สรุปเนื้อหา บทที่ 841.1 บ้านเกิด – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 841.1 บ้านเกิด ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฟังคำอธิบายจากเฉินผิงอันที่ถึงกับยอมสาดน้ำสกปรกใส่อาจารย์ของตัวเอง หนิงเหยาไม่ได้เอ่ยอะไร เฉินผิงอันจึงเปลี่ยนม้านั่งยาวตัวที่นั่ง ไปนั่งอยู่ข้างกายหนิงเหยาแทน แต่ดูเหมือนนางจะโกรธยิ่งกว่าเดิมจึงขยับตัวหนี ไม่ยินดีจะนั่งใกล้เขา เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้คืบแล้วจะเอาศอก เพียงนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่เดิมเงียบๆ
ความรักชายหญิง อะไรคือความใจดำไม่เคร่งครัดประเพณี ก็คือคนคนหนึ่งที่เห็นๆ กันอยู่ว่ามีสุราจริงใจอยู่แค่กาเดียว แต่กลับพบเจอใครก็ดื่มไปทั่ว
คำว่าความรักลึกซึ้งก็คือเหล้ากาหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจ จากนั้นวันใดดื่มไปจนถึงก้นกา ดื่มหมดแล้วก็หยุดดื่ม จะไม่เมาได้อย่างไร
เพียงแต่เฉินผิงอันมือหนึ่งหิ้วกาเหล้า อีกมือหนึ่งแอบวางบนม้านั่งยาวระหว่างคนทั้งสองเงียบๆ ทำท่าปูไต่แอบขยับเข้าไปใกล้หนิงเหยา
ในขณะที่เขากำลังจะทำสำเร็จ กลับถูกหนิงเหยากำมือเป็นหมัดต่อยเข้าที่หลังมือ แรงนั้นหนักหน่วงจริงๆ เจ็บจนเฉินผิงอันต้องกดลมปราณลงสู่จุดตันเถียน ร้องตวาดเบาๆ หนึ่งที รอกระทั่งหนิงเหยาเก็บหมัดไปแล้ว เฉินผิงอันก็รีบยกหลังมือขึ้นมาถูปลายคาง
เงียบไปพักหนึ่ง หนิงเหยาก็ถามว่า “ดูเหมือนความประทับใจที่เจ้ามีต่อซ่งจี๋ซินจะเปลี่ยนไป?”
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในลานบ้าน เฉินผิงอันพูดถึงเพื่อนบ้านที่บ้านอยู่ใกล้กันมานานหลายปีตอนเป็นเด็กหนุ่ม แม้คำพูดคำจาของอีกฝ่ายจะระคายหูไม่น่าฟัง แต่แท้จริงแล้วนิสัยกลับยังพอใช้ได้
เฉินผิงอันพยักหน้า “เรื่องใหญ่ๆ ไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว เพราะซ่งจี๋ซินก็ทำไปไม่น้อย ข้าจะพูดถึงแค่เรื่องเล็กเรื่องเดียว”
ซ่งจี๋ซินแห่งตรอกหนีผิงที่กลายมาเป็นอ๋องเจ้าเมืองซ่งมู่ เคยนั่งบัญชากรณ์นครมังกรเฒ่าทั้งก่อนและหลัง ภูเขาของขุนเขาใต้ เมืองหลวงสำรองแห่งที่สองที่ตั้งของลำน้ำใหญ่ สงครามสามครั้ง ซ่งจี๋ซินล้วนอยู่ในแนวรบเส้นแรกบนสนามรบตลอดเวลา รับหน้าที่โยกย้ายจัดวางกองกำลัง แม้จะบอกว่าการจัดกำลังพลโดยหลักๆ แล้วมีแม่ทัพบู๊ที่คุ้นเคยกับเรื่องการศึกอย่างซูเกาซาน เฉาผิงที่เป็นทูตผู้ตรวจการของต้าหลีอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วกิจธุระที่สำคัญหลายอย่าง หรือไม่ก็ในสถานการณ์ที่มองดูแล้วสามารถเลือกทำได้ทั้งสองทาง แต่อันที่จริงกลับจะส่งผลต่อการดำเนินไปในภายหลังของการต่อสู้ ล้วนจำเป็นต้องให้ซ่งมู่ตัดสินใจเพียงลำพัง
หากว่าเขาเป็นเพียงอ๋องเจ้าเมืองต้าหลีที่มีเพียงตำแหน่งว่างเปล่า เป็นแค่เครื่องประดับในพื้นที่ศักดินาที่ไม่เสียดายชีวิต อย่างมากสุดก็แค่รับผิดชอบสร้างขวัญกำลังใจของคนในกองทัพให้มั่นคง ย่อมไม่มีทางได้รับความเคารพนับถือจากกองทัพชายแดนต้าหลีและผู้ฝึกตนบนภูเขาของแจกันสมบัติทวีปอย่างแน่นอน
“อาณาเขตใต้การปกครองของเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลี รวมไปถึงแคว้นใต้อาณัติมากมาย อำเภอ เขตและจังหวัดทั้งหมด ขอแค่เป็นคนที่ให้ยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูงแก่สำนักศึกษาและโรงเรียนทุกแห่ง ซ่งจี๋ซินก็จะออกคำสั่งให้ราชสำนักของแต่ละแคว้น ที่ว่าการขุนนางของแต่ละท้องถิ่นจับตัวพวกคนที่ปล่อยเงินกู้พวกนี้มาแล้วตัดมือคนละข้าง ใครกล้าหนี หากหลบหนีออกไปนอกอาณาเขตได้ ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่อื่น โทษจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้น มือสองข้างไม่เหลือเลยสักข้าง
“อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กอะไร เพียงแต่เมื่อเทียบกับเรื่องใหญ่ของจวนอ๋องเจ้าเมืองและเมืองหลวงสำรองแห่งอื่นๆ แล้วทำให้ดูไม่สะดุดตาถึงเพียงนั้น”
หนิงเหยากล่าว “ไม่ค่อยเหมือนเรื่องที่ซ่งจี๋ซินจะทำได้จริงๆ”
ในความทรงจำของนาง ซ่งจี๋ซินคือคุณชายที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องการกินอยู่ ข้างกายยังมีสาวใช้ที่ไม่ว่าจะชื่อ รูปโฉมหรือนิสัยใจคอก็ล้วนไม่โดดเด่นเท่าใดอยู่ด้วย คนหนึ่งเอาแต่ใจ คนหนึ่งขี้งอน สองคนมาอยู่ด้วยกัน ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
เฉินผิงอันยิ้มพลางอธิบาย “บางทีซ่งจี๋ซินอาจรู้สึกว่าตอนที่บัณฑิตไม่มีเงินก็ควรต้องไม่มีเงิน ก่อนจะออกจากโรงเรียน ไม่มีเงินก็ยิ่งต้องตั้งใจเรียนหนังสือ ทุกวันตรากตรำอ่านตำรา ช่วงชิงตำแหน่งขุนนางมาไว้ในมือให้ได้ เพียงแต่นักเรียนที่อายุน้อย หรือไม่ก็พวกลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่ยังเยาว์วัย ตบะฃไม่หนักแน่นพอก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ซ่งจี๋ซินจึงไปคิดบัญชีกับพวกคนที่กล้าหาเงินด้วยวิธีนี้แทน”
“สิ่งที่ซ่งจี๋ซินเกลียดชังที่สุดตอนเป็นเด็ก อันที่จริงกลับเป็นการที่เขาไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่ ในกระเป๋ามีเงินมากเกินไป ข้อนี้ไม่ถือว่าเขาเจ้าแง่แสนงอนอะไรจริงๆ เพราะทุกวันต้องถูกคำพูดของพวกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงทิ่มแทงจิตใจ รสชาติที่ถูกคนด่าว่าเป็นลูกนอกสมรส ไม่ว่าใครได้ฟังก็รู้สึกดีไม่ได้เลยจริงๆ”
“ซ่งจี๋ซินเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนั้น พอไปอยู่ในสถานที่ที่มีแต่ขี้หมาขี้ไก่อย่างตรอกหนีผิง กลับไม่ยอมย้ายออกไปไหน บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกว่าข้าเองก็เหมือนกับเขา คนหนึ่งไม่มีพ่อแม่แล้ว อีกคนหนึ่งมีก็เหมือนไม่มี ดังนั้นอาศัยอยู่ในตรอกหนีผิงจึงทำให้ซ่งจี๋ซินไม่รู้สึกคับแค้นใจเกินไปนัก”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าหมดก็วางกาเหล้าลงบนม้านั่งยาว เทถั่วเหลืองโรยเกลือส่วนหนึ่งจากชายแขนเสื้อมาไว้ในฝ่ามือ ยื่นฝ่ามือส่งไปให้หนิงเหยา หนิงเหยาก็กวาดออกไปครึ่งหนึ่ง
เรียนวิชาหมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกลายเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตร่างทองแล้ว รอยด้านบนหมัดเท้าของเฉินผิงอันก็ล้วนหายไปหมดแล้ว
เฉินผิงอันคีบถั่วเหลืองเม็ดหนึ่งขึ้นมา โยนใส่ปาก ใช้รองเท้าเตะกันเบาๆ
รองเท้าผ้าของเขาคู่นี้เป็นพ่อครัวเฒ่าที่เย็บขึ้นมาเองกับมือ ฝีมือการเย็บไม่ต้องพูดถึง ละเอียดละออประณีตยิ่งกว่างานเย็บปักของสตรีเสียอีก บนภูเขาลั่วพั่ว ใครที่ยินดีสวมรองเท้าผ้าล้วนมีให้ทุกคน ส่วนเจียงซ่างเจินนั้นมีอยู่กี่คู่ บอกได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงซ่างเจินจ่ายเงินเทพเซียนไปกี่มากน้อย ก็ยิ่งบอกได้ยากเข้าไปใหญ่
อันที่จริงรองเท้าผ้าที่หน่วนซู่น้อยเป็นคนเย็บก็มีอยู่สองคู่ แต่เฉินผิงอันตัดใจนำมาสวมใส่ไม่ลง จึงวางเก็บไว้ในวัตถุฟางชุ่นอยู่ตลอดเวลา
เฉินผิงอันมั่นใจว่าครั้งนี้พาหนิงเหยากลับไปที่ภูเขาลั่วพั่ว หนิงเหยาก็ต้องได้รับเหมือนกันแน่นอน แม่บ้านตัวน้อยที่แต่ละวันยุ่งวุ่นวายที่สุดอย่างหน่วนซู่น้อยนี้ มีเรื่องอะไรที่นางคิดไม่ถึงบ้างเล่า
เฉินผิงอันกินถั่วเหลืองโรยเกลือแล้วยิ้มตาหยี สีหน้าอ่อนโยน ราวกับมองเห็นเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่พอเช้าตรู่ก็ออกมาจากเรือนที่พักของตัวเอง เมื่อนางเดินไปถึงจุดที่ไร้ผู้คนก็จะสะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ ก้าวเท้าแผ่วเบาว่องไว เดินเร็วๆ ไปยังหน้าประตูเรือนแห่งหนึ่ง พอไปถึงแล้วก็ชะลอฝีเท้า หยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมา เลือกหยิบกุญแจดอกหนึ่งในพวงออกมาอย่างคล่องแคล่ว เปิดประตูออก ไม้กวาด ผ้าเช็ดพื้น กระบวยตักน้ำ ถังน้ำ…มีระเบียบเป็นขั้นตอน ง่วนอยู่กับการปัดกวาดที่พัก เช็ดถูโต๊ะเก้าอี้ เอาผ้าห่มออกมาตากแดด…
อะไรนะ กองทัพม้าเหล็กของต้าหลีพวกเจ้ากล้ามาล้อมภูเขาลั่วพั่วของข้าอย่างนั้นหรือ?
เฉินผิงอันหันหน้ามองไปยังทิศที่ตั้งของวังหลวง
บางทีคนสิบเอ็ดคนของแผนภูมิดิน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตระหนักถึงเรื่องหนึ่ง เขาย่อมมีฝีมือสูงส่งกว่าเฉินผิงอันชุดขาวคนนั้น เพราะถึงอย่างไรฝ่ายหลังก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้น
นี่หมายความว่าในช่วงเวลาบางอย่าง วิธีการทุกอย่างที่เฉินผิงอันซึ่งมีจิตแห่งเทพบริสุทธิ์คนนั้นทำเป็น เฉินผิงอันก็ทำเป็นเหมือนกัน อีกทั้งการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นในนกในกรงก่อนหน้านี้ ตนอีกคนหนึ่งก็ยังไม่ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มกำลังเลยด้วยซ้ำ
หนิงเหยาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพจิตใจของเฉินผิงอันก็หันหน้ามาถาม “เป็นอะไรไป?”
เฉินผิงอันถอนสายตากลับมา ยิ้มตอบ “ไม่มีอะไร ก็แค่ยิ่งคิดยิ่งโมโห เดี๋ยวจากนี้จะไปหาไม้มาทำกล่องบรรจุอาหารสักใบ จะได้เอาไว้เก็บอาหารมื้อดึก”
หนิงเหยาเองก็คร้านจะถามว่าความโมโหเกี่ยวข้องอะไรกับงานไม้และอาหารมื้อดึกนี่ด้วย เพียงแค่ถามว่า “ภายในครึ่งเดือน หนันจานจะเป็นฝ่ายนำเศษกระเบื้องชิ้นนั้นมามอบให้ด้วยตัวเองหรือ?”
เฉินผิงอันตอบ “ต้องเคยคิดแน่นอน แต่หนึ่งดูเหมือนว่าศิษย์พี่จะไม่ได้วางแผนไว้เช่นนี้ สองก็เพราะเผยเฉียนก็ไม่มีทางตอบตกลง”
หนิงเหยาถามอีก “แล้วตอนนี้ล่ะ เจ้าเคยคิดให้เผยเฉียนมาเติมแผนภูมิดินให้เต็มหรือไม่? ในเมื่อไม่อาจไปเยือนใต้หล้าเปลี่ยวร้าง อันที่จริงมีสถานะของทางการอยู่ติดตัว ไม่ว่าจะท่องยุทธภพหรือฝึกตนก็ล้วนมั่นคงอย่างมาก”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางตอบตกลง”
หนิงเหยาก็ส่ายหน้าเช่นกัน “เป็นเจ้าที่ไม่ตอบตกลงหรือรู้สึกว่าเผยเฉียนจะไม่ตอบตกลงกันแน่? อย่าลืมล่ะว่า เผยเฉียนที่อยู่ในเกราะทองทวีปและแจกันสมบัติทวีปล้วนออกหมัดสังหารศัตรูได้อย่างไม่มีเลอะเลือน แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ถามความเห็นของตัวเผยเฉียนก่อน?”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ
หนิงเหยากล่าว “หากตัวเผยเฉียนเองยินดี เจ้าก็จะยังห้ามนางหรือ?”
เฉินผิงอันลังเลไปพักหนึ่ง “คงไม่ห้ามหรอกกระมัง”
จากนั้นเฉินผิงอันก็พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “ช่วยไม่ได้ ต่อให้เป็นตอนนี้ ขอแค่ไม่เห็นเผยเฉียนมายืนอยู่ตรงหน้าก็ดูเหมือนว่านางจะยังคงเป็นแม่นางน้อยที่มวยผมกลมๆ อยู่สองมวยเหมือนเดิม”
แม่นางน้อยตัวดำเมื่อม เรือนกายเล็กบางผ่ายผอม แขนเล็กๆ ทั้งสองข้าง ยามที่ออกวิ่งขึ้นมาก็ราวกับกิ่งหลิ่วที่แกว่งสะบัดไปเรื่อย
ชอบก่อกวน ขี้ขลาด ใจแคบ สมองเล็กๆ หมุนเร็วยิ่งกว่าใคร เก่งในโปงผ้าห่มยิ่งกว่าหลี่ไหว สามารถหลอกพาคนที่ไม่รู้จักนางดีพอออกนอกลู่นอกทางไปไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้ได้ง่ายๆ
ภายหลังได้ยินทั้งอวี้เจวี้ยนฟูและหลินจวินปี้เล่าให้ฟังว่า หลังจากสงครามที่เกราะทองทวีปปิดฉากลง ผู้ฝึกตนในท้องถิ่นของทวีปนั้นที่ยังมีชีวิตเหลือรอดล้วนเลื่อมใสผู้ฝึกยุทธหญิง ‘เจิ้งเฉียน’ อย่างมาก พูดง่ายๆ ก็คือหากอาจารย์และศิษย์สองคนไปที่เกราะทองทวีป คนที่นั่นต้องรู้จักแค่เจิ้งเฉียน ไม่รู้จักอิ่นกวานอะไรอย่างแน่นอน
กลับมาที่แจกันสมบัติทวีป เผยเฉียนก็ช่วงชิงฉายาอย่าง ‘เจิ้งชิงหมิง’ ‘เจิ้งซาเฉียน’ มาได้
อะไรคือการถามหมัดกับนาง สามหมัดก็จบเรื่องกันแล้ว
ถึงขั้นที่ว่ายังมีคำกล่าวที่ทำให้เฉินผิงอันไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทั้งบนภูเขาและในยุทธภพต่างพูดกันว่าเจิ้งเฉียนผู้นี้คือปรมาจารย์ใหญ่ที่มีคุณธรรมที่สุดและมีมาดของคนเก่าแก่ในยุทธภพที่สุดของแจกันสมบัติทวีปพวกเรา
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!