื่องบางอย่าง จะให้สตรีพูดได้อย่างไร ควรจะเปิดปากพูดอย่างไร?
แต่เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้มาเตือนเรื่องพวกนี้กับข้าหนิงเหยา?
นาทีถัดมา
ร่างของสารถีเฒ่าก็ถูกกระบี่หนึ่งซัดจนลอยพ้นออกมาจากพื้นดิน หนิงเหยาใช้อีกกระบี่กระแทกอีกฝ่ายให้ออกไปจากแจกันสมบัติทวีป หล่นร่วงลงในมหาสมุทรใหญ่ ร่างของสารถีเฒ่าเอนปักลงในทะเลกว้าง เกิดเป็นพื้นดินไร้น้ำขนาดมหึมา เหมือนปากถ้วยขนาดใหญ่ คลื่นลูกยักษ์ซ้อนตัวหลายชั้นซัดออกไปสี่ด้านแปดทิศ ปั่นป่วนโชคชะตาน้ำในพื้นที่รัศมีพันลี้ได้อย่างสิ้นเชิง
สารถีเฒ่าคุกเข่าข้างเดียว กระอักเลือดไม่หยุด เลือดล้วนเป็นสีทองทั้งหมด แต่ผู้เฒ่าก็ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า จุดที่ร่างของตนร่วงลงมาถึงกับเป็นกุยซวีที่ถูกซ่อนแฝงไว้แห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของสุสานใจกลางมหาสมุทร? และคงไม่ใช่ว่าสถานที่แห่งนี้ แท้จริงแล้วเชื่อมโยงไปยังใต้หล้าใหม่เอี่ยมแห่งนั้นหรอกนะ?!
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่หนิงเหยาสังหารไปตอนอยู่ใต้หล้าห้าสี คือหนึ่งในสิบสองเทพชั้นสูงใต้อาณัติของผู้สวมเสื้อเกราะ เทพตาเดียว?
ไม่อย่างนั้นซากปรักพื้นที่บรรพกาลแห่งนี้และแผนการของเปลี่ยวร้างที่แม้แต่ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางก็ยังไม่ค้นพบ นางจะมองออกในปราดเดียวได้อย่างไร?
หนิงเหยาสีหน้าไร้อารมณ์ “ถอยไป อย่าขวางการออกกระบี่”
สารถีเฒ่าเหมือนได้รับอภัยโทษ พลันหนีหายไปในเสี้ยววินาที ตัดสินใจแล้วว่าจะหลบเลี่ยงประกายเฉียบคมของนาง ไม่กลับไปที่ต้าหลีเด็ดขาด
หนิงเหยาขยับเส้นสายตาไปเล็กน้อย หรี่ตาลงเอ่ยว่า “ให้เจ้ากลับมาที่เมืองหลวงต้าหลี มารำลึกความหลังกับใครบางคนให้ดี เจรจาสำเร็จ ต่างคนต่างเดินคนละทาง เจรจาไม่สำเร็จ เจ้าก็เชิญหนีไปได้ตามสบาย ถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคล พื้นที่ลับปริแตก จะไปหลบซ่อนตัวที่ไหนก็เชิญ หากหาตัวเจ้าไม่เจอก็ถือว่าข้าแพ้”
หนิงเหยาขี่กระบี่มาหยุดลอยอยู่เหนือมหาสมุทรใหญ่ เอ่ยแค่สองคำว่า “มานี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!