ทุกวันนี้ผู้ฝึกลมปราณที่มาท่องเที่ยวกำแพงเมืองปราณกระบี่ล้วนจับกลุ่มกันมา ผู้คนสัญจรขวักไขว่ ครึกครื้นจนคนปรับตัวไม่ทัน เห็นทัศนียภาพทุกแห่งได้อย่างถ้วนทั่ว ไม่สิ้นเปลืองเงินแม้แต่เหวินเดียว
คาดว่าคงต้องยกคุณความชอบให้กับชื่อเสียงที่เลื่องระบือไปทั่วใต้หล้าของเซียนกระบี่ใหญ่เว่ยแห่งศาลลมหิมะกระมัง แต่กลับไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้พื้นที่แถบนี้ ยามที่เดินผ่านต่างก็ขยับไปทางหัวกำแพงเมืองอีกฝั่งหนึ่งคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้เจตนา
เวลานี้มีคนกำลังคาดเดาแล้วว่านั่นคือคู่รักบนภูเขาคู่ใด ถึงได้กล้าถึงขั้นมานั่งอยู่บนหัวกำแพงเมืองระหว่างเว่ยจิ้นกับเฉาจวิ้น
อันที่จริงเฉาจวิ้นนั้นถือว่าได้พึ่งใบบุญของเว่ยจิ้น ถึงได้ถูกผู้คนสงสัยใคร่รู้ในสถานะของเขา ถึงเวลานั้นก็หนีไม่พ้นคำพูดสองอย่าง หนึ่งคือที่แท้ก็เป็นลูกหลานของเซียนกระบี่ผู้เฒ่าเฉาซีแห่งหอพิทักษ์มหาสมุทรของทักษินาตยทวีป ส่วนอีกคำกล่าวหนึ่ง ที่แท้ก็คือตัวอ่อนเซียนกระบี่ก่อนกำเนิดที่ในอดีตเคยถูกจั่วโย่วทำลายจิตแห่งกระบี่จนแหลกสลาย หรืออย่างมากสุดก็จะถามเพิ่มมาเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นจั่วโย่วออกกระบี่ครั้งหนึ่งหรือสองครั้ง?
ดังนั้นในช่วงเวลาที่มาฝึกกระบี่อยู่ที่นี่ เฉาจวิ้นจึงหงุดหงิดใจอย่างมาก ในใจคิดว่าจะดีจะชั่วข้าผู้อาวุโสก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดตัวจริงคนหนึ่ง นอกจากอยู่ที่ซากปรักของกำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งนี้แล้ว มีที่ใดในใต้หล้าไพศาลบ้างที่ไม่อาจช่วงชิงยศเซียนกระบี่มาได้?
เฉาจวิ้นนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ก็พูดกับเฉินผิงอันว่า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีนักพรตพเนจรคนหนึ่ง บอกว่าเป็นท่านลุงของเจ้า เขามาพูดคุยกับข้าและเซียนกระบี่ใหญ่เว่ยสองสามคำ น้ำเสียงโอหังนัก วางมาดเสียใหญ่โต เขามีความเป็นมาอย่างไร?”
ปีนั้นเฉาจวิ้นเคยไปเยือนถ้ำสวรรค์หลีจู แล้วนับประสาอะไรกับที่บ้านบรรพบุรุษสกุลเฉาก็อยู่ที่ตรอกหนีผิง เขาย่อมรู้ถึงพื้นฐานครอบครัวของเฉินผิงอันดี รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว
เฉินผิงอันกล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่ท่านลุงของข้า ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของเจ้าถึงจะถูก คราวหน้าพวกเจ้าได้พบกับเขาอีกครั้ง เจ้าก็เรียกเขาอย่างนี้ รับรองว่าไม่มีเรื่องร้ายอะไรแน่นอน จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า”
ต้องเป็นอู๋ซวงเจี้ยงอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาหาเฒ่าหูหนวกเจอหรือไม่
ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนใดที่ควรไปมีเรื่องด้วย ผู้ฝึกบำเพ็ญตน ยิ่งเดินขึ้นเขาได้สูงเท่าไรก็ยิ่งรู้เรื่องนี้ชัดเจนดี
และทุกวันนี้เฉินผิงอันก็เพิ่งจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งเท่านั้น หากบนเส้นทางการฝึกตนในอนาคตอีกร้อยปียังนับว่าราบรื่น ก็อาจได้เลื่อนเป็นเซียนเหริน หรือกลายเป็นบินทะยาน แต่หากจะพูดถึงโชควาสนาในการผสานมรรคาเป็นขอบเขตสิบสี่ที่ ‘ลี้ลับมหัศจรรย์’ นั้น กลับไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย นี่ทำให้เฉินผิงอันยิ่งรู้สึกจนใจเป็นทบทวี เพราะสามารถแน่ใจได้เลยว่า บุคคลอย่างเจิ้งจวีจงและอู๋ซวงเจี้ยงไม่ใช่คนที่จะกอดขาพระเมื่อจวนตัว พวกเขาต้องวางแผนเตรียมการมาตั้งแต่ตอนเป็นห้าขอบเขตกลาง คิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าเส้นทางการผสานมรรคาควรจะเดินไปอย่างไร
เฉาจวิ้นอัดอั้นนัก สองคนนี้ดูเหมือนจะชอบพูดคุยกับคนอื่นด้วยลักษณะทำนองนี้ หรือว่านักพรตคนนั้นจะเป็นญาติห่างๆ ของเฉินผิงอันจริงๆ?
เฉาจวิ้นถามหยั่งเชิง “เจ้าหมอนั่นคือผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานที่อำพรางตัวตนหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ใช่ขอบเขตบินทะยาน แล้วก็ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่”
แต่เจ้าตำหนักสุ้ยฉูแห่งใต้หล้ามืดสลัวท่านนั้นคือผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนหนึ่ง แล้วยังทำกระบี่เลียนแบบกระบี่เซียนขึ้นมาสี่เล่ม
เฉาจวิ้นยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้ายังต้องนับญาติกะผายลมอะไรกัน เป็นเรื่องที่มีแต่จะเสียเปรียบ ไม่ได้ประโยชน์เลยแม้แต่น้อย”
เฉินผิงอันไม่สนใจ ถึงอย่างไรบัญชีที่หลอกเจ้ามากำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ถือว่าหายกันแล้ว เป็นเจ้าเฉาจวิ้นที่ไม่รู้จักคว้าโอกาสเอาไว้เอง
เฉาจวิ้นหัวเราะร่าถามว่า “ทุกวันนี้บนหัวกำแพงเมืองจะต้องมีพวกพี่สาวเทพธิดามาเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำกันทุกวัน เมื่อครู่ระหว่างที่เจ้าเดินทางมาก็น่าจะเห็นแล้ว ไม่โกรธสักนิดเลยหรือ?”
กลิ่นเครื่องประทินโฉมลอยฟุ้ง เสียงคนคุยกันเจื้อยแจ้ว เจ้าและข้าแนบชิดคลอเคลีย ท่องภูเขาเล่นน้ำ ผ่อนคลายสบายอารมณ์ ทุกหนแห่งคือทัศนียภาพงดงาม เนิบนาบสบายอุรา ผู้ฝึกกระบี่มีน้อยเพียงหยิบมือ ผู้ฝึกลมปราณกลับมากดุจขนวัว
ต่อให้ก่อนหน้านี้เฉาจวิ้นจะไม่เคยมาเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อนก็ยังรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ขัดต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่ฟ้าดินเคยเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมของไอสังหาร
เฉินผิงอันส่ายหน้า
เฉาจวิ้นมองสีหน้าเจ้าหมอนี่ ดูไม่เหมือนว่าจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ในใจเขาจึงยิ่งกังขา อดไม่ไหวถามว่า “ทำไมล่ะ? หากข้าเป็นเจ้า รับรองว่าเจอคนหนึ่งต้องซ้อมคนหนึ่ง เจอสองคนจะอัดให้น่วมกันทั้งคู่”
เฉินผิงอันกล่าว “นี่ก็คือความหมายในการดำรงอยู่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่”
มีกำแพงเมืองปราณกระบี่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานหมื่นปี ก็มีความสงบสุขของใต้หล้าไพศาลนานหมื่นปี
เฉาจวิ้นถอนหายใจหนึ่งที สองมือนวดคลึงข้างแก้ม ตนมาช้าไปแล้ว หากมาถึงเร็วกว่านี้ไม่ต้องพลาดสงครามใหญ่ครั้งนั้นไปแน่
เฉินผิงอันหันไปหาหนิงเหยา ถามว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าหมอนี่พูดเรื่องอะไร ข้าใจลอยไปเล็กน้อย ไม่ได้ยินจริงๆ”
พยายามอาศัยความสัมพันธ์จากการที่ถูกมหามรรคาของใต้หล้าเปลี่ยวร้างสยบกำราบ หมายจะตรวจสอบดูสถานการณ์การสู้รบของพื้นที่ใจกลางใต้หล้าแห่งนี้ น่าเสียดายที่ต้องเหนื่อยเปล่า เพราะเมื่อครู่ทำเรื่องนี้อยู่จึงแบ่งสมาธิไปสนใจสิ่งอื่นไม่ได้
หนิงเหยากล่าว “เขาบอกว่ามีคนแอบมาขโมยเศษหินด้านใต้หัวกำแพงเมืองแถบนี้ เอากลับไปใต้หล้าไพศาล”
อันที่จริงหนิงเหยาไม่ถือสาเรื่องนี้ เพราะกำแพงเมืองปราณกระบี่ในใจของนางก็คือผู้ฝึกกระบี่
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น เพราะเฉินผิงอันผสานมรรคากับมัน ทางฝั่งศาลบุ๋นจึงไม่ได้ตั้งกฎอะไรขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่ชัดบอกว่าไม่อนุญาตให้ผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่นขึ้นไปบนหัวกำแพงเมืองแถบนั้น แต่บอกไว้แค่สี่คำว่า เป็นตายรับผิดชอบกันเอง ผู้ฝึกลมปราณที่เดินทางไกลมาถึงที่แห่งนี้ต่างก็รู้หนักเบาและผลดีผลเสียของเรื่องนี้ดี แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องซวยใส่ตัวที่นั่น สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าที่นั่นจะมีตราผนึกโบราณแปลกประหลาดน่าเหลือเชื่ออะไรอยู่หรือไม่ มีเพียงเรื่องวงในเรื่องเดียวที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คือหัวกำแพงแถบนั้นคล้ายกับจะเป็นสถานที่ฝึกตนของอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่
หนิงเหยาขมวดคิ้วถาม “ทำไมศาลบุ๋นถึงไม่สั่งห้ามเรื่องนี้? ที่นี่มีอริยะปราชญ์ที่มีเทวรูปอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?”
นางไม่สนใจ ไม่ได้หมายความว่าศาลบุ๋นจะสามารถแยกแยะไม่ชัดเจนเช่นนี้ได้ ในเมื่อแยกแยะได้ไม่ชัดเจน แล้วยังจะมีหน้ามาอยู่ที่นี่อีกหรือ?
เฉินผิงอันส่ายหน้า “นี่คือความเคารพอย่างหนึ่งที่ศาลบุ๋นมีต่อกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเรา”
หนิงเหยาสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เรื่องราวในกำแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนมอบให้ผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่เป็นผู้จัดการ จะปล่อยมือไม่สนใจก็ตามใจ แต่หากยินดีจะมาจัดการก็เชิญจัดการได้ตามสบาย”
หนิงเหยาพยักหน้า พอเฉินผิงอันอธิบายแบบนี้ ในใจนางก็ไม่เหลือความขัดเคืองน้อยนิดนั้นอีก
นางพลันยื่นมือออกมากุมมือเฉินผิงอันไว้เบาๆ
ตอนที่อยู่โรงเตี๊ยมแล้วหนิงเหยาเป็นฝ่ายเสนอว่าจะมาที่นี่เป็นเพื่อนเขา ก็เพื่อให้เขาพอจะวางใจได้บ้าง ไม่ใช่ทำให้เขาเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!