กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 837

เฉิน​ผิง​อัน​บอ​กว่า​จะออก​ไป​ข้างนอก​ จะไปหา​เฟิงอี๋​ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​ให้​นาง​ช่วย​เรียก​คน​มา จะถามคำถาม​สารถี​เฒ่าคน​นั้น​สามข้อ​ บางที​อาจ​ยัง​ต้อง​ไป​พบ​เพื่อน​ที่​ที่ว่าการ​กรม​คลัง​สัก​รอบ​ หนิง​เหยา​พยักหน้า​รับ​ หยิบ​เอา​นิยาย​ที่​พูดถึง​บุญคุณ​ความแค้น​ใน​ยุทธ​ภพ​โดยเฉพาะ​ออกมา​สอง​สามเล่ม​ เลือก​เล่ม​หนึ่ง​ใน​นั้น​มา เปิด​ไป​ถึงหน้าที่​พับ​กระดาษ​ไว้​ นาง​อ่าน​อย่าง​เพลิดเพลิน​จริงๆ​ เฉิน​ผิง​อัน​เหลือบตา​มอง​เนื้อหา​แวบ​หนึ่ง​ เห็น​ว่า​ตรง​ช่วง​ท้าย​ของ​หน้า​นั้น​เขียน​ว่า​ใน​ค่ำคืน​ที่​มีพายุฝน​ ตัวละคร​หลัก​ถูก​ศัตรู​คู่แค้น​ไล่​ตามมา​สังหาร​ จึงจับ​ผลัด​จับ​ผลู​เข้าไป​หลบภัย​ใน​ศาล​ร้าง​กลาง​ป่า​แห่ง​หนึ่ง​ เจอ​คน​ผู้​หนึ่ง​นั่ง​ตัวตรง​อยู่​ใน​ห้องโถง​ ดวงตา​หงส์​ มีหนวดเครา​งดงาม​ สวม​ชุด​เขียว​ ภายใต้​แสงไฟสามารถ​มองเห็น​กลิ่นอาย​ของ​ผู้​มีประสบการณ์​อัน​โชกโชน​…เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ เอาล่ะ​ ข้า​กล้า​เดิมพัน​เลย​ว่า​ต้อง​เจอ​กับ​เรื่อง​อัศจรรย์​อีก​แน่นอน​ คน​ที่​ตามมา​ไล่​ฆ่ากลุ่ม​นั้น​ ขอ​แค่​มีใคร​สัก​คน​สามารถ​รอด​ปลอดภัย​ออก​ไป​จาก​ศาล​ได้​ก็​ถือว่า​ข้า​แพ้​ หนิง​เหยา​เหลือบตา​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ ให้รางวัล​เขา​แค่​สอง​คำ​ว่า​ หุบปาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ที่​โต๊ะ​คิดเงิน​ของ​โรงเตี๊ยม​ กลายเป็น​ว่า​แม้แต่​ผู้เฒ่า​ที่เกิด​และ​เติบ​โตมา​ใน​เมืองหลวง​ต้า​หลี​อย่าง​เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​ก็​ยัง​ไม่อาจ​บอก​ตำแหน่ง​ที่​แน่ชัด​ของ​ศาล​เทพ​อัคคี​แห่ง​นั้น​ได้​ ได้​แต่​บอก​ตำแหน่ง​คร่าวๆ​ เถ้าแก่​ผู้เฒ่า​รู้สึก​ประหลาดใจ​อยู่​บ้าง​ เฉิน​ผิง​อันเป็น​คนต่างถิ่น​ใน​ยุทธ​ภพ​ มาที่​เมืองหลวง​ ไม่ไป​เยือน​วัดวาอาราม​ที่​ชื่อเสียง​เลื่องลือ​กว่า​ แต่​ดัน​จะไป​ศาล​เทพ​อัคคี​แห่ง​นี้​ทำ​อะไร​ ใน​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ ศาล​บูร​พก​ษัตริย์​ของ​สกุล​ซ่ง ศาล​บุ๋น​ที่ตั้ง​บูชา​อริยะ​ปราชญ์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ ศาล​จักรพรรดิ​ที่บูชา​จักรพรรดิ​รุ่น​แล้ว​รุ่น​เล่า​ คือ​ศาล​ใหญ่​สามแห่ง​ที่​ได้รับ​การ​ยอมรับ​โดย​ทั่วกัน​ เพียงแต่ว่า​พวก​ชาวบ้าน​ไม่อาจ​ไป​เยือน​ได้​ ทว่า​นอกจากนี้​แล้ว​ พูดถึง​แค่​งานวัด​ของ​ศาล​เทพ​อภิบาล​เมือง​และ​ศาล​เทพ​แห่ง​ผืนดิน​ก็​ล้วน​ครึกครื้น​อย่างยิ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​หา​ศาล​เทพ​อัคคี​เพียง​หนึ่งเดียว​ของ​เมืองหลวง​จน​เจอ​ หญิง​ชรา​คน​เฝ้าศาล​ที่​ทำหน้าที่​เฝ้าประตู​คือ​คนธรรมดา​ นาง​อายุ​มาก​แล้ว​ เส้น​ผม​ขาวโพลน​ ลักษณะ​แก่​หง่อม​ แต่​ก็​รู้จัก​ป้าย​สงบสุข​ที่​กรม​อาญา​แจกจ่าย​ให้​แก่​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ ได้ยิน​ว่า​อีก​ฝ่าย​ต้องการ​มาหา​เฟิงอี๋​ หญิง​ชรา​ก็​จด​ชื่อ​ลง​ใน​บันทึก​ตาม​กฎ​แล้ว​ปล่อยตัว​มา ตอนที่​เขียน​ชื่อ​แขก​ที่มา​เยี่ยมเยือน​ หญิง​ชรา​ยิ้ม​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​เซียน​ซือ​มีชื่อ​ที่​ดี​ เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​ตอบ​ว่า​เป็น​ชื่อ​ที่​พ่อแม่​ตั้ง​ให้​ หญิง​ชรา​พยักหน้า​รับ​ บอก​กฎ​ข้อห้าม​ใน​ศาล​เทพ​อัคคี​ให้​คนหนุ่ม​ฟัง จากนั้น​จึงบอกทาง​ให้​ บอ​กว่า​เฟิงอี๋​อยู่​ที่​ซุ้มดอกไม้​

เฉิน​ผิง​อัน​เดินตาม​เส้นทาง​ไป​ก็​เจอ​กับ​เฟิงอี๋​ผู้​นั้น​ นาง​นั่ง​อยู่​บน​บันได​หิน​ใต้​ซุ้มดอกไม้​อย่าง​เกียจคร้าน​ เช้าตรู่​ก็​ดื่มเหล้า​เสียแล้ว​ ราวกับว่า​อยู่​ใน​ท่าทาง​เมากรึ่ม​ๆ เช่นนี้​ตลอด​ทั้งปี​ นอกจาก​ยังคง​ใช้เชือก​สีเส้น​นั้น​มัด​เส้น​ผม​สีนิล​แล้ว​ วันนี้​นาง​ยัง​แต่งกาย​แบบ​ใหม่​ สวม​ชุด​กระโปรง​สีราก​บัว​ผูก​แถบ​ผ้า​สีชมพู​ระเรื่อ​ ถ้อยคำ​บางอย่าง​ที่​ใช้อธิบาย​เทพ​หญิง​ใน​นิยาย​เรื่องเล่า​อัศจรรย์​ เอา​มาใช้กับ​นาง​นับว่า​เหมาะสม​ที่สุด​ ท่วงท่า​ดุจ​เมฆคล้อย​ จิตวิญญาณ​แห่ง​ดวงจันทร์​ พอ​เห็น​เฉิน​ผิง​อัน​ เฟิงอี๋​ก็​แค่​ยก​กา​เหล้า​ใน​มือขึ้น​ ถือว่า​เป็น​การทักทาย​แล้ว​ นาง​ยืด​เอว​ขึ้น​ตรง​เล็กน้อย​ เก็บ​เสน่ห์​ที่​แผ่​อวล​อยู่​หว่าง​คิ้ว​ลง​ไป​ สตรี​หน้าตา​งดงาม​เกินไป​ มีเสน่ห์​เย้ายวน​ตาม​ธรรมชาติ​เกินไป​ก็​เป็นปัญหา​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ใน​บ้าน​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ยังมี​ไห​น้ำส้ม​ (เปรียบเปรย​ถึงคน​ขี้หึง​ ภาษาจีน​จะมีสำนวน​กิน​น้ำส้ม​ ซึ่งหมายถึง​การ​หึงหวง​) อยู่​อีก​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​เฟิงอี๋​ผู้​นี้​ มีอยู่​ครู่หนึ่ง​ที่​เขา​เหม่อลอย​ไป​ เพราะ​นึกถึง​เรือน​หลัง​ของ​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​ขึ้น​มา ที่นั่น​เคย​มีผู้เฒ่า​คน​หนึ่ง​นั่ง​สูบยา​อยู่​ตลอด​ทั้งปี​

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​นั่งลง​บน​ขั้นบันได​เลียนแบบ​เฟิงอี๋​ แต่​ไป​นั่ง​อยู่​บน​ม้านั่ง​หิน​ด้าน​ข้าง​ซุ้มดอกไม้​ เฟิงอี๋​ยิ้ม​ถาม “ดื่มเหล้า​หรือไม่​? เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​ที่​รสชาติ​ดั้งเดิม​ที่สุด​ ทุก​ไห​ล้วน​หมัก​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​ พวก​เหนียง​เนียง​เทพี​บุปผา​ทั้งหลาย​ ถึงอย่างไร​ก็​ยัง​เป็น​สตรี​นี่​นะ​ จิตใจ​ละเอียดอ่อน​ เก็บ​ซ่อน​เหล้า​ไว้​ใน​คลัง​ได้​ดีเยี่ยม​ รสชาติ​กลมกล่อม​ไม่คลาดเคลื่อน​ ปี​นั้น​ข้า​เดินทาง​ไป​เยือน​พื้นที่​มงคล​ จะให้​เหนื่อย​เปล่า​ก็​คง​ไม่ได้​ จึงกวาด​เอา​มาได้​ไม่น้อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยัก​หน้ายิ้ม​รับ​ เฟิงอี๋​จึงโยน​เหล้า​ร้อย​บุปผา​กา​หนึ่ง​มาให้​ เฉิน​ผิง​อัน​รับ​กา​เหล้า​มา คล้าย​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​ได้​จึงบิด​หมุน​ข้อมือ​ หยิบ​เอา​เหล้า​ภูเขา​ชิงเสิน​ที่​ร้าน​ตัวเอง​เป็น​ผู้​หมัก​ออกมา​สอง​กา​ โยน​ให้​เฟิงอี๋​หนึ่ง​กา​ ถือเป็น​ของขวัญ​ตอบแทน​กลับคืน​ อธิบาย​ว่า​ “เฟิงอี๋​ลอง​ชิมดู​ เปิด​ร้านเหล้า​เล็ก​ๆ ร่วมกับ​คนอื่น​ ขาย​ได้​เยอะ​พอสมควร​”

เฟิงอี๋​รับ​กา​เหล้า​มาวาง​ไว้​ข้าง​หู​ เขย่า​เบา​ๆ แล้ว​คลี่​ยิ้ม​ประหลาด​ ด้วย​สุรา​นี้​ อายุ​ก็ดี​ รสชาติ​ก็ช่าง​ ก็​ยัง​กล้า​เอา​ออกมา​มอบให้​คนอื่น​ด้วย​หรือ​?

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “แน่นอน​ว่า​อยู่​ไกล​เกิน​กว่า​จะเทียบ​เหล้า​ร้อย​บุปผา​ของ​เฟิงอี๋​ได้​ เพียงแต่​เหนือกว่า​ตรง​ที่​เป็น​ของดี​ราคา​ถูก​ ของดี​ราคา​ถูก​ คน​เลือก​เหล้า​ เหล้า​ไม่เลือก​คน​นี่​นะ​”

เฟิงอี๋​โยน​เหล้า​อีก​กา​หนึ่ง​ไป​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ เอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “คิด​จะเก็บ​เหล้า​ร้อย​บุปผา​กา​นั้น​ของ​ข้า​เอาไว้​ก็​บอก​มาตรงๆ​ ขอ​จาก​เฟิงอี๋​เพิ่ม​อีก​กา​ มีอะไร​ให้​ต้อง​อาย​ ใน​สายตา​มีแต่​เงิน​จริงๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ถือสา​ ใน​เมื่อ​เฟิงอี๋​ผู้​นี้​คือ​สหาย​ของ​อาจารย์​ฉี ถ้าอย่างนั้น​ก็​เป็น​ผู้อาวุโส​ของ​ตน​ ถูก​ผู้อาวุโส​ตำหนิ​ไม่กี่​คำ​ ไม่ต้อง​สนใจ​ว่า​มีเหตุผล​หรือไม่​มี แค่​ฟังไป​ก็​พอ​

เฉิน​ผิง​อัน​หยิบ​เหล้า​กา​หนึ่ง​ออกมา​ เปิดผนึก​ดิน​กระดาษ​แดง​ของ​กา​เหล้า​ออก​ ริน​เหล้า​ใส่ถ้วย​หนึ่ง​ถ้วย​ ทั้ง​กระดาษ​แดง​และ​ดิน​เหลือง​ผนึก​ปาก​ไห​ล้วน​ไม่ธรรมดา​ โดยเฉพาะ​อย่าง​หลัง​ ธาตุ​ของ​ดิน​ค่อนข้าง​ประหลาด​ เฉิน​ผิง​อัน​ใช้สอง​นิ้ว​คีบ​ดิน​ขึ้น​มาขยี้​เล็กน้อย​ อันที่จริง​คน​บน​โลก​ล่าง​ภูเขา​รู้​แค่​ประโยค​ว่า​อายุ​ยืน​ดั่ง​หิน​ทอง​ แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​ดิน​ก็​มีคำ​กล่าวถึง​อายุ​เช่นกัน​ เฉิน​ผิง​อัน​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “เฟิงอี๋​ ดิน​พวก​นี้​คือ​ดิน​หมื่น​ปี​ของ​พื้นที่​มงคล​ร้อย​บุปผา​หรือ​? เหล้า​ที่​ราคาแพง​ขนาด​นี้​ ทั้ง​ยังมี​เวลา​ยาวนาน​ คง​ไม่ใช่ว่า​ใน​อดีต​นำมา​บรรณาการ​ให้​ใคร​หรอก​กระมัง​?”

เฟิงอี๋​พยักหน้า​ “สายตา​ไม่เลว​ มอง​อะไร​ก็​ล้วน​เป็น​เงิน​ไป​หมด​ อีก​อย่าง​เจ้าก็​เดา​ถูก​แล้ว​ เหล้า​ร้อย​บุปผา​ที่​ใน​อดีต​ใช้ดิน​หมื่น​ปี​มาเป็น​ผนึก​ดิน​นี้​ ทุกๆ​ ร้อย​ปี​จะแบ่ง​ออก​เป็น​สามส่วน​ แบ่ง​กัน​นำ​ไป​บรรณาการ​ให้​แก่​กลุ่ม​อิทธิพล​สามกลุ่ม​ นอกจาก​จวน​ผี​หก​ตำหนัก​ของ​นคร​เฟิงตู​แล้ว​ ยังมี​ชิงจวิน​แห่ง​ภูเขา​ฟางจู้ที่​ดูแล​ถ้ำสวรรค์​พื้นที่​มงคล​บน​พื้นดิน​และ​เอกสาร​ของ​เซียน​ดิน​ทุกคน​ แต่​ชิงจวิน​คน​นี้​ไม่ใช่ตา​เฒ่าที่อยู่​ใน​เรือน​ด้านหลัง​ของ​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​หรอก​นะ​ อีก​ทั้ง​ชิงจวิน​ผู้​นี้​ยัง​ไม่มีความเกี่ยวข้อง​กับ​สรวงสวรรค์​เก่า​ด้วย​ แต่​ก็​ร้ายกาจ​มาก​เหมือนกัน​ ภูเขา​ฟางจู้ที่​ชิงจวิน​ปกครอง​ใน​อดีต​ เดิมที​ก็​เป็น​จวน​ซือ​มิ่งที่อยู่​สูงกว่า​ห้า​ขุนเขา​ของ​ไพศาล​ รับผิดชอบ​จัดการ​ชื่อ​คนตาย​และ​คน​ที่​ถือกำเนิด​ สุดท้าย​ถูก​บันทึก​ไว้​ใน​ ‘บันทึก​มิตาย​’ ของ​คำ​เขียว​บท​ม่วง​ซึ่งเป็น​ระดับสูง​ หรือไม่​ก็​เป็น​ ‘บันทึก​ถือกำเนิด​’ ใน​ยันต์​เหลือง​กระดาษ​ขาว​ที่​เป็น​ระดับ​กลาง​ เมื่อ​ทำการ​ ‘เชิญสลัก​ชื่อ​เซียน​’ ที่​ภูเขา​ฟางจู้ ชิงจวิน​ก็​เหมือน​เป็น​คน​ลงนาม​ สรุป​ก็​คือ​เป็น​กฎเกณฑ์​ชุด​หนึ่ง​ที่​ซับซ้อน​อย่าง​มาก​ เหมือนกับ​วงการ​ขุนนาง​ของ​โลก​ยุค​หลัง​…ช่างเถิด​ คุย​เรื่อง​นี้​น่าเบื่อ​เกินไป​ ล้วน​เป็น​ปฏิทิน​เหลือง​เก่าแก่​ไป​หมด​แล้ว​ พูดมาก​ไป​ก็​ไร้ประโยชน์​ ถึงอย่างไร​หาก​จะคิด​สืบสาว​ไป​ถึงต้นกำเนิด​จริงๆ​ ก็​ล้วน​ถือว่า​เป็น​การทดลอง​บางอย่าง​ใน​การ​ตั้ง​กฎเกณฑ์​ของ​ห​ลี่​เซิ่งใน​อดีต​มากกว่า​ เดิน​อ้อม​เส้นทาง​ก็ดี​ เดิน​วน​ไป​ไกล​ก็ดี​ เดิน​บน​มหา​มรรคา​ก็ช่าง​ สรุป​ก็​คือ​…ค่อนข้างจะ​เหนื่อยยาก​ เอาเป็นว่า​หาก​เจ้าสนใจ​เรื่องเก่าแก่​ปีมะโว้​พวก​นี้​จริงๆ​ ก็​สามารถ​ไป​ถามอาจารย์​ของ​เจ้าดู​ได้​ ซิ่ว​ไฉเฒ่าอ่านหนังสือ​เบ็ดเตล็ด​ค่อน​ข้างมาก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถามหยั่งเชิง​ “ธวัล​ทวีป​มีสำนัก​แห่ง​หนึ่ง​ชื่อว่า​ภูเขา​จิ่ว​ตู​ ศาล​บรรพ​จารย์​มีคน​ผู้​หนึ่ง​ที่​มีสถานะ​เป็น​ผู้สืบทอด​อย่าง​ลับ​ๆ ชื่อว่า​เหวย​เปีย​น​หลา​ง หรือ​อีก​ชื่อ​คือ​เป่า​จี๋เฉิง ถูก​จัด​ให้​อยู่​ใน​ทะเบียน​เขียว​ มีความเกี่ยวข้อง​ด้าน​การสืบทอด​กับ​ภูเขา​ฟางจู้นี่​หรือไม่​?”

หนึ่ง​ใน​ผู้ฝึก​ตน​ต่างถิ่น​ใน​สาย​อิ่น​กวาน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ เติ้ง​เหลียง​ ก็​คือ​เจ้ายอดเขา​ซู่หรา​นของ​ภูเขา​จิ่ว​ตู​ธวัล​ทวีป​ ทุกวันนี้​ยัง​เป็น​ผู้​ถวายงาน​คน​แรก​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​นคร​บิน​ทะยาน​

เฟิงอี๋​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “ก็​แค่​ได้​พึ่งใบบุญ​เล็กน้อย​เท่านั้น​ ภูเขา​จิ่ว​ตู​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ ไหน​เลย​จะเอา​ไป​เทียบเคียง​กับ​ภูเขา​ฟางจู้ได้​ ก็​แค่​ว่า​บรรพบุรุษ​เปิด​ภูเขา​ของ​ภูเขา​จิ่ว​ตู​ได้​ภูเขา​ที่​ปริ​แตก​ส่วนหนึ่ง​ไป​ภายใต้​วาสนา​นำพา​ จึงได้​สืบทอด​สาย​เซียน​ที่​พอ​จะมีท่วงทำนอง​เหมือน​อยู่​บ้าง​อย่าง​ถูไถ”

ส่วน​กองกำลัง​ของ​สามฝ่าย​ ดูเหมือนว่า​เฟิงอี๋​จะตกหล่น​ฝ่าย​หนึ่ง​ไป​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงไม่ซักถาม​ให้​ถึงที่สุด​ เฟิงอี๋​ไม่พูด​ ต้อง​เป็น​เพราะ​ใน​นี้​มีข้อห้าม​ที่​ไม่อาจ​บอก​คนอื่น​อยู่​แน่นอน​

ใน​ประโยค​นี้​แสดงให้เห็น​ว่า​ความเคารพ​ที่​เฟิงอี๋​มีต่อ​ห​ลี่​เซิ่งออก​มาจาก​ใจจริง​

เฉิน​ผิง​อัน​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​จะถามอี​กว่า​ “ขอ​ถามเฟิงอี๋​ อาจารย์​ซาน​ซาน​จิ่ว​โหว​ผู้​นั้น​?”

เฟิงอี๋​ส่าย​หนา​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงไม่ถามมากความ​อีก​ ผล​คือ​เพียงแค่​ดื่มเหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​ไป​หนึ่ง​ถ้วย​ก็​ค้นพบ​ว่า​มัน​ถึงกับ​มีประโยชน์​ต่อ​จิตวิญญาณ​ไม่น้อย​ เหนือ​เกิน​กว่า​ที่​คาดคิด​ไว้​ ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​มนุษย์​ ช่อง​โพรง​ลมปราณ​ภูเขา​ทายาท​ที่​ยัง​ไม่ได้​บุกเบิก​ที่ดิน​ รวมไปถึง​ภูเขา​สายน้ำ​ลายเส้น​ขาว​ดำ​มากมาย​ที่​ลงสี​ไป​ได้​ไม่เยอะ​ ประหนึ่ง​พื้นดิน​แห้งแล้ง​มานาน​ได้​เจอ​กับ​ฝน​รส​หวาน​ชุ่มฉ่ำ ปราณ​วิญญาณ​เป็น​เส้น​ๆ หยด​ๆ รวมกัน​ดุจ​ม่าน​ฝน​ เหมือน​สายฝน​ที่​พร่าง​พรม​ลงมา​ เขา​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ที่​แท้จริง​ หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​เซียน​ดิน​คน​หนึ่ง​จะไม่เท่ากับ​ว่า​มีปราณ​วิญญาณ​เท​กระหน่ำ​ลงมา​โดยตรง​เลย​หรือ​? ส่วน​ผู้ฝึก​ตน​ห้า​ขอบเขต​ล่าง​ คาด​ว่า​แค่​ดื่มเหล้า​ถ้วย​นี้​ไป​ก็​คง​ถูก​ปราณ​วิญญาณ​ที่​เปี่ยมล้น​ทำให้​ ‘เมาล้มพับ​’ ไป​โดยตรง​ ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​จึงไม่คิด​จะดื่ม​ต่อ​แล้ว​ เหลือ​ค้าง​ไว้​ก่อน​ เหลือ​ค้าง​ไว้​ก่อน​ การ​ฝึก​ตน​ของ​ตน​แค่​ปล่อย​ให้​เป็นไป​ตามลำดับ​ขั้นตอน​ก็​พอ​ ของ​นอกกาย​ของ​ตระกูล​เซียน​ที่​ช่วย​สะสมปราณ​วิญญาณ​เช่นนี้​ ประโยชน์​ย่อม​มีไม่น้อย​ แต่​อันที่จริง​กลับ​มีความหมาย​ไม่มาก​นัก​ วันหน้า​จะเอา​เหล้า​สอง​กา​นี้​ไป​มอบให้​กับ​จางเจีย​เจิน​และ​เจี่ยงชวี่​ก็แล้วกัน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​จางเจีย​เจิน​นัก​บัญชี​ตัว​น้อย​ที่​เป็น​ลูกน้อง​ของ​เหวย​เห​วิน​หลง​ เด็กหนุ่ม​จาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ใน​อดีต​ เพราะ​ไม่อาจ​ฝึก​ตน​ ทุกวันนี้​จึงเริ่ม​มีผม​ขาว​แล้ว​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!