กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 837

เฟิงอี๋​แหงนหน้า​ดื่มเหล้า​หนึ่ง​อึก​ จากนั้น​นาง​จึงใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ “ปี​นั้น​ข้า​เคย​โน้มน้าว​ฉีจิ้งชุน​ อันที่จริง​คำกล่าว​ที่ว่า​วิญญูชน​ควร​อยู่​ห่างไกล​จาก​พื้นที่​อันตราย​นั้น​ถูกต้อง​แล้ว​ เจ้าจากไป​แล้วก็​ไม่เป็นไร​ พูดถึง​แค่​ตา​เฒ่าเหยา​ต้อง​ไม่มีทาง​ปล่อยปละละเลย​ไม่สนใจ​ ไม่อย่างนั้น​เขา​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ไป​เยือน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูด้วยซ้ำ​ จะต้อง​ออกจาก​ดินแดน​พุทธะ​สุขาวดี​กลับ​มายัง​ไพศาล​ แต่​ฉีจิ้งชุน​ก็​ยัง​ไม่ตอบ​ตกลง​ แต่​สุดท้าย​ก็​ไม่ได้​ให้เหตุผล​ว่า​ทำไม​”

คาด​ว่า​หนึ่ง​ใน​กรอบ​ป้าย​ของ​ซุ้มประตู​หิน​ที่​อริยะ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ทิ้ง​เอาไว้​ก็​คือ​คำตอบ​อย่าง​ไร้​เสียง​ของ​ฉีจิ้งชุน​ มิเกี่ยงงอน​ต่อ​หน้าที่​ที่​พึง​ปฏิบัติ​

เฉิน​ผิง​อัน​ก้มหน้า​ลง​มอง​รองเท้า​ผ้า​ของ​ตัวเอง​ พอ​เงยหน้า​ขึ้น​มาก็​ถามคำถาม​สุดท้าย​ว่า​ “เมื่อ​ชาติก่อน​ข้า​คือ​ใคร​?”

สารถี​เฒ่าส่ายหน้า​ “ไม่รู้​ เปลี่ยน​คำถาม​ข้อ​ใหม่​”

เฟิงอี๋​คลี่​ยิ้ม​ “ช่างเถิด​ ข้า​ช่วย​ตอบคำถาม​ให้​แทน​ก็แล้วกัน​ เฉิน​ผิง​อัน​ ไม่ต้อง​คิดมาก​ เจ้าไม่ใช่ใคร​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​มั่นใจ​ได้​ว่า​ชาติก่อน​เจ้าต้อง​ไม่ใช่ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​ที่​ร้ายกาจ​อะไร​แน่นอน​ แล้วก็​ไม่ใช่ยอด​ฝีมือ​ลัทธิ​พุทธ​ลัทธิ​เต๋า​อะไร​ด้วย​ เพราะ​ปี​นั้น​ข้า​เอง​ก็​สงสัย​ใคร​รู้​ จึงไป​ที่​ร้าน​ยา​ตระกูล​หยาง​ ตา​เฒ่าให้​คำตอบ​ที่​แน่ชัด​กับ​ข้า​มาข้อ​หนึ่ง​ ชาติก่อน​ของ​เจ้า หรือ​อาจจะ​เป็น​ชาติก่อน​หน้านั้น​อีก​ ล้วน​ไม่มีอะไร​ที่​โดดเด่น​ ดังนั้น​เจ้ากับ​พ่อแม่​ของ​เจ้า ครอบครัว​พวก​เจ้าสามคน​จึงเป็น​ครอบครัว​ปกติ​อย่าง​มาก​ ไม่มีรากฐาน​มหา​มรรคา​อะไร​ให้​พูดถึง​ ตอนนั้น​หยาง​เหล่า​โถว​เป็น​ฝ่าย​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ บอ​กว่า​เจ้าก็​คือ​เด็กบ้านนอก​ขา​เปื้อน​โคลน​ ก็​แค่​ดวง​แข็ง​เท่านั้น​”

หัว​คิ้ว​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​คลาย​ออก​ โล่งใจ​ได้​บ้าง​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่มีเรื่อง​ให้​ต้อง​ห่วงหน้าพะวงหลัง​อะไร​อีกแล้ว​จริงๆ​

สารถี​เฒ่าไม่อยาก​อยู่​ที่นี่​นาน​นัก​ มอง​บุรุษ​ชุด​เขียว​มาก​เท่าไร​ก็​หงุดหงิด​ใจมาก​เท่านั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​หรี่ตา​ลง​ พูด​เสียงทุ้ม​หนัก​ “เฟิงอี๋​ยินดี​ช่วย​สาน​สะพาน​ความสัมพันธ์​ ช่วย​เป็น​คนกลาง​ไกล่เกลี่ย​ให้​พวกเรา​ อันที่จริง​ก็ได้​อธิบาย​เรื่องราว​มากมาย​แล้ว​ ดังนั้น​สุดท้าย​ข้า​จึงจะเตือน​เจ้าหนึ่ง​ประโยค​ วันหน้า​อย่า​ได้มา​หาเรื่อง​ข้า​”

เฟิงอี๋​ยิ้ม​อย่าง​รู้ทัน​ ฟังเข้า​สิ นี่​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​คำพูด​ที่​คน​ฉลาด​ควร​พูด​ สารถี​เฒ่าวันหน้า​เจ้าหัด​เรียนรู้​ไว้​ให้​มาก​

สารถี​เฒ่าคิด​ไม่ตก​ ใจอยาก​จะทิ้ง​ถ้อยคำ​อำมหิต​ไว้​สัก​ประโยค​ เพียงแต่​พอ​คิด​ถึงว่า​ใน​เมืองหลวง​ยังมี​หนิง​เหยา​อยู่​ก็​อดทน​เอาไว้​ เพียงแต่​ทนไม่ไหว​จึงหันไป​ถ่มน้ำลาย​ลงพื้น​ เห็น​เฉิน​ผิง​อัน​เลิกคิ้ว​ นัง​หญิง​ตระกูล​เฟิงก็​มีสีหน้า​ไม่สบอารมณ์​ สารถี​เฒ่าจึงใช้ปลายเท้า​ขยี้​ ถือว่า​เช็ด​สะอาด​แล้ว​ จากนั้น​ก็​ทะยาน​ร่าง​ขึ้น​สูง เรือน​กาย​พลัน​หายวับ​ไป​อย่าง​ไร้​ร่องรอย​

เฟิงอี๋​มอง​คนหนุ่ม​แวบ​หนึ่ง​ สีหน้า​แสดง​ความ​เหนื่อยล้า​อย่าง​เห็นได้ชัด​ นี่​ก็​เป็น​ความรู้สึก​ของ​คน​ทั่วไป​

จากนั้น​นาง​ก็​เห็น​เฉิน​ผิง​อัน​หยิบ​ถ้วย​เหล้า​ออกมา​อีก​ เหล้า​ที่​ดื่ม​เป็น​เหล้า​ภูเขา​ชิงเสิน​ ริน​เหล้า​เต็ม​ถ้วย​แล้วก็​แกว่ง​เบา​ๆ เริ่ม​ดื่ม​อยู่​กับ​ตัวเอง​ อายุ​ไม่มาก​ แต่​ฝึกฝน​จิตใจ​ได้​ไม่ธรรมดา​ ไม่เพียงแต่​สุขุม​เยือกเย็น​ ยัง​เข้าใจ​เรื่องราว​อย่าง​แจ่มแจ้งด้วย​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ถ้วย​เหล้า​ขึ้น​ ยิ้ม​กล่าว​ “เฟิงอี๋​ ขอบคุณ​มาก​”

เฟิงอี๋​ยก​กา​เหล้า​ใน​มือขึ้น​ ต่าง​คน​ต่าง​ดื่ม​

เฉิน​ผิง​อัน​ถามคำถาม​ที่​เขา​สงสัย​มานาน​หลาย​ปี​ เพียงแต่​ไม่ถือว่า​เป็น​เรื่องใหญ่​อะไร​ ก็​แค่​ใคร่รู้​เท่านั้น​ “เฟิงอี๋​ ท่าน​รู้​หรือไม่​ว่า​ตัวอักษร​ที่​แกะสลัก​ไว้​ด้านหลัง​เทวรูป​องค์​หนึ่ง​ คล้าย​บทกลอน​เล็ก​ๆ ใคร​เป็น​คน​แกะสลัก​? ห​ลี่​หลิ่ว​ หรือว่า​หม่า​ขู่​เสวียน​?”

ห​ลี่​หลิ่ว​เคย​เป็น​ผู้​ครอง​แม่น้ำ​และ​ทะเลสาบ​ใน​อดีต​ ใน​ฐานะ​หนึ่ง​ใน​ห้า​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ชั้น​สูงสุด​ของ​ยุค​บรรพกาล​ แม้แต่​หลุม​น้ำ​ลู่​ยัง​เป็นหนึ่ง​ใน​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​ของ​นาง​ อีก​ทั้ง​หน้าที่​หลัก​ที่​แท้จริง​ของ​ตำแหน่ง​เทพ​นี้​ยัง​คงอยู่​ที่​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​เส้น​นั้น​ โครงกระดูก​ของ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​บรรพกาล​ทั้งหมด​ล้วน​กลาย​มาเป็น​ดวงดาว​ที่อยู่​นอก​ฟ้าดวง​แล้ว​ดวง​เล่า​ หรือไม่​ก็​ร่าง​ทอง​ก็​สลาย​หาย​ไป​ท่ามกลาง​กาลเวลา​ แต่​ในความเป็นจริง​แล้ว​ล้วน​ถือว่า​หลับ​จำศีล​อยู่​ใน​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​เส้น​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​อาศัย​ร่องรอย​ของ​ตัวอักษร​ ไม่อาจ​รู้​ได้​ว่า​เป็น​ลายมือ​ของ​ใคร​ แต่​มีความเป็นไปได้​มาก​ที่สุด​ว่า​จะเป็น​ห​ลี่​หลิ่ว​หรือไม่​ก็​หม่า​ขู่​เสวียน​

เฟิงอี๋​ส่ายหน้า​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ไม่ได้​สนใจ​ ไม่ได้​อยากรู้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “ก่อนหน้านี้​เฟิงอี๋​บอ​กว่า​มีคน​อยาก​พบ​ข้า​ คือ​เถ้าแก่​หยาง​ของ​ร้าน​ยา​ที่​บ้านเกิด​ข้า​หรือ​? หรือว่า​เป็น​…แม่ทัพ​ซูทูต​ผู้ตรวจการ​?”

ฝ่าย​แรก​เพราะ​ได้ยิน​หลิว​เสี้ยน​หยาง​เล่า​ให้​ฟัง เถ้าแก่​หยาง​ป่วย​ตาย​ไป​นาน​หลาย​ปี​แล้ว​ หลังจาก​เสียชีวิต​ก็​ไป​ทำหน้าที่​อยู่​ที่​ศาล​เทพ​อภิบาล​เมือง​ของ​เมืองหลวง​ รับหน้าที่​เป็น​เทพ​ท่อง​ราตรี​ของ​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ ถือว่า​ได้​เดิน​ก้าว​เข้าสู่​วงการ​ขุนนาง​ภูเขา​สายน้ำ​ สามารถ​อาศัย​บุญ​กุศล​ที่​สั่งสมมาปกป้อง​ลูกหลาน​ใน​ตระกูล​ต่อ​อีกครั้ง​ ส่วน​ซูเกา​ซาน​เป็นการ​คาดเดา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ หลังจาก​ตาย​ไป​ได้​กลายเป็น​วิญญาณ​วีรบุรุษ​บน​สนามรบ​ มีความเป็นไปได้​มาก​ที่สุด​ ต้า​หลี​ช่วย​จัด​หาทาง​ถอย​ให้​ ยกตัวอย่างเช่น​รับหน้าที่​เป็น​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ศาล​บู๊​ของ​เมืองหลวง​ ซูเกา​ซาน​หวน​กลับมา​เป็น​ผู้ดูแล​โชคชะตา​บู๊​ของ​แคว้น​อีกครั้ง​ก็​ถือ​เป็นเรื่อง​ที่​มีเหตุผล​ชอบธรรม​

อีก​ทั้ง​ซูเกา​ซาน​ก็​มีชาติกำเนิด​มาจาก​ตระกูล​ยากจน​ อาศัย​คุณ​ความชอบ​ใน​การ​สู้รบ​มาตลอด​เส้นทาง​ ตอนที่​มีชีวิต​อยู่​ทำหน้าที่​เป็น​ทูต​ผู้ตรวจการ​ซึ่งถือเป็น​ตำแหน่ง​ขุนนาง​สูงสุด​ของ​ขุนนาง​ฝ่ายบู๊​แล้ว​ ทว่า​ถึงอย่างไร​ก็​ไม่ใช่ลูกหลาน​ตระกูล​ชนชั้นสูง​ เมื่อ​แม่ทัพ​ตาย​ไป​ ตระกูล​ไม่มีเสาหลัก​ ก็​ง่าย​ที่​คน​จากไป​แล้ว​น้ำชา​จะเย็นชืด​ ส่วนใหญ่​แล้ว​ตระกูล​จะตกอับ​ไป​นับแต่​นี้​

เฟิงอี๋​ยิ้ม​กล่าว​ “เป็น​เถ้าแก่​หยาง​ หลังจาก​ซูเกา​ซาน​ตาย​ไป​ การ​เดินทาง​แห่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ช่วง​สุดท้าย​ใน​ชีวิต​นี้​ของ​เขา​ก็​คือ​ใช้สถานะ​ของ​ผี​เดินทาง​ยามค่ำคืน​อยู่​ระหว่าง​ฟ้าดิน​ คุ้มกัน​ผี​ทหาร​ใต้​อาณัติ​ให้​กลับคืน​ทิศเหนือ​ที่​เป็น​บ้านเกิด​ด้วยตัวเอง​ เมื่อ​ซูเกา​ซาน​บอกลา​กับ​สหาย​ร่วม​รบ​คน​สุดท้าย​แล้ว​ จิตวิญญาณ​ของ​เขา​ก็​สลาย​หาย​ไป​ แน่นอน​ว่า​ทาง​ฝั่งของ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​อยาก​จะเหนี่ยวรั้ง​เอาไว้​ แต่​ซูเกา​ซาน​ไม่ยอม​ตอบ​ตกลง​ พูด​แค่​ว่า​ลูกหลาน​ก็​มีโชค​ของ​ลูกหลาน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ฟังมาถึงประโยค​นี้​ก็​เงียบ​ไป​นาน​ เพียงแค่​ดื่มเหล้า​เงียบๆ​ ตัดสินใจ​ไว้​แล้ว​ว่า​วันหน้า​ตน​ต้อง​ให้ความสนใจ​ตระกูล​ซูให้​มาก​หน่อย​ อย่าง​น้อย​ก็​ช่วย​คุ้มกัน​อีก​ฝ่าย​เงียบๆ​ ไป​อีก​ร้อย​ปี​

เฟิงอี๋​หัวเราะ​ หมุน​นิ้วมือ​เก็บ​รวบ​ลม​เย็น​กลุ่ม​หนึ่ง​มา “เถ้าแก่​หยาง​ไม่มาแล้ว​ ให้​ข้า​นำ​ความ​มาบอก​แทน​ หาก​เจ้ากลับ​บ้านเกิด​ จำไว้​ว่า​ให้​ไป​ที่​เรือน​หลัง​ของ​ร้าน​ยา​บ้าน​เขา​สัก​รอบ​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ “รบกวน​เฟิงอี๋​ช่วย​ข้า​เอ่ย​ขอบคุณ​เถ้าแก่​หยาง​สัก​คำ​”

ดื่มเหล้า​ไป​แล้ว​หนึ่ง​กา​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ลุกขึ้น​บอกลา​ “ไม่รบกวน​เฟิงอี๋​แล้ว​”

เฟิงอี๋​พยักหน้า​รับ​ จากนั้น​ก็​ถามว่า​ “ไม่เดินเที่ยว​ใน​ศาล​เทพ​อัคคี​แห่ง​นี้​สักหน่อย​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​

สำนัก​ห้า​ธาตุ​เรียก​การนำ​ไฟเสริม​เข้ากับ​โชคชะตา​ของ​จักรพรรดิ​เพื่อให้​เกิด​ความเจริญรุ่งเรือง​ว่า​ฮว่อเต๋อ​ เพียงแต่ว่า​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ไม่ได้​เป็น​เช่นนี้​ ดังนั้น​เมืองหลวง​จึงมีศาล​เทพ​อัคคี​อยู่​แค่​แห่ง​เดียว​

ก็​เหมือน​อย่าง​ราชสำนัก​ต้า​หยวน​ของ​อุตรกุรุทวีป​ที่​เป็น​แคว้น​ซึ่งมีรากฐาน​ใน​การ​หยัดยืน​เป็นน้ำ​

เฟิงอี๋​แกว่ง​กา​เหล้า​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่ไป​ส่งแล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ย้อนกลับ​ไป​ทาง​เดิม​ ไป​ถึงหน้า​ประตู​ศาล​เทพ​อัคคี​ก็​เจอ​กับ​หญิง​ชรา​คน​เฝ้าศาล​ที่​ควบ​หน้าที่​คน​เฝ้าประตู​อีกครั้ง​ เขา​จึงหยุด​เดิน​ คุย​เล่น​กับ​ห​มัว​มัว​เฒ่าสอง​สามประโยค​แล้ว​เฉิน​ผิง​อัน​ถึงได้​จาก​มา

ทาง​ฝั่งของ​บันได​หิน​ใต้​ซุ้มดอกไม้​ เฟิงอี๋​ดื่มเหล้า​อยู่​เพียงลำพัง​ต่อไป​อีกครั้ง​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!