เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยเองก็รีบวางถ้วยเหล้าในมือลง ยกก้นขึ้นตามจิตใต้สำนึก เห็นว่าน้องหลิงจวินไม่ได้ลุกขึ้นยืน แต่เขาก็ไม่ได้วางก้นลง เกร็งก้นค้างอยู่กลางอากาศอย่างยากลำบากเช่นนั้น ค้อมเอวลงเล็กน้อย ส่วนสตรีผู้นั้นจะมองเห็นภาพนี้หรือไม่ เทพเซียนผู้เฒ่ากลับไม่สนใจ ความโชคดีที่มาเยือนอย่างเชื่องช้าของตนส่วนนี้ ได้มาจากไหน? นอกจากสายตาเฉียบแหลมเฉพาะตัวของเจ้าขุนเขาที่สามารถมองเห็นวีรบุรุษเฒ่าผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีอย่างเขาได้ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาแล้ว ยังต้องอาศัยการปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างจริงใจที่มหามรรคาสอดคล้องกับของภูเขาลั่วพั่วในส่วนนี้ด้วย ข้าเห็นคนสูงกว่าแต่กลับยอมก้มตัวต่ำก่อนนี่นะ เทพเซียนผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “ผู้คุมกฎมาเยือนเรือนโกโรโกโสของข้าด้วยตัวเอง เท้าอันสูงศักดิ์มาเหยียบย่ำพื้นสกปรกแห่งนี้ ช่างเป็นเกียรติของบ้านยากจนหลังนี้จริงๆ น่าจนใจที่ไม่มีสุราเลิศรสมารับรองแขก หากผู้คุมกฎฉางมิ่งไม่ถือสา…”
ฉางมิ่งยิ้มตาหยี “ถือสา”
เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยจึงเปลี่ยนคำพูดในทันที “ผู้คุมกฎเป็นคนตรงไปตรงมา ทำให้คนประหยัดแรงกายแรงใจจริงๆ”
ฉางมิ่งเอ่ย “เรื่องขวางทาง เจ้าระวังสักหน่อย”
เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยตอบเสียงทุ้มหนัก “เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว! พรุ่งนี้ผินเต้าจะลงมือด้วยตัวเอง”
ก่อนหน้านี้ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วไม่ได้เรียกหาเขา แค่ให้ลูกศิษย์จ้าวเติงเการับหน้าที่ทำเรื่องนี้แทน เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยถึงได้อดทนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหากพูดถึงแค่เรื่องของการรับรองผู้คน เจี่ยเฉิงก็ยอมรับว่าตัวเองอยู่ในภูเขาลั่วพั่ว ลำดับรายชื่ออย่างน้อยต้องติดห้าอันดับแรก รับเงินเดือนจากภูเขาลั่วพั่วทุกเดือน หากบอกว่ารับเงินแต่ไม่ยอมทำงาน เจี่ยเฉิงย่อมไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย แต่ห่านขาวใหญ่ที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับ แล้วยังมีผู้คุมกฎฉางมิ่งที่ไม่ว่ากับใครก็ล้วนมีรอยยิ้มส่งให้ผู้นี้? กลับไม่ปล่อยให้เขานอนเสวยสุขอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยจริงๆ
เมื่อคำสั่งห้ามรายงานขุนเขาสายน้ำของใต้หล้าไพศาลถูกยกเลิก และยังมีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำของภูเขาตะวันเที่ยงครั้งนั้น คนจากทั่วสารทิศที่มาเยือนภูเขาลั่วพั่วต่างก็กรูกันมาถึง มาจากสี่ด้านแปดทิศทั่วขุนเขาสายน้ำในหนึ่งทวีป
ไปๆ มาๆ ตลอดทั้งอาณาเขตของจังหวัดหลงโจว โรงเตี๊ยมน้อยใหญ่ล้วนมีคนเบียดเสียดกันแออัด
แน่นอนว่าคนที่มาชมความครึกครื้นที่นี่มีมากยิ่งกว่า ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องมีความปรารถนาอะไร ยกตัวอย่างเช่นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของแต่ละฝ่าย เดิมทีภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้มีภูเขาลั่วพั่วโผล่มาอีก บวกกับที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำของจังหวัดหลงโจวแห่งนี้มีสถานะเทพบนทำเนียบขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปที่ไม่ต่ำ เชื่อว่าอีกไม่นานภูเขาลั่วพั่วก็ต้องเผชิญกับความอึกทึกจอแจที่นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาเยือนมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ
ผู้ฝึกลมปราณที่ชื่นชมเลื่อมใสเซียนกระบี่ ผู้ฝึกยุทธที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพ ต้องการเรียนวิชาหมัดเท้าจากปรมาจารย์ด้านวรยุทธทั้งหลาย และยังต้องมีเทพธิดาบนภูเขาไม่น้อยที่อยากจะไปเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำที่หน้าประตูภูเขาของภูเขาลั่วพั่ว และในบรรดานี้ก็ต้องมีปรมาจารย์ด้านวรยุทธของแต่ละแคว้นที่อยากถามหมัดกับเผยเฉียนรวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่าไม่มีใครมาเพื่อต้องการชนะหมัด แค่อยากจะประลองฝีมือขอความรู้เท่านั้นเอง ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป ผู้ฝึกยุทธมีมากมายดุจขนวัว แต่เผยเฉียนกลับเป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ใหญ่ด้านวิถีวรยุทธที่ผ่านการประเมินมาแล้ว ถามหมัดกับนางแล้วยังอยากจะชนะ เสียสติไปแล้วหรือไร? ลองไปถามผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจบนสนามรบเมืองหลวงแห่งที่สองที่ถูกปรมาจารย์เผยต่อยไม่กี่หมัดร่างก็เหมือนดอกไม้บานกระจายสิว่าพวกมันเห็นด้วยหรือไม่?
เพราะในการประชุมบนเรือข้ามฟากก่อนหน้านี้ เฉินผิงอันบอกแล้วว่าภายในช่วงยี่สิบปีนี้ ภูเขาลั่วพั่วจะไม่รับลูกศิษย์
ดังนั้นจึงมีงานเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่ง ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วจำเป็นต้องมีคนคอยรับผิดชอบขวางทาง บอกกล่าวเรื่องนี้แก่คนนอกทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขัดขวางไม่ให้พวกเขาขึ้นเขาไปโดยพลการ เห็นภูเขาลั่วพั่วเป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ไป
เส้นทางที่พุ่งตรงไปยังภูเขาลั่วพั่วมีอยู่สองเส้น นอกจากทางภูเขาของอำเภอไหวหวงเส้นนั้นแล้วยังมีเส้นทางที่ทอดยาวมาจากเมืองหงจู๋ ภูเขาฉีตุน ช่วงนี้คนที่รับผิดชอบงานขวางคน ในทางแจ้งมีอวิ๋นจื่อ ป๋ายเสวียน จ้าวซู่เซี่ย และยังมีจ้าวเติงเกาลูกศิษย์ของนักพรตเฒ่าตาบอด ทำเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการฝึกประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ในทางลับก็มีผู้คุมกฎฉางมิ่งและผู้ฝึกกระบี่ชุยเหวย เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน มีเพียงป๋ายเสวียนที่มาร่วมวงความครึกครื้นอย่างเดียวเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรช่วงนี้เผยเฉียนก็ไม่อยู่บนภูเขาลั่วพั่วพอดี
ทุกวันนี้ป๋ายเสวียนค่อนข้างสนิทกับผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตรอกฉีหลงตัวนั้นค่อนข้างมาก มักจะไปนั่งยองบนพื้นถามว่าเจ้ากินหรือไม่? คนนั้นน่ะหรือ? ขอแค่เป็นวีรบุรุษที่ป่าวประกาศว่าจะถามหมัดกับเผยเฉียน ป๋ายเสวียนล้วนไม่ปล่อยผ่านไปแม้แต่คนเดียว เขาจดลงในบันทึกอย่างละเอียดทุกคน ชื่อแซ่ ฉายา ภูมิลำเนาบ้านเกิด ขอบเขตการเรียนวรยุทธ…
เฉินหลิงจวินไม่ได้เข้ามาร่วมวงทำเรื่องนี้อย่างที่หาได้ยาก หน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยต่างก็รู้สึกแปลกใจกันอย่างมาก แน่นอนว่าเฉินหลิงจวินแสร้งวางมาดของยอดฝีมือไปอย่างนั้นเอง มารดามันเถอะ คนดีและคนเลวปะปนกัน สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าในบรรดานี้มียอดฝีมือที่สามารถต่อยเขาให้ตายด้วยหมัดเดียวอยู่หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรในยุทธภพที่กว้างใหญ่ไพศาล ลำพังแค่ใจกล้าอย่างเดียวยังไม่พอ บนเส้นทางการฝึกตน หากไม่ใช่ม้าป่าที่หลุดจากบังเหียนก็เป็นหมูที่ถูกเลี้ยงอยู่ในเล้า แต่ละคนกร่างไม่แพ้กัน
วันนี้ทุกคนมารวมตัวนั่งกินข้าวกันบนโต๊ะตัวใหญ่ ครึกครื้นอย่างยิ่ง
ยังคงเป็นกฎเดิมที่ฟ้าผ่าก็ไม่สะเทือนข้อนั้น หากเฉินผิงอันไม่อยู่บนภูเขา ม้านั่งยาวตำแหน่งประธานจะเว้นว่างไว้ ต้องเก็บไว้ให้เจ้าขุนเขา
จูเหลี่ยน ชุยตงซาน หมี่อวี้ เฉินหน่วนซู่ หมี่ลี่น้อย เฉินหลิงจวิน จางเจียเจิน
และยังมีป๋ายเสวียนที่ชอบมาขอกินเปล่าดื่มเปล่าที่นี่
เหวยเหวินหลงไม่ค่อยปรากฏตัวนัก ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาคือเทพเซียนโอสถทองจึงไม่ต้องกินห้าธัญพืช แล้วก็ไม่ใช่ว่าท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาภของภูเขาลั่วพั่วท่านนี้มีนิสัยรักสันโดษอย่างไร แต่เป็นเพราะเขาหลงใหลในเรื่องของการทำบัญชี สมุดบัญชีแต่ละเล่มราวกับเป็นภรรยาของเขาคนแล้วคนเล่าอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนจ้าวซู่เซี่ยและจ้าวเติงเกา ทุกวันจะต้องเดินเท้ากลับไปที่เมืองเล็ก ผลัดกันเฝ้ายามบนถนนตอนกลางคืน คนหนึ่งคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้าขุนเขา อีกคนหนึ่งคือผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อ ทุกวันนี้ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันดีมาก พวกเขากับเฉินหลิงจวิน ป๋ายเสวียน เห็นได้ชัดว่ามีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เฉินหลิงจวินที่นั่งอยู่ที๋โต๊ะอาหารอดกลั้นมานานแล้ว “พ่อครัวเฒ่า ได้ยินมาว่าตอนที่เจ้าเป็นหนุ่มยังเป็นบุรุษรูปงามที่มีเพียงหนึ่งเดียวในแปดหมู่บ้านสิบลี้ด้วยหรือ?”
ทุกครั้งที่ขยับตะเกียบ ไม่ว่าจะคีบข้าวหรือกับข้าว จูเหลี่ยนมักจะต้องเคี้ยวอย่างละเอียดก่อนกลืนเสมอ “ธรรมดาๆ พอจะถือว่าไม่อัปลักษณ์เท่านั้น”
เฉินหลิงจวินหัวเราะคิกคัก “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงยังเป็นโสดอยู่ล่ะ เป็นเพราะตอนหนุ่มสายตาสูงเกินไป เลือกมากจนตาลาย แต่ก็ยังไม่มีแม่นางที่พึงพอใจ ถึงท้ายที่สุดเลยได้แต่เหมือนกับพี่น้องต้าเฟิงหรือ?”
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ลืมไปว่าเจ้าอายุมากกว่าข้าอีกนี่นะ?”
เฉินหลิงจวินสะอึกอึ้ง
หมี่ลี่น้อยยกมือป้องปาก กระซิบกระซาบถามพี่หญิงหน่วนซู่ “จิ่งชิงอายุเท่าไรแล้วหรือ?”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเหลือบมองเด็กชายชุดเขียวแล้วส่ายหน้า ตอบเสียงเบา “ไม่เคยถาม ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฉินหลิงจวินตบโต๊ะดังตึง “นังเด็กโง่ ละโมบในความงามของข้าใช่หรือไม่ ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้วล่ะสิ ฮ่าๆ …”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!