กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 868

การแสดงออก​บน​มหา​มรรคา​ที่​ลี้ลับ​เกิน​จะหยั่ง​เช่นนี้​เป็น​โอกาส​ที่​หา​ได้​ยาก​ สมดั่ง​คำ​ว่า​พันปี​ก็​ยาก​จะพานพบ​อย่าง​แท้จริง​ ต่อให้​จะเกิด​ความเข้าใจ​ตระหนัก​รู้​ได้​แค่​เสี้ยว​เดียว​ก็​เท่ากับ​ว่า​ได้​ก้าวเดิน​ก้าว​หนึ่ง​ออก​ไป​บน​เส้นทาง​ที่​ผู้อื่น​บุกเบิก​มาได้​สำเร็จ​ เมื่อ​มีก้าว​แรก​ก็​เท่ากับ​ว่า​มีทิศทาง​ของ​มหา​มรรคา​แล้ว​

ดังนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ถึงได้​ใช้กระบี่​ยาว​เย่​โหย​ว​มาหยั่งเชิง​ความจริง​เท็จ​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ฟ้าดิน​ด้านนอก​มีกาย​ธรรม​ร่าง​ทอง​ที่​เท้า​เหยียบ​อยู่​บน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​ ขณะเดียวกัน​ก็​ควบคุม​ธงเซียน​กระบี่​และ​ตราประทับ​เวท​ห้า​อสนี​ นอกจากนี้​ก็​ยังมี​นักพรต​ชุด​เขียว​ที่​คล้ายคลึง​กับ​จิต​หยิน​ออก​เดินทางไกล​ซึ่งคอย​รับมือ​กับ​เวท​น้ำ​ที่​ดรุณี​น้อย​บน​ลำคลอง​ร่าย​ใช้อย่าง​ไม่จบ​ไม่สิ้น​

ต่าง​ก็​ไม่ได้​อยู่​ว่าง​

ลู่​เฉิน​ถาม “ด้านนอก​ยัง​ประลอง​เวท​คาถา​กัน​อยู่​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ “หยวน​ซงกำลัง​ฟัน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงแล้ว​”

ทุกครั้งที่​หยวน​ซงปล่อย​กระบี่​ออกมา​ก็​คือ​การนำ​หิน​ของ​ภูเขา​ลูก​อื่น​มากลึง​เป็น​หยก​ของ​ตัวเอง​

ป๋า​ยอ​วี้​จิงยิ่งใหญ่​เกินไป​มาก​จริงๆ​ การ​ไหลริน​ของ​มหา​มรรคา​บางอย่าง​ที่​หลบซ่อน​อยู่​ใน​ซอก​ลึก​ ต่อให้​เฉิน​ผิง​อัน​จะเป็นเจ้าของ​ผู้​ที่​หล่อหลอม​มัน​ก็​ยัง​ไม่อาจ​สำรวจ​ตรวจสอบ​ได้​อย่าง​ครบถ้วน​ บวก​กับ​ที่​สาย​ของ​เวท​คาถา​ลัทธิ​เต๋า​นั้น​ เขา​เอง​ก็​ไม่ได้​เข้าใจ​มาก​นัก​ หลาย​ๆ เรื่อง​แค่​รู้​ว่า​มัน​คือ​อะไร​ แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​มัน​ถึงเป็น​เช่นนั้น​ ก็​เหมือน​นัก​แกะสลัก​ที่​เป็น​มนุษย์​ธรรมดา​ล่าง​ภูเขา​ที่​สามารถ​แกะสลัก​ตราประทับ​งดงาม​ชิ้น​หนึ่ง​ได้​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ไม่กล้า​บอ​กว่า​ตัวเอง​เข้าใจ​เนื้อแท้​ที่อยู่​ใน​หิน​หยก​ได้​อย่าง​ถ่องแท้​

ดังนั้น​แค่​มั่นใจ​ว่า​สมบัติ​หนัก​ตระกูล​เซียน​ชิ้น​นั้น​จะไม่ถูก​หยวน​ซงฟัน​จน​ย่อยยับ​ก็​พอแล้ว​

ยิ่ง​หยวน​ซงสามารถ​ใช้เวท​กระบี่​มารื้อถอน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงจำลอง​ได้​มาก​เท่าไร​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ยิ่ง​สามารถ​นิ่งเฉย​มอง​ดูดาย​อยู่​ข้างๆ​ ได้​มาก​เท่านั้น​

ความ​น่าเสียดาย​เพียง​อย่าง​เดียว​ก็​คือ​ วัตถุ​ที่​บรรพ​จารย์​บุกเบิก​ภูเขา​ตำหนัก​อวี้ฝู​ใช้สร้าง​เลียนแบบ​คือ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงเก่า​ของ​เมื่อ​หลาย​พัน​ปีก่อน​แล้ว​

ลู่​เฉิน​นวด​คลึง​ปลาย​คาง​ “แบบนี้​ก็​น่าประหลาด​แล้ว​”

หาก​หยวน​ซงยืน​นิ่ง​ไม่ขยับ​ก็​จะสามารถ​ช่วย​ให้​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ประคับประคอง​ตัว​อยู่​ได้​นาน​ยิ่งกว่า​เดิม​

ไม่อย่างนั้น​หา​กร่าย​วิชา​อภินิหาร​ ปล่อย​เวท​คาถา​ไป​ไม่หยุดยั้ง​ก็​มีแต่​จะทำให้​เฉิน​ผิง​อัน​ได้​ออก​กระบี่​ใส่ภูเขา​ทัว​เย​ว่​น้อยลง​หลาย​สิบ​ที​หรือ​ถึงขั้น​หลาย​ร้อย​ที​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ปีศาจ​ใหญ่​หยวน​ซงย่อม​หวัง​ว่า​จะได้​เข่นฆ่า​อย่าง​สาแก่ใจ​สักครั้ง​ อย่างเช่น​ใช้สถานะ​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​เต็มตัว​มาถามกระบี่​กับ​ผู้อื่น​ ส่วน​คน​ผู้​นั้น​จะใช่ข้า​หรือไม่​ ไม่ได้​สำคัญ​เลย​ ขอ​แค่​ขอบเขต​ของ​อีก​ฝ่าย​มาก​พอ​ เช่นว่า​หาก​เปลี่ยนไป​เป็น​เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ฉี ไม่แน่​ว่า​เวลานี้​ก็​อาจจะ​เริ่ม​ผลัดกัน​ฟัน​กระบี่​แล้ว​”

อีก​เดี๋ยว​เมื่อ​ตน​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​จะต้อง​ทำให้​ผู้ฝึก​กระบี่​หยวน​ซงสมความปรารถนา​แน่​

อยู่ดีๆ​ ลู่​เฉิน​ก็​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “สรุป​แล้ว​เจ้าหมอ​นั่น​กิน​ปีศาจ​ใหญ่​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​มีพละกำลัง​เทียบเท่า​ราชา​บน​บัลลังก์​ไป​มาก​น้อย​แค่​ไหน​กัน​แน่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ครุ่นคิด​ “เยอะ​มาก​”

แล้ว​พูด​ย้ำ​อี​กรอบ​ “เยอะ​มาก​ๆ!”

หนึ่ง​ใน​ทาง​หนี​ที​ไล่​ของ​โจว​มี่ก็​คือ​คาดการณ์​ได้​แม่นยำ​ว่า​ป๋า​ย​เจ๋อ​จะต้อง​หวนกลับ​บ้านเกิด​ และ​ยินยอมพร้อมใจ​จะสนับสนุน​ช่วยเหลือ​ผู้​ครอง​ใต้​หล้า​ในนาม​อย่าง​ผู้ฝึก​กระบี่​เฝ่ย​หรา​น​ ร่วมแรง​กัน​คุมเชิง​กับ​ไพศาล​

ต้อง​รู้​ว่า​จิต​หยิน​ของ​มหาสมุทร​ความรู้​โจว​มี่นั้น​อยู่​ที่​ลู่​ฝ่าเหยียน​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ที่​ถูก​เขา​กลืน​กิน​มหา​มรรคา​ ส่วน​จิต​หยาง​กาย​นอกกาย​ก็​คือ​ปีศาจ​ใหญ่​ป๋า​ยอิ๋ง​ราชา​บน​บัลลังก์​กระดูก​ นอกจากนี้​ยัง​กิน​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​อย่าง​พวก​เชี่ยอวิ้น​ หวง​หลวน​ เหย้า​เจี่ย​ ฯลฯ​ ไป​รวดเดียว​พร้อมกัน​ด้วย​

นี่​ยัง​เป็น​แค่​ผลลัพธ์​ที่​โจว​มี่เอา​มาวาง​ไว้​บน​หน้า​โต๊ะ​ให้​เห็น​กัน​จะๆ เท่านั้น​

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​คาดการณ์​ได้​แม่นยำ​ว่า​ป๋า​ย​เจ๋อ​จะหวนกลับ​มายัง​เปลี่ยว​ร้าง​ คาด​ว่าด้วย​กระเพาะ​ของ​โจว​มี่แล้ว​คง​ยัง​ต้อง​แอบ​กิน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ไป​อย่าง​ลับ​ๆ มากกว่า​นี้​

เรื่อง​แบบนี้​ เกรง​ว่า​นอกจาก​โจว​มี่แล้ว​ หาก​เปลี่ยน​มาเป็น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​คนใด​ก็ตาม​ ต่อให้​จะเป็น​ขอบเขต​สิบ​สี่เหมือนกัน​ แต่​ก็​คง​ไม่มีใคร​ทำได้​อยู่ดี​

ลู่​เฉิน​ทอดถอนใจ​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “หากว่า​กัน​ใน​บาง​ระดับ​แล้ว​ ไอ้​หมอ​นี่​ก็​สามารถ​ถือว่า​เป็น​…คน​ที่​ตื่น​เพียง​คนเดียว​ได้​จริงๆ​”

ฟ้าอำนวย​ดิน​อวยพร​คน​สามัคคี​ ทั้ง​สามอย่างนี้​จะขาด​อย่างใด​ไป​ไม่ได้​ อันดับ​แรก​คือ​ต้อง​ได้รับ​การ​ยอมรับ​โดยปริยาย​จาก​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ก่อน​ ต่อมา​คือ​ต้อง​ให้​ขอบเขต​ของ​โจว​มี่เอง​สูงมาก​พอ​ มีศักยภาพ​พอที่จะ​สังหาร​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่ได้​

ข้อ​สุดท้าย​ แล้วก็​เป็นปัญหา​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ ยังคง​เป็นการ​ที่​โจว​มี่สามารถ​อาศัย​ความรู้​สูงส่งเทียมฟ้า​ของ​ตัวเอง​มาคลี่คลาย​ภัย​แฝงที่เกิด​จาก​การปะทะ​กัน​บน​มหา​มรรคา​เหล่านั้น​ได้​ โจว​มี่ยัง​ต้อง​แน่ใจ​ว่า​การกระทำ​ของ​ตน​จะไม่เป็นการ​เนรคุณ​ต่อ​สวรรค์​ ไม่ถูก​มหา​มรรคา​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​รังเกียจ​ทอดทิ้ง​ กลับ​กลายเป็น​ว่า​ทำลาย​ศักยภาพ​ของ​ตัวเอง​ลง​…

มิฉะนั้น​เหตุใด​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ถึงไม่ทำ​เรื่อง​นี้​ด้วยตัวเอง​เล่า​? เขา​สามารถ​อาศัย​สิ่งนี้​มาก้าว​ออก​ไป​ครึ่ง​ก้าว​สุดท้าย​ มหา​มรรคา​ก็​จะสมบูรณ์​ไร้​ช่องโหว่​ กลายเป็น​ขอบเขต​สิบห้า​ได้​อย่าง​แท้จริง​

ใช่ว่า​ไม่อยาก​ แต่​เป็น​เพราะ​ทำ​ไม่ได้​

มีความเป็นไปได้​อย่าง​สูงว่า​โจว​มี่ที่​เดิน​ขึ้น​ฟ้าไป​แล้ว​จะยังมี​วิธีการ​บางอย่าง​ที่​สามารถ​ดึง​เอา​ศักยภาพ​ของ​บุคคล​ ‘ซี่โครง​ไก่​’ ที่​เขา​พา​ไป​ยัง​สรวงสวรรค์​ใหม่​เหล่านั้น​ออกมา​ แล้ว​ค่อย​ทำลาย​อีก​ฝ่าย​ทิ้ง​อย่าง​สิ้นซาก​ เพื่อให้​ป๋า​ย​เจ๋อ​ได้​ชดเชย​ความเสียหาย​บน​มหา​มรรคา​จาก​การปลุก​พวก​ปีศาจ​ใหญ่​ที่​จำศีล​ให้​ฟื้น​ตื่น​

ยกตัวอย่างเช่น​…ชื่อจริง​ล้วน​ตกเป็นของ​ป๋า​ย​เจ๋อ​?

ถ้าอย่างนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​ผสาน​มรรคา​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ครึ่งหนึ่ง​ วิธีการ​ที่​เหนี่ยน​ซินค​น​เย็บผ้า​ช่วย​ให้​เฉิน​ผิง​อัน​แบกรับ​ชื่อจริง​ของ​เผ่า​ปีศาจ​

ก็​จะกลาย​มาเป็นการ​วางหมาก​ที่​สำคัญ​ซึ่งไร้เหตุผล​ตา​หนึ่ง​

ขัดขวาง​ป๋า​ย​เจ๋อ​ ช่วงชิง​ชื่อจริง​

พูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​เป็น​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ที่​ยังอยู่​บน​โลก​มนุษย์​ขัดขวาง​โจว​มี่องค์​เทพ​ที่​ตัว​อยู่​นอก​ฟ้า

เส้นทาง​สะพาน​ไม้เส้น​หนึ่ง​คล้าย​มีคน​มาขวางทาง​ ตัดขาด​การ​ไหลริน​ของ​สายน้ำ​ ไม่ใช่ข้า​แล้​วจะ​ยังมี​ใคร​ทำได้​อีก​?

ลู่​เฉิน​รู้สึก​นับถือ​ยิ่งนัก​ “ก่อนหน้านี้​ตอน​อยู่​ลำคลอง​เย่ลั่ว​ ป๋า​ย​เจ๋อ​ไม่ได้​ลงมือ​กับ​เจ้า ช่างเป็น​มาด​ของ​ยอด​ฝีมือ​ที่​ไม่ธรรมดา​เลย​จริงๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “หาก​เปลี่ยน​จุดยืน​กัน​ ข้า​ก็​ไม่มีทาง​ลงมือ​เหมือนกัน​ ขนาด​ข้า​ยัง​ทำได้​ อาจารย์​ป๋า​ย​ก็​ยิ่ง​ต้อง​ทำได้​ ไม่จำเป็นต้อง​กังวล​อะไร​”

ลู่​เฉิน​อึ้ง​งัน​ไร้​คำพูด​ไป​พักใหญ่​ เริ่ม​จะเข้าใจ​แล้ว​ว่า​วาสนา​กับ​ผู้อาวุโส​ของ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ได้​มาจาก​ไหน​

ฝึกปรือ​จน​เข้าขั้น​ชำนาญ​ ยอดเยี่ยม​ที่สุด​ อีก​ทั้งที่​สำคัญ​ที่สุด​คือ​จริงใจ​อย่าง​มาก​

ลู่​เฉิน​ลังเล​อยู่​ชั่วขณะ​ ก่อน​ถามว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ แท้จริง​แล้ว​เจ้าไม่ได้​ถนัดซ้าย​ ใช่หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​ปิดบัง​ “ตอน​เป็น​เด็ก​มีครั้งหนึ่ง​ขึ้น​เขา​แล้ว​สะดุด​ล้ม​ มือขวา​ถูก​กรีด​เป็นแผล​ บาดแผล​ลึก​ถึงเส้นเอ็น​และ​กระดูก​ต้อง​รักษา​นาน​ร้อย​วัน​ ไม่อาจ​ใช้มือ​ข้าง​นั้น​ทำงาน​ได้​เลย​ต้อง​ใช้มือซ้าย​ทำงาน​ยาวนาน​มาก​ช่วง​หนึ่ง​ ภายหลัง​เกิด​เป็น​ความเคยชิน​ อีก​ทั้ง​การ​ขึ้น​รูป​เครื่อง​ปั้น​ก็​พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​มือสอง​ข้าง​ที่​ต้อง​สมดุล​กัน​ จึงพูด​ไม่ได้​ว่า​ข้า​ถนัดซ้าย​หรือ​ถนัดขวา​”

ทัศนียภาพ​ที่​งดงาม​ สมุนไพร​ที่​มีราคา​ ส่วนใหญ่​มักจะ​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​อันตราย​เสมอ​

ลู่​เฉิน​อับจน​คำพูด​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ “เจ้าเกินไป​หน่อย​แล้ว​จริงๆ​ นะ​…”

มีความเป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่าการ​ปล่อย​หมัด​และ​ออก​กระบี่​ด้วย​มือขวา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ เขา​ไม่เคย​ออกแรง​เต็มที่​อย่าง​แท้จริง​มาก่อน​ ต่อให้​เคย​ทำ​มาก่อน​ แต่​อยู่​ใน​สายตา​ของ​คนนอก​แล้วก็​ต้อง​อำพราง​ได้​ดีเยี่ยม​มาโดยตลอด​

ดังนั้น​การ​ ‘ถนัดซ้าย​’ ที่​เฉิน​ผิง​อัน​อำพราง​มาได้​อย่าง​ยอดเยี่ยม​ แท้จริง​แล้วก็​คือ​เวท​อำพราง​ตาอีก​ชั้นหนึ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ไม่ได้​ส่งผลกระทบ​กับ​ใคร​สักหน่อย​”

หวน​นึกถึง​ปี​นั้น​ เด็กหนุ่ม​รองเท้าแตะ​ของ​ตรอก​หนี​ผิง​ ตอนนั้น​ที่​เดินผ่าน​แผง​ดูดวง​ของ​ตน​ มอง​แล้ว​ช่างเป็น​เด็ก​ใสซื่อ​บริสุทธิ์​ยิ่งนัก​ ยาม​พูดคุย​กับ​คนอื่น​ก็​ไม่เคย​เอ่ย​ถ้อยคำ​แปลก​แปร่ง​ระคายหู​แม้แต่​ครึ่ง​คำ​

แต่​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​หลาย​ปี​ขนาด​นี้​ เรื่อง​หลงใหล​ใน​ทรัพย์สิน​ก็​ยัง​คงเดิม​

อันที่จริง​หาก​สืบเสาะ​ให้​ลึก​ลง​ไป​ ลู่​เฉิน​กลับ​ไม่รู้สึก​ประหลาดใจ​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!