กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 867

ภูเขา​ลั่วพั่ว​

อากาศ​สดชื่น​ปลอดโปร่ง​ ใน​ลานบ้าน​ของ​เรือน​หลัง​หนึ่ง​แทบ​ไม่มีที่​ให้​วาง​เท้า​ ตะแกรง​ไม้ไผ่​สาน​ขนาดใหญ่​ไร้​ตา​หลาย​ชิ้น​ ที่​โกย​ผง​จาก​กิ่ง​หลิว​สาน​อีก​หลาย​ใบ​ ล้วน​เอา​พริก​แดง​มาแผ่​ตากแดด​ให้​แห้ง​ มอง​ไป​เห็น​แต่​สีแดง​สดใส​

ใน​ระเบียง​ใต้​ชายคา​ จูเหลี่ยน​เอนกาย​นอน​บน​เก้าอี้นอน​ตัว​หนึ่ง​ หลับตา​ทำสมาธิ​ โบก​พัด​ใบลาน​เบา​ๆ

วันนี้​เฉิน​ยวน​จีเดิน​นิ่ง​บน​เส้นทาง​ภูเขา​เสร็จ​แล้วจึง​มานั่ง​พัก​อยู่​ที่นี่​

นาง​ชอบ​พูดคุย​กับ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จู ไม่เพียงแค่​เพราะ​จูเหลี่ยน​เป็น​คน​พา​นาง​ขึ้น​เขา​ นำพา​ให้​นาง​เดิน​ไป​บน​เส้นทาง​ของ​การเรียน​วร​ยุทธ​เท่านั้น​ บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แห่ง​นี้​ เฉิน​ยวน​จียัง​เห็น​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จูเป็น​ผู้อาวุโส​ที่​ใกล้ชิด​เหมือน​ญาติ​แท้ๆ​ เพียง​หนึ่งเดียว​ด้วย​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​มักจะ​โน้มน้าว​ให้​นาง​ลง​จาก​ภูเขา​บ่อยๆ​ กลับ​ไป​เยี่ยม​พ่อแม่​ที่​ตัว​จังหวัด​บ้าง​ บอ​กว่า​ต่อให้​จะถูก​เร่งรัด​ให้​แต่งงาน​ก็​ไม่ต้อง​หงุดหงิด​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​เห็น​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เป็น​สถานที่​ที่​เอาไว้​หลบ​ซ่อนตัว​เพื่อ​หา​ความสงบ​

เรื่อง​บางอย่าง​หนี​ไม่พ้น​ ต่อให้​หลบ​เรื่อง​ที่​ ณ เวลา​นั้น​ทำให้​หงุดหงิด​ใจได้​พ้น​ ก็​หลบ​ความเสียใจ​ภายหลัง​ที่จะ​เกิดขึ้น​ในอนาคต​ได้​ไม่พ้น​

ความพยายาม​ที่​เปล่าประโยชน์​ที่สุด​ใน​ชีวิต​คน​ก็​หนี​ไม่พ้น​การ​หวน​คิดถึง​เรื่อง​ที่​ทำให้​เสียใจ​นั่นเอง​

คน​ที่​พเนจร​ไป​ต่างถิ่น​ คือ​ว่าว​กระดาษ​ที่​ล่องลอย​ไม่หยุดนิ่ง​ มีเพียง​ความ​คิดในใจ​เท่านั้น​ที่จะ​กลายเป็น​เชือก​เส้น​นั้น​ หาก​คน​คน​หนึ่ง​ไม่มีความรัก​ความผูกพัน​ต่อ​คนใน​ครอบครัว​และ​บ้านเกิด​ ก็​จะกลายเป็น​ว่าว​ตัว​หนึ่ง​ที่​สาย​ป่าน​ขาด​จริงๆ​ แล้ว​ ถ้าอย่างนั้น​ความสุข​ความทุกข์​ การ​พบ​เจอ​การ​จากลา​ทั้งหลาย​ก็​ล้วน​เป็น​ดั่ง​ต้น​หญ้า​ที่​ขึ้น​บน​ทุ่ง​กว้าง​ งอกงาม​โรยรา​ล้วน​ขึ้นอยู่กับ​ฟ้า ไม่ได้​ขึ้นอยู่กับ​ตัวเอง​ อาจารย์​ผู้เฒ่า​ยัง​บอก​ด้วยว่า​เฉิน​ยวน​จีนั้น​ถือว่า​โชค​ดีแล้ว​ ได้​อยู่​ใกล้​บ้านเกิด​ขนาด​นี้​ อยาก​กลับบ้าน​ก็​แค่​เดิน​ไม่กี่​ก้าว​เท่านั้น​ แต่​อยู่​ใกล้​ก็​มีความ​น่า​หงุดหงิด​ใจของ​คน​อยู่​ใกล้​

การ​ที่​เฉิน​ยวน​จีชอบ​พูดคุย​กับ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จู คง​เป็น​เพราะ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​พูดจา​มีเหตุผล​ ไม่เคย​วางมาด​ผู้อาวุโส​ ไม่เคย​บังคับ​ให้​ผู้เยาว์​ต้อง​รับฟัง​เหตุผล​ของ​เขา​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​ถาม “ยวน​จี เดิน​นิ่ง​มาหลาย​ปี​แล้ว​ สะสมหมัด​ได้​เท่าไร​แล้ว​”

เฉิน​ยวน​จีตอบ​ “หาก​นับ​ถึงต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ของ​ปี​นี้​ก็ได้​สอง​ล้าน​หมัด​แล้ว​ หลังจากนั้น​ก็​ไม่ได้​นับ​อีก​”

จูเหลี่ยน​ถามอีก​ “ทำไม​ถึงไม่นับ​แล้ว​ล่ะ​? เพราะ​รู้สึก​ว่า​จำเรื่อง​นี้​ไป​ก็​ไม่มีความหมาย​ หรือว่า​จู่ๆ ก็​ลืม​นับ​ไป​ หลังจากนั้น​ก็​เลย​คร้าน​จะนับ​อีก​?”

เฉิน​ยวน​จีตอบ​ตาม​สัตย์​จริง​ “หาก​จงใจจำเรื่อง​นี้​ก็​ง่าย​ที่จะ​เสีย​สมาธิยาม​ฝึก​หมัด​ ราวกับว่า​ฝึก​หมัด​ก็​เพียงแค่​เพื่อ​นับ​จำนวน​เท่านั้น​”

จูเหลี่ยน​พยักหน้า​รับ​ “ดีมาก​ คุณชาย​เคย​พูดคุย​กับ​ข้า​เป็นการ​ส่วนตัว​ บอ​กว่า​เมื่อไหร่​ที่​แม่นาง​เฉิน​ไม่จงใจจดจำ​จำนวน​ครั้ง​ที่​ตัวเอง​ปล่อย​หมัด​ออก​ไป​ก็​เป็นเวลา​ที่​วิชา​หมัด​ของ​นาง​ได้​เดิน​เข้า​ห้อง​ (เปรียบเปรย​ถึงการ​มีความชำนาญ​) แล้ว​”

เฉิน​ยวน​จีกล่าว​ “พรสวรรค์​ใน​การเรียน​หมัด​ของ​เจ้าขุนเขา​ดีกว่า​ข้า​มาก​จริงๆ​”

นาง​จำต้อง​ฝืนใจ​ยอมรับ​เรื่อง​นี้​

จูเหลี่ยน​ถาม “แล้ว​ยังมี​อะไร​อีก​?”

เฉิน​ยวน​จีส่ายหน้า​อย่าง​ซื่อตรง​ “ไม่มีแล้ว​”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “คน​นี่​นะ​ ต่าง​ก็​ชอบ​คน​ที่​ชอบ​ รังเกียจ​คน​ที่​รังเกียจ​”

พูด​ให้​อ้อมค้อม​ไป​อย่างนั้น​เอง​

แต่​เฉิน​ยวน​จีก็​ไม่ได้​โง่ นาง​ย่อม​ฟังเข้าใจ​

เฉิน​ยวน​จีอธิบาย​ว่า​ “ข้า​ไม่ได้​รังเกียจ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ เขา​เป็น​คน​ดีมาก​ ก็​แค่​ว่า​ภาพ​จำครั้งแรก​ค่อนข้าง​แย่​ไป​สักหน่อย​ จึงทำให้​ชอบ​เขา​ไม่ลง​จริงๆ​ ภายหลัง​อยู่​บน​ภูเขา​ ข้า​ก็​ไม่ค่อย​สนใจ​เจ้าขุนเขา​สัก​เท่าไร​ แต่​อันที่จริง​แล้วก็​เป็น​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​เจอ​หน้า​กัน​แล้ว​ควรจะ​พูด​อะไร​”

“เข้าใจ​ได้​”

จูเหลี่ยน​พยักหน้า​ “ยวน​จี บอก​ตามตรง​ สำหรับ​เส้นทาง​การเรียน​วิชา​หมัด​ของ​เจ้า เจ้าขุนเขา​ล้วน​เห็นดี​ใน​ตัว​เจ้ามาก​มาโดยตลอด​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​รู้ดี​ว่า​เจ้าจะไม่มีทาง​ตอบ​ตกลง​ แล้ว​ยัง​กังวล​ว่า​เจ้าคิด​จะมาก​ไป​ถึงเรื่อง​ที่​ไม่มีจริง​เหล่านั้น​ คุณชาย​ก็​อยาก​รับ​เจ้าเป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ด้วยซ้ำ​ อืม​ ก็​เหมือน​จ้าว​ซู่เซี่ย​นั่น​และ​ การ​เห็นดี​ของ​คุณชาย​ที่ว่า​นี้​ ไม่ใช่รู้สึก​ว่า​เจ้าหรือ​จ้าว​ซู่เซี่ย​ ในอนาคต​จะต้อง​มีผลสำเร็จ​ด้าน​การเรียน​วร​ยุทธ​สูงสัก​เท่าไร​ ก็​แค่​รู้สึก​ว่า​ผู้ฝึก​ยุทธ​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แบ่ง​ได้​เป็น​สอง​ประเภท​เท่านั้น​ หนึ่ง​อยู่​ที่​วิชา​หมัด​ หนึ่ง​อยู่​ที่​ใจ ฝ่าย​แรก​นั้น​ปณิธาน​หมัด​อยู่​บน​ร่าง​ เข้าใจ​สัจธรรม​แห่ง​หมัด​ เรียนรู้​วิชา​หมัด​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ ส่วน​ฝ่าย​หลัง​เมื่อ​เทียบ​กัน​แล้ว​จะไม่ค่อย​สะดุดตา​เท่าไร​ แต่​มีความ​ยืนหยัด​ด้วย​จิตใจ​อัน​แน่วแน่​ ไม่สนใจ​ความคิด​และ​สายตา​ของ​ผู้อื่น​”

เฉิน​ยวน​จีรู้สึก​ตกตะลึง​เล็กน้อย​ นาง​อืม​รับ​เบา​ๆ “ความคิด​ของ​เจ้าขุนเขา​ดีมาก​เลย​”

เฉิน​ยวน​จีนั่ง​อยู่​ด้านหลัง​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ตัว​หนึ่ง​ที่​วาง​ไว้​ข้าง​ระเบียง​ทางเดิน​ จูเหลี่ยน​ที่​ถือ​พัด​ใบลาน​อยู่​ใน​มือ​จึงโบกมือ​เป็น​วงกว้าง​กว่า​เดิม​เล็กน้อย​

ใบหน้า​จูเหลี่ยน​ประดับ​ยิ้ม​ พึมพำ​เอ่ย​ว่า​ “ต้น​หลิว​ที่​จุด​พัก​ม้าส่าย​ใบเหลือง​ ต้น​ท้อ​ริม​ลำน้ำ​แตกใบ​เขียว​ คน​เหมือน​ภูเขา​เขียว​ใจเหมือน​สายน้ำ​ ขุนเขา​เขียว​ยัง​สามารถ​ตั้ง​ตระหง่าน​ดุจ​สาย​พิณ​ ยังมี​ที่มา​ที่​ไป​ ชีวิต​คน​เดียวดาย​ ใจไม่อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ ไย​จะไม่ใช่ความเจ็บปวด​”

แค่​ฟังเฉิน​ยวน​จีก็​สัมผัส​ได้​ถึงความเสียใจ​อ่อน​จาง

จูเหลี่ยน​หันหน้า​มายิ้ม​เอ่ย​ “หยวน​เป่า​ชอบ​เฉาฉิงหล่า​ง ใช่ไหม​?”

เฉิน​ยวน​จีกลั้น​ยิ้ม​ พยักหน้า​ตอบ​ “นาง​ชอบ​เฉาฉิงหล่า​งมาก​ ก็​แค่​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​เปิดปาก​พูด​อย่างไร​ เอาเป็นว่า​ทุกครั้งที่​เฉาฉิงหล่า​งอ่านหนังสือ​อยู่​หน้า​ประตู​ หยวน​เป่า​จะต้อง​จงใจเดิน​เร็ว​ๆ รีบร้อน​หมุนตัว​เดิน​ขึ้น​เขา​ฝึก​หมัด​ต่อ​เสมอ​”

จูเหลี่ยน​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “ถ้าอย่างนั้น​เจ้าเด็ก​หยวน​ไหล​แอบ​ชอบ​เจ้า เจ้าเอง​ก็​แอบ​รู้​เหมือนกัน​ใช่ไหม​?”

เฉิน​ยวน​จีหน้าแดง​เรื่อ​ “รู้​น่ะ​รู้​ แต่​ข้า​ไม่ชอบ​เขา​นี่​นา​”

จูเหลี่ยน​วาง​พัด​ใบลาน​ลง​ เอ่ย​เสียง​เบา​ “คน​ที่​เคย​เห็น​มหาสมุทร​กว้างใหญ่​ยาก​จะถูก​น้ำ​ของ​ที่อื่น​ดึงดูด​ได้​ ผู้​ที่​ลุ่มหลง​ใน​รัก​ไป​แล้วก็​ยาก​ที่จะ​ถูกรัก​อื่น​ชักนำ​ไป​”

“ความสุข​ความทุกข์​ของ​ความรัก​ชาย​หญิง​ ก็​แค่​ว่า​คนใน​ความคิด​กลาย​มาเป็น​คนใน​ความทรงจำ​ หรือไม่​ก็​คนใน​ใจกลาย​ไป​เป็น​คน​ข้าง​หมอน​แล้ว​”

หาก​เป็น​เฉิน​ยวน​จี ต่อให้​จะเป็น​คำพูด​แบบ​เดียวกัน​ แต่​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จูกับ​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​เจิ้งต้าเฟิง​ กลับ​ยังคง​มีความหมาย​ที่​ไม่เหมือนกัน​

คน​หนึ่ง​คือ​ผู้เฒ่า​ใจดี​มีเมตตา​ที่​มาก​ประสบการณ์​ อีก​หนึ่ง​คือ​คน​เสเพล​หยาบช้า​ที่​ไม่รู้จัก​ควบคุม​ดวงตา​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ โชคดี​ที่​เจิ้งต้าเฟิง​นับว่า​มีแค่​ความคิด​ของโจร​แต่​ไม่มีความกล้า​พอ​จะเป็น​โจร​ ไม่เคยมือ​ไม้ยุ่มย่าม​กับ​นาง​

เฉิน​ยวน​จีพลัน​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าขุนเขา​ออก​เดินทางไกล​อีกแล้ว​หรือ​”

จูเหลี่ยน​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ เอ่ย​เนิบ​ช้าว่า​ “คนคน​หนึ่ง​ยุ่ง​มาก​ วิถี​ทางโลก​ก็​จะได้​มีเวลาว่าง​”

……

ลูกจ้าง​และ​เถ้าแก่​ใน​สอง​ร้าน​ของ​ตรอก​ฉีหลง​ จำนวน​คน​ยิ่ง​เพิ่มมากขึ้น​เรื่อยๆ​

สือ​โหร​ว​ตัวแทน​เถ้าแก่​ของ​ร้าน​ยา​สุ้ย​ โจว​จวิ้นเฉิน​ที่​มีฉายา​ว่า​อา​หมา​น​ ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ยังมี​เด็กชาย​ผม​ขาว​ที่​ชื่อว่า​คง​โหว​เพิ่ม​มาอีก​หนึ่ง​คน​

ตัวแทน​เถ้าแก่​ของ​ร้าน​ฉ่าว​โถว​ที่อยู่​ข้าง​กัน​คือ​นักพรต​เฒ่าตาบอด​เจี่ยเฉิง​ เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​ขอบเขต​ประตู​มังกร​ นอกจาก​อาจารย์​และ​ศิษย์​คู่​หนึ่ง​ ซึ่งลูกศิษย์​คือ​จ้าว​เติง​เกา​กับ​เถียนจิ่วเอ๋อร์​แล้ว​ ยังมี​เด็กสาว​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​ชื่อ​ชุยฮ​วา​เซิงมาเพิ่ม​ นาง​บอ​กว่า​ตัวเอง​เป็น​น้องสาว​ของ​ชุยตง​ซาน​ ทำเอา​เฉินห​ลิง​จวิน​ขำ​เกือบตาย​

วันนี้​เฉินห​ลิง​จวิน​คุย​เล่น​กับ​น้อง​ป๋า​ย​ที่​ศาลา​เสร็จ​ก็​เดิน​เตร็ดเตร่​มาถึงเมือง​เล็ก​ เดิน​ก้าว​อาด​ๆ เข้าไป​ใน​ร้าน​ยา​สุ้ย​ก็​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ทักทาย​เสียงดัง​ “น้องสาว​คง​โหว​!”

คง​โหว​ที่​ถูก​เฉินห​ลิง​จวิน​เรียก​อย่าง​สนิทสนม​ว่า​น้องสาว​ก็​คือ​เทวบุตร​มาร​นอก​โลก​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่อยู่​ใน​รูปลักษณ์​ของ​เด็กชาย​ คู่รัก​ของ​อู๋ซวงเจี้ยง​แห่ง​ตำหนัก​สุ้ยฉู​

เด็กชาย​ผม​ขาว​ยัง​เป็น​แค่​ลูกศิษย์​นักการ​ฝ่าย​นอก​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ชั่วคราว​ จึงมาช่วย​ทำงาน​เล็กๆ น้อยๆ​ ที่​ร้าน​

มัน​ตั้งฉายา​ให้​กับ​ตัวเอง​ว่า​คง​โหว​ (เครื่องสาย​โบราณ​ชนิด​หนึ่ง​ของ​จีน​)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!