ก่อนหน้านี้สอบถามไปแต่ไม่ได้คำตอบ ลู่เฉินจึงมีท่าทีเพิกเฉยอย่างเห็นได้ชัด และเวลานี้ก็คร้านจะไปตรวจสอบดูสภาพจิตใจของเฉินผิงอันแล้ว คิดดูแล้วผู้ฝึกกระบี่แห่งเปลี่ยวร้างที่ขอบเขตถดถอยสองครั้งผู้นี้ อยู่ในคฤหาสน์หลบร้อนคงต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อติดกระดานอย่างแน่นอน
อีกทั้งผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งสามารถเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบได้สองครั้งก็นับว่าไม่ง่ายเลย
อย่าว่าแต่ใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ต่อให้เป็นที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ยังมีน้อยจนนับนิ้วได้
การค้าครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ
หากยังสามารถสังหารเซียนเหรินคนนั้นได้อีกก็จะยิ่งคุ้มมากกว่าเดิม
ดูจากท่าทางของปีศาจใหญ่หยวนซงแล้ว ในเมื่อไม่ได้โยนเซียนเหรินผู้นั้นออกไปจากอาณาเขตของภูเขาทัวเยว่ก็เห็นได้ชัดว่าจะรอให้เฉินผิงอันผิดคำพูด อีกทั้งจะไม่ห้ามปรามอีกด้วย
เฉินผิงอันใช้สองนิ้วแตะหนึ่งที ทำลายตัวอักษรชื่อจริงของเผ่าปีศาจสองตัวนั้นให้แหลกสลาย ต่อให้ฮุ่ยถิงจะมีตะเกียงต่อชะตาชีวิตวางอยู่ในศาลบรรพจารย์ของสำนักกระบี่หงเย่ก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
ปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินตนนั้นเบิกตากว้าง เอ่ยเสียงสั่น “ฮุ่ยถิง!”
เฉินผิงอันกล่าว “ยังไม่ไสหัวไปอีก?”
ในภูเขาทัวเยว่ เซียนเหรินที่ทั้งเรือนกายและจิตใจล้วนแห้งเหี่ยวโรยรารีบเก็บความคิดจิตใจกลับคืนมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ถามหยั่งเชิงว่า “จะให้ข้ารอดชีวิตจริงๆ หรือ?”
ไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่จากไปก็ยิ่งดี
เฉินผิงอันเงียบไปครู่ใหญ่ เห็นว่าเซียนเหรินคนนั้นยังลังเลไม่แน่ใจก็ทำท่าจะโคจรตราประทับห้าอสนีที่ลอยอยู่กลางอากาศชิ้นนั้น คาดไม่ถึงว่ากายธรรมหมื่นจั้งจะพลันร่วงดิ่งลง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างยุบถล่มกลายเป็นหลุมยักษ์สองหลุม
ลู่เฉินรีบมองประเมินฟ้าดินเรือนกายมนุษย์ของเฉินผิงอันทันใด ไม่คิดว่าจะเห็นชื่อจริงเผ่าปีศาจมีแสงสว่างวาบขึ้นมายาวเป็นพรวน อีกทั้งแต่ละชื่อยังเป็นของขอบเขตบินทะยานที่มีอายุขัยอยู่มายาวนานอีกด้วย
เฉินผิงอันเงื้อกระบี่ฟันไปยังภูเขาทัวเยว่อีกครั้ง
พริบตานั้นขุนเขาสายน้ำพลันพร่ามัว กลายเป็นทัศนียภาพอย่างใหม่ อยู่ดีๆ ก็เข้ามาอยู่ในพื้นที่ลับที่ทิวทัศน์รอบด้านขาดแคลนสีสันอย่างถึงที่สุด
คือระเบียงยาวแห่งหนึ่งที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ทอดสายตามองไป ต่อให้เฉินผิงอันในเวลานี้จะเป็นขอบเขตสิบสี่ แต่มองไปสุดสายตาแล้วก็ยังมองไม่เห็นทางออก
เฉินผิงอันเก็บกายธรรมหมื่นจั้งมา เมื่อมาเดินอยู่ในระเบียงร่างของเขาก็หดเล็กลงตามไปด้วย ทางฝั่งขวามือมีบานประตูอยู่มากมายเกินจะนับได้หมด ส่วนอีกด้านหนึ่งคือปลายด้านสองฝั่งที่คล้ายคลึงกับกำแพงเมืองปราณกระบี่ในอดีต เป็นความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด คือแม่น้ำยาวแห่งกาลเวลาที่ไม่รู้ว่าเชื่อมโยงไปถึงตำแหน่งใด ในประวัติศาสตร์ อริยะปราชญ์ผู้มีรูปปั้นตั้งวางในศาลบุ๋นล้วนตายดับอยู่บนเส้นทางสายนี้ สี่ใต้หล้าในอดีต บวกกับใต้หล้าห้าสีในทุกวันนี้ คำว่า ‘เชื่อมโยง’ ที่มีระหว่างกันก็หนีไม่พ้นสถานที่ที่ถูกเหล่าปราชญ์ผู้ล่วงลับสร้างขึ้นมาให้คล้ายคลึงกับจุดพักม้าหรือไม่ก็ท่าเรือแห่งกาลเวลา การ ‘บินทะยาน’ ของผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาสูงสุดถึงสามารถอาศัยสิ่งนี้เดินทางไกลข้ามผ่านใต้หล้า ไม่ถึงขั้นหลงทางอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลา กลายเป็นศพที่ลอยอยู่นอกฟ้า เพราะในความเป็นจริงแล้วใต้หล้าทั้งหลายอยู่ห่างกันไกลอักโขนัก
ลู่เฉินขมวดคิ้วเอ่ย “เป็นป๋ายเจ๋อที่ลงมือแล้ว ทั้งยังจงใจลงมือในเวลานี้อีกด้วย คิดจะท้าทายเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ? ไม่เสียแรงที่เป็นป๋ายเจ๋อ คิดจะหาเรื่องก็ควรหาเรื่องคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย”
เห็นได้ชัดว่าพอป๋ายเจ๋อกลับมาถึงใต้หล้าเปลี่ยวร้าง หลังจากที่เฉินชิงตูใช้หนึ่งกระบี่สังหารเทพชั้นสูงยุคบรรพกาลไปตนหนึ่งก็มอบของขวัญกลับคืนทันใด เขาปลุกผู้หลับใหลที่มีพละกำลังกร้าวแกร่งขึ้นมาในแถบของลำคลองเย่ลั่ว ปีศาจใหญ่บรรพกาลที่จำศีลมายาวนานอยู่ในพื้นที่ลับแห่งต่างๆ จึงถูกปลุกให้ตื่นในทันที
เพียงแต่ว่าหลังจากป๋ายเจ๋อทำลายการจำศีลเหล่านั้นลงแล้ว ดูเหมือนว่าพละกำลังของตัวเขาเองกลับลดระดับลง?
มิน่าเล่าป๋ายเจ๋อถึงได้ไร้ความยำเกรงถึงเพียงนี้ เส้นทางสายนี้ช่างเดินไปอย่างเหนือการคาดการณ์ของผู้คนจริงๆ
ลู่เฉินนั่งอยู่ในลานประกอบพิธีกรรมดอกบัว หลังจากอนุมานอยู่ครู่หนึ่งก็จุ๊ปาก ปรบมือยิ้มเอ่ย “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว วิธีผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่ของป๋ายเจ๋อช่างน่าอัศจรรย์ใจถึงเพียงนี้ มากพอจะทัดเทียมกับห้าฝันเจ็ดจิตธรรมของผินเต้าได้เลย”
คนบนยอดเขาสูงสุดล้วนรู้กันว่าเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิงมีห้าฝันเจ็ดจิตธรรมที่ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่ง ลี้ลับจนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ตัวลู่เฉินเองก็ยังหาวิธีคลี่คลายไม่ได้
แบ่งออกเป็นฝันเป็นอาจารย์ลัทธิขงจื๊อเจิ้งห่วน ฝันหมอนกระดูกซ้อนฝัน ฝันเป็นต้นลี่ (ต้นโอ้ค) มีชีวิต ฝันเป็นหลิงกุยตาย ฝันว่ากลายร่างเป็นผีเสื้อไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
นอกจากห้าฝันแล้วยังมีเจ็ดจิตธรรมที่เดินไปบนมหามรรคาเส้นทางเดียวกันกับลู่เฉินได้แก่ ไก่ไม้ ต้นชุน ตัวตุ่น คุนเผิง นกขมิ้นเหลือง เยวียนฉู ผีเสื้อ ซึ่งได้ทยอยกันจำแลงขึ้นมาบนมหามรรคาตามลำดับ
หากจะบอกว่าการดำรงอยู่ของบรรพจารย์ของสามลัทธิ ต่างก็เป็นตัวตัดสินระดับความสูงของมรรคกถาในหนึ่งใต้หล้า
ถ้าอย่างนั้นวิธีการผสานมรรคาของป๋ายเจ๋อก็คือการสยบขวัญใหญ่หลวงชนิดหนึ่งที่มีต่อใต้หล้าแห่งอื่นๆ แม้จะบอกว่าป๋ายเจ๋อต่อสู้ไม่เก่ง ไม่เคยสนใจเรื่องของการรบราฆ่าฟัน แต่หากจะมองว่าป๋ายเจ๋อคือผู้ฝึกใหญ่ที่ใจอ่อนมีเมตตาเพราะสาเหตุนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน บนผืนแผ่นดิน เผ่าปีศาจที่แกร่งกร้าวทั้งหลายแห่งใต้หล้าไม่ทันระวังตายไปด้วยน้ำมือของป๋ายเจ๋อ มีเยอะมาก ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกลมปราณหรือผู้ฝึกกระบี่เต็มตัว ป๋ายเจ๋อเองก็ฆ่าไปไม่น้อย
การประชุมริมลำคลองเมื่อหมื่นปีก่อน เพื่อให้สองใต้หล้าได้พักฟื้น ป๋ายเจ๋อจึงเป็นฝ่ายสละผลประโยชน์ของเผ่าปีศาจ มอบชื่อจริงของปีศาจใหญ่จำนวนที่มากพอดูมาให้ นี่ถึงได้มีภาพค้นภูเขาที่แพร่หลายไปทั่วใต้หล้าไพศาลในยุคหลัง
แต่การกระทำนี้ของป๋ายเจ๋อมีความหมายที่ลึกล้ำยาวไกล ก็เหมือนว่าเขาได้ขีดเส้นบรรทัดฐานเส้นหนึ่งไว้ให้กับฟ้าดิน นั่นก็คือจำเป็นต้องรับประกันว่าการแพร่ขยายเผ่าพันธ์ของเผ่าปีศาจจะไม่แข็งแกร่งเกินไป จะไม่บุกโจมตีผู้อื่นอย่างกำเริบเสิบสานจนเป็นเหตุให้ไฟสงครามลุกลามไปทั่วใต้หล้า แต่ป๋ายเจ๋อก็ไม่มีทางยอมอนุญาตให้กองกำลังภายนอกฝ่ายใดมาไล่ล่าสังหารเผ่าปีศาจจนซากอย่างแน่นอน
ผู้ที่ข้ามเส้น ผู้ที่ล้ำแดน ก็คือต้องการเป็นศัตรูกับป๋ายเจ๋อ เท่ากับเป็นการช่วงชิงบนมหามรรคาที่ต้องมีแบ่งเป็นตาย
หากผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างเสียหายอย่างหนัก ตบะของป๋ายเจ๋อก็จะเพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย
เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิม ไม่รีบร้อนใช้กระบี่ฟันพื้นที่ลับ แล้วก็ไม่รีบร้อนทะยานลมไปด้านหน้า แต่เปลี่ยนมาถือกระบี่ด้วยมือขวาแทน
กระบี่ที่ปล่อยออกไปอย่างเต็มกำลังก่อนหน้านี้ ต่อให้จะใช้เรือนกายที่แข็งแกร่งของขอบเขตคืนความจริงของผู้ฝึกยุทธขั้นสิบ แต่ก็เกรงว่าจะต้องบาดเจ็บสะเทือนไปถึงเส้นเอ็นและกระดูกแล้ว
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ให้ภาพบรรยากาศขุนเขาสายน้ำในร่างกายเข้าสู่ภาวะสงบนิ่งเสียก่อน
ก่อนหน้านี้ชายแขนเสื้อสองข้างมีลมวสันต์ ฟ้าดินเล็กร่างกายมนุษย์เหมือนคนฟ้าสัมผัส แผ่นดินขานรับ สายฟ้าฤดูใบไม้ผลิสะเทือนครืนครั่น
กระบี่ยาวเย่โหยวลอยอยู่ข้างกายฝั่งซ้าย จิตของเฉินผิงอันเคลื่อนไหวเล็กน้อย คมกระบี่ของเย่โหยวก็เสียบแทงเข้าไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลา เหลือเพียงตัวกระบี่ครึ่งล่าง คมกระบี่เหมือนปาดฟันลงบนผนังม่านฟ้าที่เป็นมายาล่องลอย จากนั้นก็อาศัยการเชื่อมโยงทางจิตเสี้ยวหนึ่งที่มีกับเย่โหยว พยายามจะยืนยันให้แน่ใจว่าความห่างเพียงหนึ่งกำแพงกั้นขวาง สรุปแล้วห่างไกลแค่ไหนกันแน่ ผลคือคาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกเวียนหัวตาลายอย่างที่มิอาจควบคุม เฉินผิงอันรีบทำจิตแห่งมรรคาให้มั่นคง เก็บดวงจิตเมล็ดงาส่วนนั้นกลับมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!