ฉีถิงจี้เอ่ย “ลู่จือ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันลงมือ?”
ลู่จือกล่าว “เจ้าขอบเขตสูง เดินทางไกลหน่อย ไปที่นครเซียนจานครึ่งหนึ่งนั้นก็แล้วกัน”
แสงกระบี่ของฉีถิงจี้กลายร่างเป็นสายรุ้ง พริบตาเดียวก็ไปถึงที่แห่งนั้น
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ใช้ได้นี่นา คุ้นเคยขนาดนี้เชียว?”
ลู่จือแสยะยิ้ม “เรื่องอย่างการค้อมเอวเก็บเงินนี้ ใครไม่สนใจ คนนั้นก็คือคนโง่”
ยันต์สามภูเขาสามส่วน สามารถเดินทางไกลได้ครึ่งหนึ่งของใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้ว
นครป่ายฮวา ซากปรักสนามรบโบราณ ขุนเขาใหญ่ชิงซาน
นครอวี้ป่านของราชวงศ์อวิ๋นเหวิน ภูเขาชิงเจี้ยน นครเซียนจาน
สำนักจิ่วเฉวียน ลำคลองอู๋ติ้ง ภูเขาทัวเยว่
ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันกำลังทำให้เส้นเอ็นหัวใจผ่อนคลายอย่างมีระดับ ยันต์สามภูเขาทุกส่วนล้วนมีภาพมายาของภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ก็แค่ผ่อนคลายอารมณ์ มาชมทัศนียภาพเท่านั้น
ภาพมายาที่อยู่ใกล้เคียงกับสำนักจิ่วเฉวียน หลังจากหนิงเหยาจุดธูปคารวะแล้วก็ถือยันต์ออกเดินทางไกลต่ออีกครั้ง
เฉินผิงอันทอดสายตามองไปไกล เจอเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ประตูภูเขาของสำนักจิ่วเฉวียน แม้จะอยู่ห่างมาโดยมีระยะทางขุนเขาสายน้ำพันกว่าลี้กั้นขวาง แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้จะสามารถได้กลิ่นหอมของสุราจากทางฝั่งนั้นแล้ว
เฉินผิงอันทรุดตัวลงนั่งยองด้วยความเคยชิน หยิบดินมาขยี้เบาๆ ยิ้มเอ่ยว่า “อาเหลียงเคยบอกว่าใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็มีจอมยุทธผู้กล้าหาญ ในกลุ่มของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจก็มีวีรบุรุษที่เหมือนคนมากกว่าคนอยู่เช่นกัน เขายังตั้งใจพูดถึงสุราของที่นี่ให้ข้าฟัง บอกว่าในอนาคตหากมีโอกาสมาเที่ยวเยือนพื้นที่ใจกลางของเปลี่ยวร้าง ก็ต้องมาดื่มเหล้าที่นี่สักมื้อให้จงได้”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “บนโลกไม่มีเรื่องเล็ก วิญญาณที่แท้จริงแห่งฟ้าดิน ใครเล่าจะกล้าดูแคลน คำว่าคนบนภูเขาก็เป็นแค่ไก่ดินหมากระเบื้อง คนมาไม่เห่า เอาไม้ฟาดก็ไม่ไป”
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็เก็บอำพรางลมปราณ ก้าวหนึ่งก้าวออกไปไกลพันลี้ก็มาถึงนครที่อยู่ใต้เปลือกตาของสำนักจิ่วเฉวียน เลือกร้านเหล้าหนึ่งร้านง่ายๆ ร้านนี้กิจการดีมาก แต่ผู้ฝึกตนของสำนักจิ่วเฉวียนขึ้นชื่อว่าไม่ชอบต่อยตี อีกอย่าง เรื่องของการต่อสู้ก็ไม่มีฝีมือมากไปกว่าผู้ฝึกตนของสำนักอื่น เจ้าสำนักมีขอบเขตเป็นเซียนเหรินอาวุโสที่เนิ่นนานก็ยังไม่อาจฝ่าทะลุขอบเขตได้สักที บางครั้งยามออกจากบ้านก็จะถือคติของสำนักไปด้วย นั่นคือพบหน้าใครก็ต้องมอบสุราให้
ในนครมีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจค่อนข้างมาก เฉินผิงอันจึงไม่ดูแปลกแยก อีกทั้งยังร่ายเวทอำพรางตา จงใจปิดบังกระบี่ยาวเย่โหยวและกวานเต๋าชิ้นนั้น
เฉินผิงอันสั่งเหล้าหมักขึ้นชื่อมาจากเถ้าแก่ร้านสามไห กับแกล้มอีกสองสามจานแล้วหาโต๊ะตัวหนึ่ง นั่งลงเพียงลำพัง เทเหล้าใส่ชาม ยกชามขาวขึ้น ก้มหน้าสูดกลิ่นแล้วหรี่ตา เป็นเหล้าดีจริงๆ เสียด้วย ประเด็นสำคัญคือราคาถูก ของดีราคาถูก แค่จ่ายหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะก็เอากลับไปได้สามไหแล้ว
ลู่เฉินถามหยั่งเชิง “ข้าสามารถเผยกายดื่มเหล้าได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้า
ลู่เฉินจึงเผยกายในร้านเหล้าด้วยรูปลักษณ์ของดวงจิตเมล็ดงาดวงหนึ่ง ลักษณะไม่ได้ต่างจากนักพรตหนุ่มที่ตั้งแผงดูดวงอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูของปีนั้นสักเท่าไร ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นกายของความยากจน
อีกทั้งในร้านเหล้าแห่งนี้ก็มีฝึกตนอยู่หลายคน แต่กลับสัมผัสไม่ได้ถึงการปรากฎตัวอย่างกะทันหันของลู่เฉินเลยแม้แต่น้อย หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ราวกับว่านักพรคหนุ่มคนนี้อยู่ที่ร้านเหล้าร้านนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
มีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจสองตนที่ยังจำแลงร่างมนุษย์ไม่ได้อย่างเต็มที่คิดจะเอาโต๊ะมาประกบต่อด้วย ลู่เฉินกลับยกฝ่ามือตบโต๊ะ “นายท่านเหมือนคนที่จะนั่งร่วมโต๊ะดื่มเหล้ากับคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันคร้านจะถือสาเรื่องพวกนี้ เพียงขอชามใบหนึ่งมาจากร้านเหล้า รินเหล้าให้ลู่เฉิน ยิ้มถามว่า “ขโมยอะไรทำให้เศร้าใจได้มากที่สุด?”
ลู่เฉินนั่งขัดสมาธิบนม้านั่งยาว สองมือชูชามเหล้าขึ้น ยกเหล้าจิบหนึ่งอึก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม โคลงศีรษะเอ่ย “แน่นอนว่าต้องขโมยเหล้าดื่ม”
เฉินผิงอันอดนึกถึงเรื่องราวในบ้านเกิดของปีนั้นขึ้นมาไม่ได้ เจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิงท่านนี้ ในช่วงเวลาเหล่านั้นได้อาศัยขออ้างว่าดูลายมือให้อื่นหลอกแตะอั๋งสตรีของเมืองเล็กไปไม่น้อย
ชาวบ้านไม่อาจล่วงรู้เรื่องราวในโลกมนุษย์ แต่ชื่นชอบชีวิตการทำไร่ทำนาที่สงบสุข
ถ้ำสวรรค์หลีจูในอดีต ร้อยบุปผาล้ำค่าพืชพรรณเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ทั้งสองคนต่างคิดไปคนละเรื่อง จึงเพียงแค่ดื่มเหล้ากันไปเงียบๆ
เฉินผิงอันดื่มเหล้าไปหนึ่งชาม เหล้าของลู่เฉินก็ลดน้อยจนเริ่มมองเห็นก้นชามแล้ว จึงรินเหล้าให้เต็มอีกสองชาม
ลู่เฉินกล่าวขอบคุณหนึ่งคำ เหลือบตามองม่านฟ้า เอ่ยปากเนิบช้า “หาวซู่เองก็เป็นคนน่าสงสาร”
เฉินผิงอันไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ลู่เฉินกล่าว “แน่นอน คนน่าสงสารก็ย่อมต้องมีจุดที่น่าชิงชัง เพียงแต่ว่าจุดที่น่าชิงชังที่สุดยังคงเป็นว่าเอาความเกลียดแค้นของทุกคนใต้หล้ามารวมกันแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะยังสู้หาวซู่เกลียดแค้นตัวเองไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เงื่อนตายก็ยิ่งมิอาจคลี่คลายได้อย่างแท้จริงแล้ว”
ปีนั้นเป็นเด็กหนุ่ม เลือดร้อนโอหัง
หาวซู่เคยตั้งปณิธานว่าจะพกกระบี่เปิดเส้นทางแห่งมหามรรคาไปสู่ฟ้าที่แท้จริงเส้นหนึ่งให้กับปวงประชาในใต้หล้าของบ้านเกิด
คิดไม่ถึง่ว่าสุดท้ายบุรุษคนนี้กลับทำเพียงแค่รับตำแหน่งสิงกวานอยู่ในคุกของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ดื่มเหล้าเพียงลำพัง กาลเวลายาวนาน ก็แค่ได้เห็นพระจันทร์เต็มดวงอยู่หลายครั้งเท่านั้น
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งของสิงกวานหาวซู่ มีชื่อว่าฉานเจวียน (สาวงามหรืออีกความหมายคือดวงจันทร์) ห่างไกลกันพันลี้ยังได้ชมแสงจันทร์งดงาม ชมเกล็ดน้ำค้างแข็งบนพื้นดินของโลกมนุษย์ด้วยกัน
พื้นที่มงคลระดับกลางบ้านเกิดของเขาที่อยู่ในฝูเหยาทวีป ผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองคนหนึ่ง เดิมทีก็คือคอขวดบนมหามรรคาอย่างหนึ่ง แต่หาวซู่กลับเลื่อนเป็นก่อกำเนิดได้ในคราวเดียว
ดังนั้นหาวซู่ที่อยู่ในใต้หล้าบ้านเกิดของตัวเอง ขอเพียงเขายินดี ไม่รีบร้อนจากไป คนคนเดียวพกกระบี่บุกสังหารไปทั่วใต้หล้าก็ยังไม่ยาก ต่อให้ใต้หล้าของพื้นที่มงคลจะมีภาพเหตุการณ์ประหลาดหลากหลาย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน หาวซู่ที่อายุน้อยเลือดลมพลุ่งพล่านก็ยังเปี่ยมไปด้วยความเห่อเหิมทะเยอทะยาน ข้าเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเอง มั่นใจว่าเวทกระบี่ของตัวเองย่อมไม่แพ้ให้กับพวกคนนอกฟ้าเหล่านั้นแน่นอน
และการที่ความเคลื่อนไหวยามที่หาวซู่พกกระบี่บินทะยานออกจากพื้นที่มงคลรุนแรงขนาดนั้น ชักนำให้ตระกูลเซียนไพศาลมากมายจับจ้องมองมาด้วยความละโมบ ก็เป็นเพราะวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินเล่มนั้นของหาวซู่ ‘โอ้อวดตัวเอง’ มากเกินไป ชักนำให้แสงจันทร์ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์
อันที่จริงเวลานี้เขารู้สึกใจคอไม่ดีสักเท่าไร มักรู้สึกว่าเฉินผิงอันเอ่ยความในใจพวกนี้จบแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะทำอะไรบางอย่างใกล้กับภาพมายาภูเขาของลำคลองอู๋ติ้งเส้นนั้นก็เป็นได้
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
ลู่เฉินกะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ถามว่า “เหตุใด้ถึงไม่ลองลากดวงจันทร์ดวงนั้นไปยังใต้หล้าไพศาล หรือไม่ก็ใต้หล้าห้าสีล่ะ? นี่เรียกว่าน้ำดีไม่ไหลเข้านาคนอื่น เหตุใดถึงต้องมอบเรื่องดีใหญ่เทียมฟ้านี้ให้กับใต้หล้ามืดสลัวของพวกเราเปล่าๆ ด้วย?”
เฉินผิงอันมองเขา “เจ้าลัทธิลู่ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดี แบบนี้ก็ไม่มีความหมายแล้ว เดี๋ยวคราวหน้าคิดเงินค่าเหล้ามาให้ข้าด้วย”
หากสามารถลากดวงจันทร์ดวงหนึ่งไปได้สำเร็จจริง ก็จะทำให้ใต้หล้าเปลี่ยวร้างสูญเสียโชคชะตาฟ้าส่วนหนึ่งไป
สามารถหาสถานที่ฝึกตนแห่งหนึ่งให้กับหาวซู่ได้ เดิมทีลู่เฉินก็เป็นคนนำทางที่จะพาหาวซู่ไปยังใต้หล้ามืดสลัวอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันก็ถือว่าเฉินผิงอันได้มอบของขวัญตอบแทนกลับคืนให้กับมรรคาจารย์เต๋า
ส่วนใต้หล้ามืดสลัวกับป๋ายอวี้จิง พอถึงเวลานั้นแล้วจะจัดการกับดวงจันทร์ที่อยู่ดีๆ ก็เพิ่มมาดวงหนึ่งนี้อย่างไร เฉินผิงอันก็ไม่สนใจแล้ว
ขณะเดียวกัน ในอนาคตเมื่อเดินทางไกลไปเยือนใต้หล้ามืดสลัว อาศัยคุณความชอบส่วนนี้ ต่อให้จะแบกรับชื่อจริงของปีศาจใหญ่เอาไว้ เชื่อว่าก็สามารถช่วยลดทอนการสยบกำราบของมหามรรคาที่มองไม่เห็นไปได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน
แล้วยังสามารถช่วยให้ใต้หล้ามืดสลัวสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับเงื่อนไขฟ้าของใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้ด้วย
การกระทำเดียวได้ผลประโยชน์ถึงห้าทาง
อย่าเห็นว่าตลอดทางที่ผ่านมาลู่เฉินมีสายตาไม่พอใจ โอดครวญไม่หยุด ราวกับว่าถูกเฉินผิงอันจูงจมูกเดินมาตลอดทาง แท้จริงแล้วเจ้าลัทธิสามของป๋ายอวี้จิงท่านนี้ต่างหากที่ถึงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำการค้าที่แท้จริง
ดวงจิตของลู่เฉินกลับเข้าไปในสถานที่ประกอบพิธีกรรมดอกบัวอีกครั้ง เฉินผิงอันจึงถือยันต์ออกเดินทางไกลอีกครา
บางทีอาจเป็นเพราะมหามรรคาใกล้ชิดกับสายน้ำ พอเฉินผิงอันมาถึงภาพมายาภูเขาแห่งนี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงโชคชะตาน้ำเข้มข้นขุมหนึ่งที่โชยมาปะทะใบหน้าได้ทันที
ลำคลองอู๋ติ้งเส้นนี้มีผิวน้ำกว้างขวางหลายสิบลี้ เป็นเพียงแค่หนึ่งในหลายร้อยสายน้ำที่ไหลแยกไปของลำคลองเย่ลั่วเท่านั้น
หลังจากเฉินผิงอันจุดธูปคารวะเรียบร้อยแล้ว
เขาก็เผยกายธรรมนักพรตเต๋าอีกครั้ง ไม่ได้สูงแปดพันจั้ง แต่สูงเก้าพันจั้ง เท้าข้างหนึ่งของกายธรรมก้าวออกมาเหยียบลงบนลำคลองอู๋ติ้ง กระตุ้นให้เกิดคลื่นยักษ์ถาโถม กายธรรมสูงขึ้นไปอีกหนึ่งพันจั้ง
กายธรรมหมื่นจั้งตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าดิน ยกฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปคว้า ถึงกับกระชากเอาลำคลองอู๋ติ้งที่อยู่บนพื้นดินขึ้นมา และตามมาด้วยลำน้ำที่ไหลแยกออกไปอีกหลายสายของลำคลองเย่ลั่ว
เฉินผิงอันกระชากแม่น้ำลำคลองสามร้อยกว่าสายขึ้นมาทั้งอย่างนี้ ครั้นจึงบิดรวมกันจนกลายเป็นเชือกยาวชะตาน้ำ สุดท้ายกายธรรมทิ้งตัวไปด้านหลังพุ่งทะยานออกไป หดย่อภูเขาสายน้ำหมื่นลี้แล้วก็หมื่นลี้ เป็นเหตุให้ลำคลองเย่ลั่วทั้งสายถึงกับหลุดออกมาจากท้องน้ำ สายน้ำใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ ถูกคนกระชากดึงแม่น้ำพาเดินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!