กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 855

นักพรต​เด็กหนุ่ม​ยืน​อยู่​บน​ขั้นบันได​ หยาง​เหล่า​โถว​แห่ง​ร้าน​ยา​มักจะ​นั่ง​ถือ​กระบอก​ยาสูบ​พ่น​ควัน​โขมง​อยู่​ตรงนั้น​เป็นประจำ​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ เขา​ก้มหัว​กราบ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​อย่าง​ถูกระเบียบ​ เงียบงัน​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

ไม่ใช่ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​แสร้ง​ทำเป็น​ลึกลับ​ แต่​เป็น​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ตอบ​อย่างไร​จริงๆ​ หลัก​ๆ แล้ว​ยัง​กังวล​ด้วยว่า​จะเกี่ยวพัน​ไป​ถึงห​ลี่​หลิ่ว​ จึงได้​แต่​บากหน้า​ทำตัว​เป็น​น้ำเต้า​ตัน​

นักพรต​เด็กหนุ่ม​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ ประสานมือ​คารวะ​ตาม​ขนบ​ของ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​อย่าง​เข้าท่า​เข้าที​ เพียง​คลี่​ยิ้ม​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

เด็กหนุ่ม​นั่งลง​บน​ขั้นบันได​ ผาย​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ “เชิญนั่ง​ตามสบาย​ พวกเรา​ต่าง​ก็​เป็น​แขก​ อย่า​ได้​คิดเล็กคิดน้อย​มากเกินไป​นัก​”

ข้า​เป็น​แขก​ที่​ผ่าน​ทาง​มา เจ้าในเวลานี้​ก็​เหมือนกัน​ แต่​หลังจากนี้​กลับ​ไม่แน่​เสมอไป​

เฉิน​ผิง​อัน​ขยับ​เท้า​ไป​นั่งลง​บน​ม้านั่งยาว​ มีเพดาน​เปิด​อ้า​ที่​น้ำ​สี่ทิศ​มารวมกัน​ใน​โถงเดียว​กั้น​ขวาง​เขา​กับ​เด็กหนุ่ม​เอาไว้​ ทั้งสอง​นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​กัน​

สถานะ​ของ​นักพรต​เด็กหนุ่ม​ตรงหน้า​ ไม่ต้อง​เดา​เลย​

เคย​ขี่​วัว​ผ่าน​ด่าน​ ท่องเที่ยว​ไป​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​อย่าง​สบาย​อุรา​ แค่​ชี้นิ้ว​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ที​ก็​ซัด​ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​เก่า​ให้​ร่วง​กลับ​ไป​ที่​ก้น​บ่อ​โบราณ​ ทิ้งร่องรอย​ที่​หลาย​พันปี​ก็​ไม่อาจ​ลบเลือน​ไว้​บน​ร่าง​ของ​อีก​ฝ่าย​

และ​ยิ่ง​บีบ​ให้​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ชูเซิงต้อง​หลบหนี​ไป​อยู่​นอก​ฟ้า ไม่กล้า​โผล่​หน้า​มา

ต่อให้​เป็น​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ ยอด​ฝีมือ​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ที่​ ‘ทุกๆ​ สามวัน​ห้า​วัน​จะต้อง​ไป​ถามไถ่ทักทาย​ผู้​ไร้​เทียมทาน​ที่​แท้จริง​’ เล่าลือ​กัน​ว่า​ตอนที่​เดินทาง​มาเยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ทุกครั้งที่​พูดคุย​ถึงมรรคา​จารย์​เต๋า​ผู้​ก่อสร้าง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงกับ​พวก​ป๋า​ย​เห​ย่​ก็​ยัง​รู้สึก​เป็นเกียรติ​ พูดจา​มั่นเหมาะ​น่าเชื่อ​ถือว่า​ ขอ​รับประกัน​ว่า​คน​ที่​ต่อสู้​ได้​เก่ง​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ยังคง​เป็น​ท่าน​ผู้​นั้น​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ข้า​

อยู่​กับ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ ทั้งที่​เข้าใจ​แต่​แสร้ง​ทำเป็น​เลอะเลือน​ ไม่ได้​มีความหมาย​ใดๆ​ ส่วน​คน​ที่​เลอะเลือน​แต่​แกล้ง​ทำเป็น​เข้าใจ​ก็​ยิ่ง​เป็นที่​ตลกขบขัน​ของ​คนอื่น​เข้าไป​ใหญ่​

มรรคา​จารย์​เต๋า​มอง​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​ขอบเขต​สิบ​สี่บน​ร่าง​เฉิน​ผิง​อัน​แล้ว​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คำ​ว่า​ห​ลี่​ (มารยาท​และ​พิธีการ​) ยาก​ที่จะ​มีครบถ้วน​ทั้ง​เหตุผล​และ​อารมณ์​ ทั้ง​ยัง​ไม่ตายตัว​ จอม​ปราชญ์​น้อย​ยังคง​ร้ายกาจ​อยู่​มาก​”

จากนั้น​มรรคา​จารย์​เต๋า​ก็​พูด​เปิดโปง​ความลับ​สวรรค์​ด้วย​ประโยค​ว่า​ “เจ้าสามารถ​แบกรับ​ขอบเขต​ส่วน​นี้​ของ​ลู่​เฉิน​เอาไว้​ได้​ สิ่งที่​สลาย​กระจาย​ไป​มีน้อย​มาก​ สาเหตุ​ไม่ได้​เพียงแค่​เพราะ​ห​ลี่​เซิ่งและ​ลู่​เฉิน​เท่านั้น​ คุณสมบัติ​ของ​ ‘เรือ​กลวง​’ บน​ร่าง​เจ้ามีค่อนข้าง​สูง ซึ่งนี่​ก็​มีความเกี่ยวข้อง​อยู่​ไม่น้อย​ มีเพียง​มหา​มรรคา​ที่​ถึงจะสามารถ​รวบรวม​สภาพ​จิตใจ​ที่​นิ่ง​สงบ​ว่างเปล่า​เอาไว้​ได้​ สภาพ​จิตใจ​ที่ว่างเปล่า​ใสสะอาด​เรียก​ว่า​ศีล​ใจ ผู้​ที่​ปล่อยวาง​ได้​ฟ้าดิน​ย่อม​กว้างใหญ่​ พูดถึง​แค่​ใน​บรรดา​คน​ที่​เจ้ารู้จัก​ โจว​มี่ ชุย​ฉาน​ ฉีจิ้งชุน​ เจิ้งจวี​จง อู๋ซวงเจี้ยง​ ล้วน​เป็น​จำพวก​บัณฑิต​ หาก​เอ่ย​ถ้อยคำ​ที่​ธรรมดา​สามัญสักหน่อย​ ก็​คือ​คน​คน​หนึ่ง​ต้อง​มีท้อง​ที่ว่างเปล่า​ถึงจะกิน​ได้​มากขึ้น​ เหตุใด​ผู้ฝึก​ตน​ถึงแตกต่าง​จาก​คน​ทั่วไป​ อะไร​คือ​คำกล่าว​ที่ว่า​ขึ้น​เขา​ฝึก​เป็น​เซียน​ ก็​หนี​ไม่พ้น​การเจาะ​ภูเขา​ทำเป็น​เรือน​พัก​ เอา​เจ็ด​อารมณ์​หก​ปรารถนา​ ความคิด​อัน​ซับซ้อน​ลมปราณ​อัน​ขุ่นมัว​ของ​มนุษย์​ธรรมดา​ย้ายออก​ไป​ นำ​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ วาสนา​มรรค​กถา​และ​บุญบารมี​ความโชคดี​ย้าย​เข้ามา​”

คน​ชุด​เขียว​ผู้​หนึ่ง​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​ คล้าย​กับ​เด็กประถม​ใน​โรงเรียน​ที่​เพิ่ง​ได้​เริ่ม​อ่านหนังสือ​รู้จัก​ตัวอักษร​

ทุกวันนี้​ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​ของ​ใต้​หล้า​ทั้งหลาย​ ไม่ว่า​จะเป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​หรือ​ขอบเขต​สิบ​สี่ล้วน​ไม่กล้า​เรียกชื่อ​โจว​มี่ออกมา​ตรงๆ​ เพราะ​กลัว​ว่า​จะเปิด​เผยความลับ​ของ​โลก​มนุษย์​ให้​แก่​บน​ฟ้า

มรรคา​จารย์​เต๋า​หัวเราะ​ ดูเหมือนว่า​เจ้าหมอ​นี่​จะยัง​ถูก​ปิดหูปิดตา​ ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ สามลัทธิ​เมธีร้อย​สำนัก​ มีหรือ​จะปล่อย​ให้​หนึ่ง​นั้น​ได้รับ​การ​ยอมรับ​จาก​ผู้​ครอง​กระบี่​ตั้งแต่​อายุ​น้อย​ๆ? และ​ยิ่ง​มีศิษย์​พี่​สอง​คน​คอย​จับตามอง​อยู่​ ต่อให้​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​จน​หัว​แตก​ก็​ไม่มีทาง​คิด​มาถึงตัวเอง​ ไม่มีทาง​นึกได้​ว่า​บน​เส้นทาง​ของ​การ​เดินทางไกล​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​ แท้จริง​แล้ว​ไม่เพียงแต่​เป็นการ​ถือ​เทียน​ท่อง​ราตรี​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็นการ​ถือ​โคม​ยาม​ทิวา​อีกด้วย​

เพียงแต่​มรรคา​จารย์​เต๋า​ไม่รีบร้อน​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​ เขา​ถามว่า​ “นับแต่​เด็ก​มาเจ้าก็​ใกล้ชิด​กับ​พระธรรม​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ความเข้าใจ​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ยอมรับ​และ​การ​ปฏิเสธ​ค่อน​ข้างมาก​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​คง​ต้อง​รู้​ถึงสัจธรรม​สามประโยค​สินะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “พระพุทธเจ้า​ตรัส​ว่า​โลก​ ทั้ง​ไม่ใช่โลก​ แต่​ชื่อ​เดิม​คือ​โลก​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “กล่าว​ได้ดี​ แต่​พูด​เฉย​ๆ ไม่สู้ยกตัวอย่าง​ให้​ฟัง หลักการ​เหตุผล​คือ​ความว่างเปล่า​ใน​ฟ้าดิน​ ตัวอย่าง​ก็​คือ​จุด​พัก​ม้าคือ​ท่าเรือ​ ทำให้​คนฟัง​มีพื้นที่​ให้​หยัดยืน​ ไม่อย่างนั้น​ยอด​ฝีมือ​ใช้เหตุผล​ ก็​คง​เหมือน​การขี่​กระเรียน​ไป​เยือน​หยาง​โจว​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ซูจื่อ​มีกวี​บท​หนึ่ง​บอก​ไว้​ว่า​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง หาก​ไร้​วาสนา​ได้​ไป​ชม ต้อง​เสียดาย​ไป​ชั่วชีวิต​ เมื่อ​ถึงครา​ได้มา​เยือน​กลับ​ค้นพบ​ว่า​ก็​มีเพียง​เท่านั้น​ เมฆเรืองรอง​แห่ง​เมือง​ตัน​โจว​ คลื่น​น้ำ​แห่ง​นที​เฉียน​ถัง”

มรรคา​จารย์​เต๋า​กล่าว​ “พูด​อีก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “เต๋า​ที่​อธิบาย​ได้​มิใช่เต๋า​ที่​เที่ยงแท้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​กล่าว​ “มิน่าเล่า​ซูจื่อ​ถึงมอบ​เทียบ​อักษร​ให้​ว่องไว​เต็มใจ​ยิ่งกว่า​หลิ่ว​ชี แล้วก็​ไม่แปลกที่​เจ้าอาราม​ซุน​โปรดปราน​เจ้าเป็นพิเศษ​ กลับ​ไป​ถึงบ้านเกิด​เจอ​ใคร​ก็​บอ​กว่า​มีสหาย​น้อย​อยู่​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​คน​หนึ่ง​ เป็น​คน​อัศจรรย์​”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้สึก​ลำบากใจ​เล็กน้อย​ ตน​ยัง​ไม่ทัน​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ชื่อเสียง​ก็​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​หัวถนน​แล้ว​หรือ​? แบบนี้​จะถือว่า​สุรา​หอม​มิต้อง​กลัว​อยู่​ใน​ตรอก​ลึก​หรือไม่​?

มรรคา​จารย์​เต๋า​ถามว่า​ “เคย​คิด​หรือไม่​ว่า​เหตุใด​ศิษย์​พี่​สอง​คน​นั้น​ของ​เจ้าถึงกล้า​ทำ​เรื่อง​จับ​ตะพาบ​ใน​ไห​? เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​ พวกเรา​สามคน​ก็​ไม่อาจ​ขจัด​ภัย​แฝงอย่าง​ซาก​ปรัก​สรวงสวรรค์​เก่า​นี้​ได้​อย่าง​สิ้นซาก​ ทุกวันนี้​โจว​มี่เข้าไป​อยู่​ใน​นั้น​ คาด​ว่า​ระดับ​ความ​ยาก​คง​มาก​ยิ่งกว่า​เดิม​ แต่​ตอนนี้​พวกเรา​ทั้ง​สามจะสลาย​มรรคา​แล้ว​ เรื่อง​ของ​การ​จัดการ​กับ​น้ำ​ แต่ไหนแต่ไร​มาการอุด​กั้น​ก็​ไม่สู้การ​ปล่อย​ให้​ไหลผ่าน​ หลักการ​นี้​ ชุย​ฉาน​และ​ฉีจิ้งชุน​ต่าง​ก็​ไม่ใช่คน​ที่​สายตา​คับแคบ​ มีหรือ​จะไม่เข้าใจ​? เจ้าลอง​คิด​อีกที​ว่า​ เหตุใด​โจว​มี่ถึงได้​พา​ผู้คน​ขึ้น​ฟ้า เขา​กำลัง​รอคอย​อะไร​อยู่​กัน​แน่​? คิด​จะเสริม​ตำแหน่ง​เทพ​ให้​ครบ​ ก็​น่าจะ​พอๆ กับ​กอง​โหราศาสตร์​ใน​ราชวงศ์​โลก​มนุษย์​ของ​พวกเรา​ เป็น​ดั่ง​หัวไชเท้า​หนึ่ง​หัว​กับ​หลุม​หนึ่ง​หลุม​มาโดยตลอด​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​พูด​มาถึงตรงนี้​ก็​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “โจว​มี่คง​ไม่ได้​เอาแต่​รอ​พวกเรา​สามคน​ไป​ขวาง​ประตู​หรอก​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ผู้เยาว์​คิด​แล้วก็​ไม่เข้าใจ​”

“เพราะ​บน​โลก​มนุษย์​มีอยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ทำให้​โจว​มี่ผู้​ซึ่งวางแผน​รอบคอบ​รัดกุม​กลายเป็น​ประมาทเลินเล่อ​ไป​ได้​”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยก​มือขึ้น​ชี้มาที่​เฉิน​ผิง​อัน​ “ก็​คือ​เจ้า นก​ใน​กรง​”

โจว​มี่ที่อยู่​บน​ฟ้า เฉิน​ผิง​อัน​ที่อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​มีการชัก​คะ​เย่อ​ใน​ด้าน​นิสัยใจคอ​กัน​อย่างหนึ่ง​อยู่​ และ​สุดท้าย​แล้​วจะ​เป็นตัว​ตัดสิน​ว่า​ใคร​ที่จะ​สามารถ​เป็นหนึ่ง​นั้น​ที่​ใหม่เอี่ยม​และ​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​

ภูเขา​ลั่วพั่ว?​ วิญญาณ​ (พั่ว)​ กลับ​สู่ฟ้า วิญญาณ​กลับ​สู่ดิน​

แน่นอน​ว่า​โจว​มี่ย่อม​ต้อง​มีวิธีการ​เป็น​ของ​ตัวเอง​ บุกเบิก​หา​เส้นทาง​ใหม่​ บุกเบิก​โฉมหน้าใหม่​ หา​วิธี​ใน​การ​คลี่คลาย​ปัญหา​ ไม่มีทาง​อยู่​นิ่งเฉย​รอ​ความตาย​อย่าง​แน่นอน​

มรรคา​จารย์​เต๋า​เอ่ย​ “ดังนั้น​ชิงถงเทียน​จวิน​ถึงทิ้งจดหมาย​ทางบ้าน​ไว้​ให้​เจ้าฉบับ​หนึ่ง​ ถามว่า​เจ้ากิน​อิ่ม​แล้ว​หรือไม่​”

เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ขึง​ตึง​ขึ้น​มาทันใด​ สอง​มือ​กำหมัด​หลวม​ๆ วาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ครั้ง​ ถามเสียง​หนัก​ “ข้า​ก็​คือ​…หนึ่ง​นั้น​?”

มรรคา​จารย์​เต๋า​ยิ้ม​เอ่ย​ “ฉีจิ้งชุน​เอา​ภาระ​หนักอึ้ง​วาง​ไว้​บน​บ่า​เจ้าแต่​เนิ่นๆ​ จริง​เสีย​ด้วย​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!