แจกันสมบัติทวีปของพวกเราอะไรกัน เผยเฉียนคือปรมาจารย์ใหญ่ที่มีคุณธรรมที่สุดอย่างสมศักดิ์ศรี อำมหิตกับเผ่าปีศาจ เจิ้งซาเฉียนย่อมไม่ใช่ชื่อเสียงจอมปลอมอย่างแน่นอน มีเพียงตั้งชื่อผิด แต่ต้องไม่มีการตั้งฉายาผิดแน่ ทว่าสำหรับการถามหมัดของผู้ฝึกยุทธฝ่ายเดียวกัน นางกลับเกรงใจ มีมารยาทด้วยในทุกครั้ง หยุดแต่พอสมควร ไม่ว่าใครที่มาหาเพื่อประลองฝีมือ นางก็ล้วนไว้หน้า ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ถ่ายทอดมรรคาของปรมาจารย์ใหญ่หญิงเช่นเผยเฉียนนี้จะมีมาดองอาจถึงเพียงใด คิดดูแล้วคุณธรรมจริยธรรมคงจะยิ่งสูงส่งเข้าไปในชั้นเมฆเลยกระมัง…
กระทั่งเผยเฉียนปรากฎตัวร่วมงานพิธีที่ภูเขาตะวันเที่ยง เซียนกระบี่ชุดเขียวของภูเขาลั่วพั่วคนนั้นต่อสู้กับหยวนเจินเย่แห่งภูเขาตะวันเที่ยง…
จากนั้นต่อมาก็มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่วยอดเขาของแจกันสมบัติทวีป เป็นเรื่องของการช่วงชิงเขียวและขาวที่สวนกงเต๋อ
มีบางคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เคยแต่ได้ยินหลักการที่ว่าคานบนไม่ตรงคานล่างเอียง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องอย่างคานบนเอียงคานล่างตรงด้วย?
แต่แม่นางน้อยถ่านดำคนนั้นก็เป็นเฉินผิงอันที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาอย่างจริงแท้แน่นอน
ราวกับว่านางกระโดดทีเดียวก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
นางถึงกับเดินผ่านเส้นทางของวรยุทธไกลขนาดนั้นด้วยตัวเองแล้ว
อันที่จริงบนภูเขาลั่วพั่วไม่ว่าใครก็รู้ชัดเจนในใจดี อย่าเห็นว่าเฉินผิงอันดุร้ายกับเผยเฉียนที่สุด ควบคุมนางอย่างเข้มงวดมากที่สุด ราวกับว่าใส่อารมณ์กับนางที่สุด แต่ในสายตาของเจ้าขุนเขาหนุ่ม ความอ่อนโยนยามที่มองเผยเฉียนนั้นไม่แพ้ให้กับยามที่มองหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยเลย
หนิงเหยาเอ่ยสัพยอก “วันหน้ารอวันใดเผยเฉียนต้องออกเรือน เจ้าคงกลุ้มใจตายแน่”
เฉินผิงอันแค่นเสียงในลำคอ “ในบรรดาคนวัยเดียวกันก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่คู่ควรกับเผยเฉียน”
เฉินผิงอันยกสองแขนกอดอก “หากใครกล้ามีใจคิดไม่ซื่อ อวดฉลาดใช้วิธีของพวกเจ้าชู้เสเพลกับนาง ข้าก็จะซ้อมเขาให้อึราดเลย”
หนิงเหยายิ้มกล่าว “พอเถอะน่า ไหนเลยจะตกมาถึงมือเจ้า หากพวกเขาคิดจะหลอกเผยเฉียนก็ยากมากอยู่แล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ก็จริงนะ”
แต่เขาก็เอ่ยเสริมอีกประโยคมาอย่างรวดเร็ว “แต่ข้าก็ยังต้องช่วยดูให้อยู่ดี”
จากนั้นก็เอ่ยเสริมมาอีกไม่หยุด “ไม่เพียงแต่ข้า ข้ายังต้องแอบลากพวกจูเหลี่ยน ชุยตงซาน เจียงซ่างเจิน แล้วก็หมี่อวี้ให้มาช่วยข้าดูด้วย พ่อครัวเฒ่าเป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์โชกโชน ชุยตงซานคิดอะไรรอบคอบ ส่วนโจวอันดับหนึ่งและหมี่อันดับรองน่ะหรือ สายตาของคนบ้าตัณหามองคนบ้าตัณหาด้วยกันนั้นแม่นยำที่สุดแล้ว”
“ไม่ได้ ข้าต้องลากอาจารย์จ้งมาด้วยอีกคน ให้มาทดสอบความรู้ของคนผู้นั้น ดูว่าใช่คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหรือไม่ แน่นอนว่าหากนิสัยใจคอของเจ้าหมอนั่นใช้ไม่ได้ ทุกเรื่องก็อย่าหวังเลย”
เฉินผิงอันสอดสิบนิ้วประสานกัน ยืดแขนออกไปข้างนอก เอ่ยเบาๆ ว่า “ตอนที่เผยเฉียนไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ ชุยตงซานเคยมาคุยกับข้าเป็นการส่วนตัวบอกว่าตอนที่เผยเฉียนยังเด็ก เวลาที่นางเข้าวัดไปกราบไหว้พระ ตอนท้ายจะต้องพูดเสริมประโยคหนึ่งอย่างจริงใจว่า หากพระโพธิสัตว์ยุ่งมากล่ะก็ วันนี้ไม่ต้องฟังก็ได้ ไม่แสดงความศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เป็นไร คราวหน้าค่อยว่ากัน หรือจะเป็นคราวถัดถัดไปก็ได้ ถึงอย่างไรนางก็จะมาบ่อยๆ จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร”
เผยเฉียนให้เขาสาบานว่าห้ามบอกคนอื่น
อันที่จริง เป็นเพราะนางไม่อยากให้ตนที่เป็นอาจารย์พ่อรู้มากกว่ากระมัง
หนิงเหยาหันหน้ามามองใบหน้าด้านข้างของเขา
เฉินผิงอันหันมามอง ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “หล่อเหลาสง่างามมากเลยใช่ไหม?”
หนิงเหยาพยักหน้า
ไม่อย่างนั้น?
ไม่อย่างนั้นข้าหนิงเหยาจะคบกับคนอัปลักษณ์หรืออย่างไร?
ไม่อย่างนั้นเจ้าจะยังทำให้สตรีบนภูเขามากมายขนาดนั้นหลงใหลคลั่งใคล้เพียงแค่ได้ดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำได้หรือไร?
เฉินผิงอันรู้สึกรับมือไม่ทันอยู่บ้าง ใบหน้าจึงแดงก่ำอย่างที่หาได้ยาก
หนิงเหยานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ปีนั้นนางเดินทางไปท่องเที่ยวถ้ำสวรรค์หลีจู นางเคยไปที่เรือนหลังของร้านยาตระกูลหยางมาก่อนพร้อมกับเฉินผิงอัน ตอนนั้นหยางเหล่าโถวก็ถามคำถามหนิงเหยาสองข้อ
บนหัวกำแพงของกำแพงเมืองปราณกระบี่ มีตัวอักษรแกะสลักไว้กี่ตัว
สรุปแล้วใครที่พูดเสียงในใจ?
หนิงเหยากล่าว “ปีนั้นคำเตือนเกี่ยวกับเสียงในใจของหยางเหล่าโถว แรกเริ่มข้าก็ไม่ได้คิดมาก แต่สำหรับข้าที่ตอนหลังไปอยู่ใต้หล้าห้าสี ตอนที่ฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตหยกดิบ เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเซียนเหรินที่ ‘แสวงหาความจริง’ มันกลับช่วยข้าเอาไว้มาก”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ไม่ว่าจะอย่างไร กลับไปถึงบ้านเกิด ข้าก็ต้องไปที่เรือนหลังร้านยาก่อนสักรอบ”
พูดประโยคนี้จบ เฉินผิงอันก็ก้มหน้ามองรองเท้าผ้าบนเท้า
หนิงเหยารู้ว่าเป็นเพราะอะไร เฉินผิงอันกำลังเตือนตัวเองว่าตัวเองเป็นใคร
ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่โรงเตี๊ยมตระกูลเซียน ตอนที่เฉินผิงอันนั่งอยู่บนขั้นบันไดก็ทำท่าทางแบบนี้เหมือนกัน
บางทีอาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มจากตรอกหนีผิงได้ค่อยๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่ เปลี่ยนรองเท้า สถานะ อายุ…
แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปก็คือรองเท้าสานในใจ
เฉินผิงอันคิดว่าเดี๋ยวหลังจากนี้จะไปถามเรื่องหนึ่งกับจ้าวตวนหมิง ในเมืองหลวงมีร้านอาหารเล็กๆ ร้านใดที่รสชาติดั้งเดิมเป็นเอกลักษณ์บ้างหรือไม่ เขาจะได้พาหนิงเหยาไปเดินเที่ยวเล่นด้วยพอดี
นึกเรื่องในอดีตบางเรื่องขึ้นมาได้
‘หากข้าโกนหนวด พวกเจ้าสองคนรวมกันแล้วก็ยังหล่อเหลาสู้ข้าไม่ได้เลย’
‘เจ้านี่นะ หม้อไฟเผ็ดมากเลยหรือ? ข้างมือเจ้าก็ยังมีเหล้าอยู่ไม่ใช่หรือ ดื่มแก้เผ็ดได้นะ เจ้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นทำไม ข้าจะหลอกเจ้าหรือ…ฮ่าๆ เจ้านี่โง่จริงๆ ดันเชื่อซะได้’
‘ดื่มช้าๆ หน่อย เหล้าไม่หนีออกไปจากถ้วยหรอก’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!