เฉินผิงอันยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว คีบเส้นยาวสีทองที่แทงทะลุไหล่จนเป็นรูเส้นนั้นเอาไว้ แต่กลับไม่อาจขยี้ให้มันขาดได้
ก่อนหน้านี้ลู่เฉินถามไปแต่ไร้คำตอบ จึงใจลอยอยู่ตลอดเวลา เวลานี้จึงทำตัวให้กระฉับกระเฉง ใช้เสียงในใจอธิบายให้เฉินผิงอันฟัง “เป็นเพราะบนร่างของเจ้าแบกรับชื่อจริงของปีศาจใหญ่เอาไว้ จึงกลายมาเป็นภาระ ไม่ได้เลื่อนสู่ขอบเขตเรือกลวงของผินเต้าได้อย่างแท้จริง หากจะให้บอกวิธีแก้ปัญหา…”
คิดไม่ถึงว่าไม่ต้องรอให้ลู่เฉินชี้แนะ เฉินผิงอันก็ก้าวยาวๆ ขยับไปด้านข้าง จงใจไม่ออกกระบี่เปิดภูเขาต่อ ปล่อยให้ปีศาจใหญ่หยวนซงอยู่ว่างๆ ไปก่อน
กายธรรมหมื่นจั้งขยับไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของภูเขาทัวเยว่ คล้ายจะรำคาญที่มันอืดอาดชักช้าเกินไป จึงช่วยให้มันเฉือนไหล่ของกายธรรมตนให้เสร็จไปในรวดเดียวเสียเลย
ลู่เฉินที่เป็นคนนอกเหตุการณ์ นอนอยู่ในสถานที่ประกอบพิธีกรรมดอกบัวอดรู้สึกเจ็บแทนเฉินผิงอันไม่ได้
กายธรรมหมื่นจั้งยื่นมือออกไปคว้าพร้อมกัน บังคับกระบี่ยาวเย่โหยวให้ออกจากฝัก หลังกุมไว้ด้วยมือขวา เย่โหยวก็พลันขยายใหญ่สอดคล้องกับความสูงของกายธรรม จากนั้นเฉินผิงอันจึงหันกายแทงกระบี่ยาวเย่โหยวลงในพื้นดิน บิดข้อมือหนึ่งที พันเส้นยาวสีทองไว้บนแขน แล้วเริ่มกระชากเอาปีศาจใต้ดินที่ร่างจริงไม่เล็กให้ขยับเข้ามาหาตนอย่างต่อเนื่อง
แผ่นดินและขุนเขาสายน้ำที่เดิมทีแข็งแกร่งผิดปกติเพราะถูกปราณวิญญาณฟ้าดินและโชคชะตาขุนเขาสายน้ำอาบย้อมมานานหมื่นปี พลันอ่อนนุ่มเหมือนดินโคลนที่ถูกพลิกตลบ ร่างจริงของเผ่าปีศาจที่อยู่ใต้ดินคล้ายจะสัมผัสได้ถึงเส้นแบ่งความเป็นความตาย จึงร่ายวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต คอยเชื่อมโยงรากภูเขาของภูเขาทัวเยว่ไว้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ดิ้นสะบัดพลิกหมุนร่างอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะหนีออกไปด้านหลัง บนพื้นดินจึงเกิดเป็นร่องลึกที่เพียงแค่ขยับก็ลากยาวแผ่ออกไปหลายสิบลี้หรือถึงร้อยกว่าลี้
สุดท้ายเรือนกายใหญ่โตโอฬารลักษณะกึ่งเจียวกึ่งมังกรก็ถูกเฉินผิงอันกระชากออกมาจากใต้ดินอย่างแรง แล้วค่อยๆ ถูกดึงขยับเข้ามาใกล้คมกระบี่ที่ตั้งตรงของกระบี่ยาวเย่โหวทีละนิด
ระหว่างนั้นร่างจริงของเผ่าปีศาจตนนี้คอยกระโดดหลบอย่างต่อเนื่อง พยามยามที่จะหันหลังเข้าหาคมกระบี่ ภูเขาหลายลูกถูกเรือนกายที่ใหญ่โตของมันกลิ้งทับปาดจนราบ บ้างก็ถูกกระแทกชนจนกลายเป็นหุบเขาขนาดมหึมา
ลู่เฉินลุกขึ้นนั่ง หลุบตาลงต่ำมองภาพเหตุการณ์นี้ นี่ไม่ใช่การตกปลาอะไรแล้ว แต่เหมือนคนที่อยู่บนฝั่งกระชากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาโดยไม่มีเคล็ดลับใดๆ ประชันกันเรื่องพละกำลังอย่างเดียวเท่านั้น
ผลคือเผ่าพันธุ์เจียวหลงที่ร่างจริงยาวหลายพันจั้งถูกกระบี่ยาวเย่โหยวที่ปักนิ่งไว้ที่เดิมผ่าตั้งแต่หัวลงมา ฉีกขาดจากหนึ่งออกเป็นสอง
ให้มาอย่างไรก็คืนกลับไปอย่างนั้น ดุจกรรมตามสนอง
ส่วนเหตุใดผู้ถวายงานของภูเขาทัวเยว่ตนนี้ถึงไม่เก็บร่างจริง สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะกลืนเส้นสีทองลงไป ดูเหมือนปีศาจใหญ่หยวนซงจะตั้งใจให้อีกฝ่ายคงสภาพร่างจริงเอาไว้ นอกจากนี้ก็เพราะเฉินผิงอันเรียกนกในกรงและจันทร์ในบ่อออกมาพร้อมกัน ไม่มากไม่น้อย ฟ้าดินเล็กแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนโลก สามารถใช้กระบี่บินที่รวมกันแน่นหนามากหลายแสนเล่มมาปกคลุมเรือนกายของอีกฝ่ายได้พอดี
ลู่เฉินถอนหายใจด้วยความทึ่ง อิ่นกวานต่อสู้กับคนอื่นก็ช่างรวดเร็วฉับไวจริงๆ
มิน่าเล่าถึงเอาเปรียบเฉาสือได้ไม่น้อย
รอกระทั่งผู้ถวายงานของภูเขาทัวเยว่ตนนี้ถูกแยกร่าง เฉินผิงอันถึงได้ใช้มือซ้ายถือกระบี่ ปล่อยกระบี่เข้าใส่ภูเขาทัวเยว่ต่ออีกครั้ง
หลังจากใช้หนึ่งกระบี่เปิดภูเขา เส้นสีทองที่รัดพันอยู่บนแขนของเฉินผิงอันก็สลายหายไป ในมือของหยวนซงก็มีหอกยาวสีทองเล่มหนึ่งเพิ่มมา
ลู่เฉินเอ่ยเตือน “การลงมือครั้งนี้เป็นแค่การหยั่งเชิงของหยวนซงเท่านั้น เพื่อจะได้ยืนยันให้แน่ใจถึงลักษณะการกระจายตัวของชื่อจริงเผ่าปีศาจที่อยู่บนร่างเจ้า ต้องระวังตัวแล้ว”
กายธรรมของเฉินผิงอันสลายหายไปจากจุดเดิม มาโผล่ห่างไปพันลี้ คิดไม่ถึงว่าเส้นยาวสีทองจะตามติดดั่งเงา ครั้งนี้พุ่งแทงเข้ามาที่หัวใจของกายธรรม เฉินผิงอันยื่นมือไปคว้าเส้นสีทอง ระดับความแข็งแกร่งด้อยกว่าครั้งแรกที่ถูกขว้างออกมามากนัก เพิ่งจะกระชากมันขาดออก ในใจเฉินผิงอันก็รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว เห็นเพียงว่าบนยอดสูงสุดของภูเขาทัวเยว่เหมือนมีดอกบัวสีทองดอกหนึ่งเปล่งประกายแสงออกมา หอกยาวในมือของปีศาจใหญ่หยวนซงถึงกับขว้างเส้นแสงออกมาพร้อมกันนับร้อยนับพันเส้น ระดับความเร็วนั้นแม้แต่เฉินผิงอันก็ยังมิอาจหลบได้พ้น เส้นสีทองทั้งหลายพุ่งตรงไปยังจุดที่รองรับชื่อจริงของเผ่าปีศาจในร่างกายธรรม ก่อให้เกิดริ้วกระเพื่อมสีทองเป็นวงๆ
สามารถกลายเป็นลูกศิษย์คนแรกของบรรพบุรุษใหญ่แห่งเปลี่ยวร้างได้ คุณสมบัติการฝึกตนของหยวนซงต้องไม่แย่แน่นอน หลังจากผสานมรรคากับภูเขาทัวเยว่แล้ว แม้จะบอกว่าได้แค่เพิ่มตบะขอบเขตบินทะยานไปทุกปี เท่ากับว่าสูญเสียโอกาสในการเป็นขอบเขตสิบสี่ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทว่าฝึกตนมาหมื่นปี หยุดชะงักอยู่ที่ยอดเขาสูงสุดของขอบเขตบินทะยานก็เป็นยอดสูงสุดอย่างสมชื่อแล้วจริงๆ
เฉินผิงอันฟันกระบี่ใส่ภูเขาทัวเยว่ ให้หยวนซงตายไปอีกครั้ง เส้นยาวสีทองที่ร้อยพันอยู่บนร่างกายธรรมก็หายไปพร้อมกันด้วย
ทิวาราตรีสลับเปลี่ยน ม่านสีดำหนาหนักทาบทับลงมา
หยวนซงเงยหน้าขึ้น คือค่ายกลกระบี่ที่จำนวนกระบี่บินถี่แน่นมากถึงหลายแสนเล่ม
ค่ายกลกระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศค่อยๆ กดทับลงมาบนโลกมนุษย์
ภาพเหตุการณ์นี้ประหนึ่งท้องฟ้ากำลังร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน
หยวนซงประกบสองนิ้ว ท่องคาถาในใจ มืออีกข้างแบออกทำท่าประคองขึ้นด้านบน เส้นลายมือมีปณิธานไหลเวียนวน ก่อนจะปรากฏเป็นคันฉ่องวิเศษห้าสีสดใส เขายกมือขึ้นเบาๆ กระจกก็ลอยสูงตาม พุ่งปะทะรับหน้าค่ายกลกระบี่ที่หล่นลงมาจากนภากาศ
ลู่เฉินทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา ภาพบรรยากาศนี้ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
วิธีการนี้ของหยวนซงไม่ต่างจากการร่ายเวทคาถาสะบั้นฟ้าตัดดินในพื้นที่ ‘มุมหนึ่ง’ แล้ว
แน่นอนว่าเฉินผิงอันก็มีเป้าหมายที่ลึกล้ำเช่นเดียวกัน ในความเป็นจริงแล้ว ในสายตาของลู่เฉิน เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่มีเรื่องดีเรื่องใดที่เป็นการเอาหินของภูเขาลูกอื่นมากลึงหยกของตัวเองได้ดียิ่งกว่าการกระทำนี้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!