เพียงแต่พอคิดถึงคำแฉของหยวนซง เซียนเหรินทั้งสามที่เดิมทียังหวั่นไหวก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ขุนเขาสายน้ำรอบด้าน ผู้ฝึกตนบนยอดเขาสองคนมีเวทคาถาให้ใช้ไม่ขาดสาย จึงเหมือนบุปผาที่ผลิบานไปทั่วทุกหนแห่ง
บริเวณโดยรอบภูเขาทัวเยว่ อันที่จริงไม่ได้มีสำนักอักษรจงแม้แต่แห่งเดียว ในภูเขามีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนปรากฎตัวบ้างเป็นครั้งคราว แต่ต่างก็พากันจากไปทันทีอย่างรู้กาลเทศะ ไปก่อสำนักตั้งพรรค แตกกิ่งก้านสาขาอยู่ที่อื่น
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องที่กลายเป็นธรรมเนียมที่รู้กันไปแล้ว ใต้ร่มไม้เย็นสบาย? ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างกลับไม่มีคำกล่าวเช่นนี้ ในความเป็นจริงแล้ว พรรคบนภูเขาที่กระจัดกระจายทั้งยังไม่เป็นโล้เป็นพายพวกนี้ บางทีตลอดทั้งชีวิตของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจจำนวนมากอาจไม่เคยเข้าใกล้ในรัศมีพันลี้ของภูเขาสูงลูกนี้เลยด้วยซ้ำ
ในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดมากมายของบรรพบุรุษใหญ่แห่งเปลี่ยวร้าง มีเพียงซินจวงเท่านั้นที่บางครั้งจะลงจากภูเขาไปผ่อนคลายอารมณ์ ส่วนใหญ่แล้วจะเดินไปไม่ไกลนัก และนางเองก็คร้านจะร่ายเวทอำพรางตา ถึงได้ทำให้ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่อยู่บริเวณโดยรอบของภูเขาทัวเยว่มีโอกาสได้เห็นนางผ่านๆ
พรรคบนภูเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากภูเขาทัวเยว่ไปห้าหกพันลี้ จวนตระกูลเซียนสร้างขึ้นด้วยเสาแกะสลักคานภาพวาด ทุกหนทุกแห่งล้วนมีเมฆหลากสีลอยล้อมวน
ผลคือมีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากทะเลเมฆ ดุจหยกขาวใสแวววาว ลายเส้นฝ่ามือเหมือนทะเลสาบเหมือนบ่อน้ำ ระหว่างกระแสน้ำไหลมีดอกบัวเบ่งบาน เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนปลิวปรายลงมา
ทันใดนั้นหิมะใหญ่เต็มภูเขาก็เจอกับหายนะที่มาเยือนโดยไม่ทันคาดคิด
ท่ามกลางกอต้นกกต้นอ้อห่างไปไกลแห่งหนึ่งที่มีโชคชะตาน้ำเข้มข้น กลางอากาศมีทะเลเมฆโผล่มา อยู่ดีๆ พายุฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไร้ลางบอกเหตุ น้ำฝนมีปราณกระบี่และปณิธานหมัดซุกซ่อนอยู่เต็มเปี่ยม
เผ่าปีศาจก่อกำเนิดคนนึ่งถูกบีบให้ออกมาจากจวนน้ำ จำต้องเผยร่างจริง เพิ่งจะหนีพ้นฝนใหญ่จากฟ้าที่เป็นภัยพิบัติซึ่งมาเยือนโดยไม่คาดฝันมาได้ ก็ต้องถูกวิญญาณวีรบุรุษเซียนกระบี่ตนหนึ่งที่เรือนกายเป็นสีขาวหิมะตลอดทั้งร่างซึ่งลาดตระเวนมาถึงที่แห่งนี้ใช้กระบี่ฟันใส่ เพิ่งจะร่ายเวทหลบหนี หลบแสงกระบี่เฉียบคมเส้นนั้นมาได้อย่างฉิวเฉียด ย่อพื้นที่ขยับห่างไปร้อยกว่าลี้ ด้านหลังก็มีวิญญาณกระบี่ในธงอีกตนหนึ่งส่งกระบี่ตามมาติดๆ มันพลันเผยร่างจริงต้านรับกระบี่นั้นไว้ ก่อนจะข่มกลั้นความเจ็บปวดกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ หนีห่างไปไกลใต้ดินอีกครั้ง ผลคือไปชนเข้ากับเทพอีกองค์หนึ่งที่คล้ายจะเฝ้าตอรอกระต่ายอยู่แล้ว อีกฝ่ายอยู่ในรูปลักษณ์ของเทพพิรุณบรรพกาล ลอยตัวหยุดอยู่กลางอากาศที่ราวกับใต้ดินถูกอาบย้อมไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ยื่นมือออกมาคว้า กักเผ่าปีศาจก่อกำเนิดไว้ที่เดิม คาถาน้ำของทั้งร่างถูกดึงออกไปจากจิตวิญญาณ ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีเส้นใยนับพันนับหมื่นเชื่อมโยงถึงกัน
บนกายธรรมนักพรตที่เดิมทีคนฟ้าไร้มลทินพลันมีชื่อจริงของปีศาจใหญ่ร้อยเรียงกันเป็นสีขาวซีด คล้ายปากบ่อน้ำโบราณมากมายหลายบ่อปรากฎขึ้นมา คลื่นน้ำกระเพื่อมเล็กน้อยแล้วแผ่ขยายลามไปอย่างต่อเนื่อง
หอกยาวสีทองของหยวนซงคล้ายจะมีวิชาอภินิหารที่ใกล้เคียงกับตัวอักษรแห่งชะตาชีวิตของลัทธิขงจื๊อ เป็นเหตุให้ในกายธรรมนักพรตเกิดภาพปรากฎการณ์ประหลาดเช่นนี้ขึ้น อีกทั้งเมื่อริ้วคลื่นน้ำเหล่านั้นแผ่ขยายออกไป กายธรรมหมื่นจั้งก็ปรากฎลางร้ายว่ามหามรรคาจะพังทลายกลายเป็นเถ้าธุลี
ลู่เฉินหรี่ตาลง เล่าลือกันว่าลัทธิพุทธมีพระธรรมแปดหมื่นสี่พันบท ในบรรดานั้นก็ได้พัฒนาออกมาเป็นวิชาอภินิหารนอกรีตอีกมากมาย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในหลักธรรมที่ถูกต้อง แต่พลานุภาพก็ไม่อาจดูแคลนได้ วิชาหนึ่งในนั้นก็คือการผลักให้จิตแห่งมรรคาของผู้ฝึกลมปราณเข้าไปสู่ดินแดนที่หมื่นความคิดล้วนมอดดับ
เฉินผิงอันไม่สนใจแม้แต่น้อย
เขาสร้างตราประทับแจกันสมบัติของลัทธิพุทธขึ้นมาก่อน แล้วค่อยสร้างตราประทับอีกห้าชิ้นอย่างตราประทับธรรมเทศนา ไม่หวาดหวั่น ปรารถนา ปราบมารและสมาธิ สุดท้ายก็สร้างตราประทับขึ้นมาได้สามร้อยแปดสิบหกชิ้น ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ รัศมีทรงกลดโอ่อ่าน่าเกรงขาม
หยุดการแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านของกายธรรมหมื่นจั้งได้โดยพลัน
ส่วนนักพรตชุดเขียวที่อยู่ด้านหลังภูเขาทัวเยว่ก็ขานรับกับอีกฝ่ายอยู่ไกลๆ ไม่จำเป็นต้องเหยียบพายุย่ำดาราก็ทำมุทราคาถาลัทธิเต๋า ตราประทับรวมทั้งสิ้นสามร้อยห้าสิบหกชิ้น ทุกชิ้นล้วนมียันต์สายฟ้า โองการสวรรค์เคลื่อนโคจรไปตามใจปรารถนา สุดท้ายสร้างฉากสายฟ้าที่พลานุภาพน่าครั่นคร้ามออกมา
ลู่เฉินอึ้งตะลึง เรื่องพวกนี้เขาไม่เคยสอนเฉินผิงอัน ถือเป็นความรู้ลัทธิเต๋าที่อยู่นอกเหนือจากความรู้ของลู่เฉิน ต่อให้เฉินผิงอันตรวจสอบจิตธรรมหมื่นปีของเขาก็ไม่มีความหมายใดๆ
เพราะ ‘ฉากสายฟ้า’ นี้ ถือเป็นการสืบทอดดั้งเดิมของจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ โดยทั่วไปแล้วขอแค่ไม่ใช่ตัวสำรองคนที่จะมาเสริมตำแหน่งเทียนซือ ก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่อาจรู้เวทอสนีชั้นสูงนี้ได้ ดังนั้นผู้ที่สามารถจำแลง ‘ฉากสายฟ้า’ นี้ออกมา ได้ก็มีเพียงเทียนซือใหญ่ของแต่ละยุคสมัยเท่านั้น
หากลู่เฉินยินดีลำบากอีกสักหน่อย ยอมเสียเวลาร้อยกว่าปีโดยไม่เสียดาย ก็พอจะเลียนแบบสร้างสถานการณ์สายฟ้าที่มีความเหมือนทางจิตวิญญาณถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ทางลัดบนภูเขาประเภทนี้ ไร้คุณธรรมเกินไป แทบไม่ต่างจากการกระโดดถ่มน้ำลายรดหน้าเทียนซือใหญ่คนปัจจุบัน ด้วยนิสัยที่ไม่พูดมากของจ้าวเทียนไล่ คาดว่าคงจะถือกระบี่เซียนไว้ในมือ พกตราประทับเทียนซือออกเดินทางไกลไปเยือนใต้หล้ามืดสลัว มุ่งหน้าไปยังป๋ายอวี้จิงโดยตรงเลย
ไปหาตนเพื่อประลองมรรคกถาด้วย
ยอดเขาของภูเขาทัวเยว่ หยวนซงพลันเอ่ยกับเฉินผิงอันว่า “ปล่อยมดตัวน้อยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเหล่านั้นไป ข้าจะต่อสู้กับเจ้าเอง มาถามกระบี่กันอย่างจริงจังสักครั้ง”
หยวนซงสะบัดข้อมือ หอกยาวสีทองในมือก็พลันกลายเป็นกระบี่ยาวที่เต็มไปด้วยลายเมฆสีทอง ถามว่า “เป็นอย่างไร?”
เฉินผิงอันพยักหน้าอย่างที่ใครก็ไม่คาดคิด “ตกลง”
แล้วเขาก็หดย่ออาณาเขตของนกในกรงให้อยู่ในรัศมีพันลี้จริงๆ สนามรบจึงเหลือแค่สองฝ่ายที่คุมเชิงกันอยู่ในภูเขาและนอกภูเขา
รวมไปถึงเผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเหรินอีกสามตนที่ยังกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด
หยวนซงยิ้มเอ่ย “สามคนนี้เชิญฆ่าตามสบาย หลีกเลี่ยงไม่ให้เกะกะการถามกระบี่อย่างสะใจ”
จากนั้นสายฟ้าก็หล่นลงสู่พื้นดิน กระแทกลงบนร่างของตะขาบที่บาดเจ็บสาหัสมานานแล้ว
ต่อมาเฉินผิงอันก็ออกกระบี่สามครั้งติดๆ กัน กระบี่หนึ่งฟันสะบั้นวงปีของหยวนซงกับแม่น้ำแห่งกาลเวลา อีกสองกระบี่ที่เหลือเล่นงานเผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเหรินสองตนนั้น
ขณะเดียวกันนั้นราวกับว่าฟ้าดินพลิกกลับ ในฟ้าดินเล็กของนกในกรง เฉินผิงอันได้เจอกับแขกไม่ได้รับเชิญหลายคน
ดูเหมือนจะเป็นถามใจของจิตมารที่มาถึงอย่างเชื่องช้า ปีนั้นที่เฉินผิงอันฝ่าทะลุขอบเขตเลื่อนเป็นหยกดิบ ดูเหมือนว่าจะเพียงแค่อ้อมผ่านจิตมารไป แท้จริงแล้วจิตมารไม่เคยสลายหายไปไหน
ลู่เฉินรู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย ดูท่าแล้วสองฝ่ายที่ถามกระบี่กันต่างก็ตกอยู่ในสภาวะหยุดนิ่งที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ลู่เฉินรู้ว่าท่าไม่ดีแล้วจึงรีบหดมือมาไว้ในชายแขนเสื้อ ทำมุทราคำนวณเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
เจ้าตัวดี ลูกศิษย์คนแรกของบรรพบุรุษใหญ่ผู้นี้ถึงกับเป็นผู้ฝึกกระบี่อย่างสมชื่อคนหนึ่ง มิน่าเล่าถึงกล้าบอกว่าจะถามกระบี่กับใต้เท้าอิ่นกวาน ส่วนกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของหยวนซงนั้น ชื่อของมันไม่ว่าใครก็คาดเดาไม่ได้ แต่วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของมันกลับเป็นดั่งน้ำลดหินผุดอย่างรวดเร็ว คล้ายคลึงกับ ‘นักจินตนาการ’ หนึ่งในสิบสองเทพชั้นสูง ไม่ถูกสิ ยังได้ครอบครองวิชาอภินิหารส่วนหนึ่งของ ‘ผู้ส่งเสียงสะท้อน’ ด้วย!
หากจะบอกว่าความรู้สึกเดียวดายระหว่างที่เดินขึ้นเขาของผู้ฝึกตนคนหนึ่ง คือคนคนหนึ่งพึมพำ กลุ่มขุนเขาขานตอบ
ถ้าอย่างนั้นคำว่าโดดเดี่ยว ก็คือการที่อยู่บนยอดเขากวาดตามองไปรอบด้านมองเห็นได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พึมพำเพียงลำพัง ไม่ว่าเจ้าจะพูดสักกี่พันคำกี่หมื่นวจี ฟ้าดินล้วนไร้เสียงตอบรับ เงียบสงัดเปล่าเปลี่ยวนับหมื่นปี
สิ่งที่เห็นในสายตา ประหนึ่งพบเจอกับจิตมาร
จริงเท็จปนกัน จริงลวงไม่แน่นอน
บุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่ง ก็คือเสิ่นเวินเทพอภิบาลเมืองของเมืองแยนจือแจกันสมบัติทวีปถอนหายใจเบาๆ ไม่มีสีหน้าเดือดดาล มีเพียงสายตาที่ฉายความผิดหวัง “เฉินผิงอัน ไยต้องทำลายจิตบุ๋นด้วยตัวเอง? ไยต้องทำเพื่อกู้ช่านที่ฆ่าคนบริสุทธิ์พร่ำเพื่อด้วย?”
ระหว่างฟ้าดินมีม้วนภาพคลี่กางทอดยาวเหมือนขุนเขาสายน้ำ ทำให้เฉินผิงอันเหมือนได้ขี่ม้าชมบุปผาเพียงลำพัง หวนกลับไปเดินบนเส้นทางขุนเขาสายน้ำในโลกมนุษย์ช่วงนั้นอีกครั้ง
จากนั้นก็มีภิกษุหนุ่มสวมชุดขาวคนหนึ่งที่ในมือถือลูกประคำ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากคนบนโลกเอาอย่างเจ้า ก็คงเหมือนตกอยู่ในหลุมแห่งมาร เพราะขอแค่เจ้าทำพลาดครั้งหนึ่ง ต่อให้พลาดแค่ครั้งเดียว ก็ย่อมเกิดหายนะอลหม่าน”
บุรุษวัยกลางคนที่ใบหน้ามารวมกันเป็นรูปร่างแล้วสลายหายไปอีกครั้ง ไม่ปกปิดรอยยิ้มปลาบปลื้มเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับรู้สึกว่าศิษย์น้องเล็กสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้ ไม่ง่ายเลย แต่ก็คล้ายจะผิดหวังอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าศิษย์น้องเล็กที่เดินมาถึงจุดนี้ไม่ควรจะเป็นเฉินผิงอันคนนี้
สุดท้ายคือสตรีสวมชุดเขียวคนหนึ่ง สายตาของนางอ่อนโยน มัดผมหางม้าที่สะบัดปลิวไปตามลม
นางคล้ายจะมองสบตากับเฉินผิงอันอยู่ไกลๆ ต่างคนต่างไม่เอ่ยคำใด
ผู้ฝึกตนอยู่ห่างไกลจากโลกโลกีย์ ฝึกบำเพ็ญตนอย่างสันโดษ เมื่อความรักความแค้นบังเกิดขึ้น จิตแห่งมรรคายอมถอยห่าง
ในที่สุดก็มาแล้ว
จิตแห่งมรรคาที่ลอยอยู่กลางอากาศของเฉินผิงอัน กลับกลายเป็นว่าหล่นลงบนพื้นในนาทีนี้
“ลมวสันต์ติดตามข้าร้องคำรามดุจราชสีห์”
เฉินผิงอันหลับตาลง มือข้างที่ถือกระบี่ ชายแขนเสื้อโบกสะบัด ลมวสันต์พัดล้อมวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!