หยวนซงไม่เปิดโอกาสให้เฉินผิงอันได้หยุดหายใจ นอกจากจะถือกระบี่ขยับเข้ามาเข่นฆ่าประชิดตัวแล้วก็ยังร่ายเวทกระบี่บรรพกาลไม่ต่ำกว่าสามสิบชนิดแล้ว
ส่วนเฉินผิงอันกลับได้แต่ส่งกระบี่ออกไปสิบเก้าครั้งเท่านั้น
ทว่าความเร็วในการปล่อยกระบี่ของเฉินผิงอันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ากระบี่หลังได้ถูกกระบี่ก่อนหน้านี้ชักนำไป ประหนึ่งลมปราณแท้จริงเฮือกหนึ่งของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่ทอดยาวไม่ขาดสาย
กระทั่งปล่อยกระบี่ออกไปยี่สิบครั้งจึงกลายมาเป็นคราวของเฉินผิงอันที่ยึดครองความได้เปรียบ การเดินขึ้นเขาครั้งนี้ เรือนกายเพิ่งจะพลิ้วลงที่หน้าประตูภูเขาทัวเยว่ เฉินผิงอันก็ปล่อยกระบี่ออกไปไม่หยุดตลอดทาง ยิ่งนานยิ่งเร็วจนกระทั่งหลายกระบี่ทับซ้อนเป็นหนึ่งกระบี่ แสงกระบี่รวมกันเป็นเส้นเดียว เป็นเหตุให้หยวนซงได้แต่ตั้งรับมิอาจตอบโต้คืนได้ชั่วขณะ
หลังสามสิบหกกระบี่ผ่านไป เฉินผิงอันไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยกระบี่ต่อ กลับกลายเป็นถอยร่นออกจากภูเขาทัวเยว่ในชั่วพริบตา เปลี่ยนมาเป็นมือซ้ายที่ถือกระบี่
หยวนซงลุกขึ้นยืนท่ามกลางแอ่งเลือด รวบรวมเนื้อหนังมังสาและจิตวิญญาณมาปะติดปะต่อกัน
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เฉินผิงอันถึงเปลี่ยนมาถือเย่โหยวไว้นานแล้ว
มือข้างหนึ่งกำเป็นหมัด ห้านิ้วงอลงสัมผัสฝ่ามือ จากนั้นจึงใช้เส้นลายมือเป็นยันต์ขุนเขาสายน้ำ ขณะเดียวกันก็โคจรวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุ เป่าลมกลายเป็นพายุสายฟ้า
เท้าข้างหนึ่งกระทืบลงบนพื้นหนักๆ พื้นดินในรัศมีร้อยลี้ใต้ฝ่าเท้าของเฉินผิงอันพลันเปลี่ยนมาเป็นผิวกระจกสีทองผืนหนึ่ง ยังคงเป็นเคล็ดสายฟ้าที่เป็นวิชาลับไม่แพร่งพรายของภูเขามังกรพยัคฆ์
คือสุดยอดแห่งเวทสายฟ้า เป็นการนำเวทอสนี ยันต์และค่ายกลทั้งสามสิ่งนี้มาทับซ้อนกัน เรียกว่าเคล็ดสายฟ้า นอกภูเขามังกรพยัคฆ์ก็มีคำกล่าวว่าเกาเจินลัทธิเต๋าได้ครอบครองเคล็ดสายฟ้าเช่นกัน เชิญเทพให้ลงมาจุติ โยกย้ายกองกำลังทัพ ออกคำสั่งแก่มัลละบนสวรรค์
สายลมพัดกระโชกไอหมอกลอยอวล ฟาดแส้โบยมังกรก่อเกิดสายฟ้า กระชากดึงมหาบรรพต ขับไล่ลงสู่มหาสมุทร สามารถมองเป็นการโคจรน้ำใหญ่ขึ้นฝั่งได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับเวทอสนีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาจากเทียนซือแต่ละยุคแต่ละสมัย ถูกขนานนามให้เป็นบรรพบุรุษแห่งหมื่นคาถาแล้ว กลับด้อยกว่ามาก เล่าลือกันว่าเคล็ดสายฟ้าที่แท้จริงได้ครอบครองคาถารวมของฝ่ายต่างๆ ในกรมสายฟ้าบรรพกาล เวทคาถาสุดยอดถึงแก่นแท้ ควบคุมหยินหยาง ความรุ่งโรจน์และโรยราของหมื่นสรรพสิ่ง การเกิดดับของสี่ฤดูกาล ฟ้าดินอยู่ในมือ หมื่นสรรพสิ่งจำแลงอยู่บนร่าง
ยิ่งนานก็ยิ่งร่ายเวทอสนีอย่างคุ้นชินมากขึ้น
ลู่เฉินอดไม่ไหวยิ้มถาม “ตัวเจ้าที่อยู่ในแจกันสมบัติทวีปไปเยือนซากปรักสนามรบมังกรเฒ่ามาแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ฉวยโอกาสที่ขอบเขตสูงเดินทางได้เร็ว เร่งเดินทางลงใต้ ไปเยือนสถานที่ต่างๆ มาไม่น้อย หวนกลับไปยังสถานที่ที่เคยไป พบเจอกับสหายเก่าบางคน”
หากคนอย่างเฉินผิงอันสามารถเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่ได้อย่างแท้จริง
ขอบเขตของเขาจะต้องแน่นหนามั่นคงผิดปกติ
หลังจากนั้นก็คือศึกแห่งการชักเลื่อยที่น่าเบื่อไร้รสชาติครั้งหนึ่ง อันที่จริงหยวนซงยังคงมีเวทคาถาให้ใช้ไม่หมดสิ้น ราวกับว่าเขาต้องการจะโอ้อวดความรู้ทุกอย่างที่เรียนมาในชีวิตท่ามกลางการถามกระบี่ครั้งนี้ให้หมดรวดเดียว
เพียงแต่ว่าทางฝั่งของเฉินผิงอันแค่เปลี่ยนมือที่ถือกระบี่เท่านั้น เปลี่ยนจากการปล่อยกระบี่ติดกันสามสิบหกครั้ง เพิ่มจำนวนไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบถึงห้าสิบครั้ง
นอกจากนี้อย่างมากสุดก็แค่ใช้ฟ้าดินเล็กของเคล็ดสายฟ้ามาสร้างความมั่นคงให้กับเรือนกายและจิตแห่งมรรคาของตัวเอง
บ้างก็เรียกจันทร์ในบ่อออกมา ประหนึ่งสายฝนที่ตกลงบนภูเขาทัวเยว่
สนามรบได้ขยับไปที่ตีนเขาของภูเขาทัวเยว่อีกครั้งแล้ว
หยวนซงยืนถือกระบี่ หันหลังให้กับภูเขาทัวเยว่
อยู่ห่างจากภูเขาทัวเยว่ไปร้อยลี้ เฉินผิงอันถือเย่โหยว
เฉินผิงอันพลันเงยหน้ามองม่านฟ้าที่อยู่นอกใต้หล้าสองแห่ง
ดวงจันทร์ดวงหนึ่งเหมือนจะถูกกระชากออกเดินทางไกลไปแล้ว
ดูเหมือนว่าจะมีเรือนกายหนึ่งถูกซัดร่วงกลับลงมายังโลกมนุษย์ แต่นางหยุดยั้งเรือนกายที่กำลังร่วงลงมาไว้ได้อย่างว่องไว พกกระบี่หวนกลับดวงจันทร์ไปอีกครั้ง ทางที่ย้อนกลับไม่คลาดเคลื่อนไปจากเส้นทางเดิมเลยแม้แต่น้อย
เพียงชั่วพริบตานั้น เฉินผิงอันก็เหมือนกลายไปเป็นคนละคน
ภูเขาลูกหนึ่งถูกหยวนซงใช้เวทกระบี่ออกคำสั่งดึงขึ้นมาพร้อมรากแล้วกระแทกใส่เฉินผิงอันในแนวขวาง
แต่คราวนี้เฉินผิงอันกลับไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่ขยับเท้าก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างไม่รีบร้อน ภูเขาที่ขยับมาอยู่ใกล้ในระยะประชิดกลับปริแตกออกด้วยตัวเอง
แสงกระบี่โค้งงอเส้นหนึ่งก็หยุดอยู่ห่างไปหลายจั้งเช่นเดียวกัน สะเก็ดไฟแตกกระจาย ฝนไฟลามไปทั่วทุกหนแห่ง รอบด้านจึงกลายเป็นพื้นดินไหม้เกรียม
หลังจากนั้นแทบทุกๆ หลายก้าวที่เฉินผิงอันขยับเข้าใกล้ภูเขาทัวเยว่ก็จะมีเวทกระบี่หรือไม่ก็คาถาอาคมบทหนึ่งที่แตกกระจายออกในบริเวณใกล้เคียง
อยู่ในสถานะของผู้มิพ่าย เบื้องหน้าไร้ผู้คน ไร้ศัตรูทัดเทียมอยู่ตลอดเวลา
กับปีศาจใหญ่หยวนซงของภูเขาทัวเยว่ เป็นทั้งการถามกระบี่ ถามมรรคา และถามใจ
ไยต้องฝึกตน?
การเดินบนมหามรรคา พกกระบี่เดินตรงไป ไม่จำเป็นต้องอ้อมเส้นทาง
ชุดสีเขียวค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นชุดคลุมอาคมสีแดงสด
แม้แต่มรรคกถาขอบเขตสิบสี่ก็ยังไม่อาจขัดขวางการเปลี่ยนแปลงประเภทนี้ได้
ราวกับว่าอิ่นกวานหนุ่มได้กลับคืนไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งหนึ่งนั้น ใบหน้าพร่าเลือน เรือนกายล่องลอยไม่หยุดนิ่ง
ทั้งใบหน้าและเรือนกายประกอบจากเส้นด้ายนับพันนับหมื่นที่ตัดสลับถักทอกัน
ส่วนเส้นด้ายแห่งผลกรรมสีทองที่แผ่ขยายออกไปก็คล้ายกับสีสันการหล่อทองชั้นหนึ่งบนเทวรูป
ปีศาจใหญ่หยวนซงเงื้อกระบี่ฟันใส่อิ่นกวานหนุ่มที่เริ่มเดินขึ้นเขา
ผลคือบุคคลประหลาดที่ยิ่งเดินก็ยิ่งขยับเข้าใกล้เพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาก็ทำให้กระบี่ยาวของหยวนซงหยุดลอยนิ่ง เพราะพละกำลังที่พุ่งมาดุดันเกินไป เป็นเหตุให้ข้อมือข้างที่ถือกระบี่ของหยวนซงขาดคาที่ ค้างอยู่ในท่าเงื้อฟัน ส่วนร่างของหยวนซงก็ยิ่งเซถลาไปเบื้องหน้า
เฉินผิงอันปล่อยกระบี่หนึ่งออกไป
เป็นกระบี่ที่เรียบง่ายยิ่ง กระบี่ฟันบินทะยาน
ลู่เฉินเบิกตากว้างจนดวงตากลมดิก อึ้งงันดั่งไก่ไม้อย่างแท้จริง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เห็นเพียงว่าเฉินผิงอันอีกคนหนึ่งที่มีดวงตาสีทองยืนอยู่บนยอดเขา อยู่ด้านหลังหยวนซง
ในมือถือกระบี่ยาวสีทอง ปาดไปบนลำคอของหยวนซงเบาๆ
หลังจากกระบี่ยาวเล่มนั้นปาดไปในแนวขวาง ค่ายกลใหญ่แม่น้ำแห่งกาลเวลาอะไร ผสานมรรคากับภูเขาทัวเยว่อะไร ล้วนเป็นมรรคกถาลวงตาไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
ปาดคอบั่นหัว
ศีรษะถูกจิกถือไว้ในมือ
มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งหิ้วศีรษะ
ลู่เฉินเบิกตากว้าง ถามว่า “ใช่เจ้าไหม?”
คนผู้นั้นยิ้มบางๆ ตอบว่า “เป็นข้าเอง”
เฉินผิงอันสอดกระบี่ยาวเย่โหยวใส่ฝัก เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “แน่นอนว่าต้องเป็นข้า”
ลู่เฉินอึ้งค้างอยู่นาน ทั้งมองเฉินผิงอันที่เผยกายด้วยความเป็นเทพบริสุทธิ์ ทั้งมองเฉินผิงอันที่เป็นฝ่ายถอนความเป็นเทพออกไป สุดท้ายลู่เฉินก็ถอนหายใจยาวเหยียด ทิ้งตัวนอนหงายไปด้านหลัง แกล้งตายก็แล้วกัน
ส่วนเฉินผิงอันก็ผสานร่างจากสองกลายเป็นหนึ่ง
ฝ่ายปีศาจใหญ่หยวนซงที่เป็นขอบเขตบินทะยานขั้นสูงสุด สองจิตฟ้าดินต่างก็ถูกกระบี่ปั่นคว้านจนเละ จิตมนุษย์นำพาเจ็ดวิญญาณไป เริ่มแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ตบะหมื่นปี ขอบเขตของทั้งร่างล้วนดับสูญไปนับแต่นี้
ภูเขาทัวเยว่ทั้งลูกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเริ่มกลายเป็นสีขาวซีดเซียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!