ภูเขาตะวันเที่ยง หอกว้ออวิ๋น
ฟ้าใสหลังสายฝนชะผ่าน อากาศปลอดโปร่งสดชื่น
ท่าเรือป๋ายลู่นอกภูเขา ต้นกกต้นออเป็นพุ่มๆ พากันออกดอกแล้ว ต้นข้าวบนนาขั้นบันไดกลายเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั้งแถบ
ภูเขาหลายลูกของภูเขาตะวันเที่ยงที่ห่างออกไปไกล ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างยุ่งวุ่นวาย ดินไม้ก่อสร้าง ซ่อมแซมแก้ไข
ห้องอักษรเจี่ยที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุดห้องนั้นไม่มีแขกมาเข้าพัก เฉินผิงอันจึงเข้าไปในห้อง ยกเก้าอี้หวายมาที่ระเบียงชมทัศนียภาพแล้วนั่งลง ทอดสายตามองไกลไปยังยอดเขาชิงอู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วแกว่งน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ในมือเบาๆ
เรื่องบางเรื่องหากเริ่มต้นแล้วก็ยากที่จะล้มเลิกได้ ยกตัวอย่างเช่นชื่นชอบใคร หรือยกตัวอย่างเช่นการดื่มเหล้า
บนโต๊ะเหล้า เฉินผิงอันได้เห็นเรื่องราวและความสัมพันธ์ผู้คนมามากมาย ดื่มเหล้าสามารถทำให้คนพูดน้อยเปลี่ยนเป็นคนคุยเก่ง สามารถทำให้คนที่เวลาปกติชอบตะโกนเสียงดังพึมพำเสียงเบา สามารถทำให้คนมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่กลับน้ำตาคลอโดยที่ไม่รู้ตัว สามารถทำให้คนแก่คนหนึ่งกลับกลายไปเป็นเด็ก
ไม่รู้ว่าโจวอันดับหนึ่งบ้านตนไปถึงใต้หล้าเปลี่ยวร้างแล้วจะเจอกับเหตุการณ์แบบใด แล้วจะสร้างความวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงไหน
ใบหลิวหนึ่งใบสังหารเซียนเหริน
ส่วนวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บินเจียงซ่างเจิน เฉินผิงอันไม่เคยถามมาก่อน
ชุยตงซานกลับเคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง บอกว่าระดับขั้นของกระบี่บินโจวอันดับหนึ่งสูงมาก ฉายประกายคมกริบ คฤหาสน์หลบร้อนสามารถประเมินให้เป็นระดับหนึ่งได้เลย ขึ้นภูเขาปีนหน้าผา ข้ามน้ำผ่านลำคลอง เจอเสื้อเกราะทะลวงเสื้อเกราะ
เรื่องที่ค่อนข้างอยู่เหนือการคาดการณ์ก็คือหนีเยว่หรงที่เดิมทีควรไปอยู่ที่อาณาเขตขุนเขากลางของต้าหลี ตอนนี้กลับอยู่ในโรงเตี๊ยมด้วย ดูเหมือนว่าจะกำลังตรวจบัญชีอยู่
หนีเยว่หรงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศฟ้าดินที่ผิดปกติ จึงรีบวางสมุดบัญชีที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งเจ็บปวดใจลง รีบมาที่นี่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ก่อนที่นางจะมายังได้ขอพรในใจอยู่เงียบๆ ว่าอย่าให้เป็นคนผู้นั้น ขออย่าให้เป็นคนผู้นั้นเด็ดขาดเชียว…
คงเป็นเพราะเวลาปกติเข้าวัดทำบุญน้อยครั้ง กลัวอะไรจึงเจออย่างนั้น หนีเยว่หรงเบี่ยงตัวเล็กน้อย ยอบกายคารวะแขกที่ไม่ได้รับเชิญ นางลังเลอยู่ชั่วขณะ มองประเมินอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แต่ก็ยังจงใจใช้คำเรียกขานที่ค่อนข้างห่างเหิน “คารวะเฉาเซียนซือ”
เฉินผิงอันหันหน้ามามอง ยกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ในมือขึ้น เอ่ยว่า “ต้องแสดงความยินดีกับหนีเซียนซือก่อนที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน รับหน้าที่เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสำนักเบื้องล่างภูเขาตะวันเที่ยง”
หนีเยว่หรงรีบยอบกายคารวะอย่างสงบสำรวมอีกครั้ง
หากจะคิดกันจริงๆ จังๆ ขึ้นมา การที่นางได้รับเกียรติเลื่อนมาเป็นบุคคลลำดับที่สามของสำนักเบื้องล่างในอนาคต ก็ต้องขอบคุณการมาก่อกวนของเซียนกระบี่จากภูเขาลั่วพั่วท่านนี้จริงๆ
ไม่อย่างนั้นก็จะต้องเป็นหัวไชเท้าหนึ่งหัวกับหลุมหนึ่งหลุม ไม่มีทางวนมาถึงคราวขอบเขตประตูมังกรแห่งยอดเขาชิงอู้ที่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่อย่างนางได้แน่ คิดอยากจะครอบครองตำแหน่งสำคัญของสำนักเบื้องล่าง? ช่างเป็นเรื่องงดงามที่แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้าฝันถึง
นางที่เป็นอดีตเถ้าแก่เนี้ยะของโรงเตี๊ยมกว้ออวิ๋นไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่เฉกเช่นเดียวกับเหวยเยว่ซานผู้เป็นศิษย์พี่ ศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนที่เมื่อก่อนภายนอกดูปรองดองกันดีแต่แท้จริงแล้วกลับห่างเหิน ทุกวันนี้ความสัมพันธ์กลับใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น การร่วมทุกข์ในหายนะที่สำนักเกือบจะล่มสลายทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์ของคนร่วมสำนักอย่างลึกซึ้งแท้จริง ก่อนที่หนีเยว่หรงจะออกไปจากสำนัก ทั้งสองฝ่ายเคยพูดคุยเปิดใจกันเป็นการส่วนตัวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทุกวันนี้นางดูแลเงินที่สำนักเบื้องล่าง ในอนาคตก็จะต้องพยายามดูแลยอดเขาบ้านตนให้มากด้วย
หนีเยว่หรงถามอย่างระมัดระวัง “เรื่องของสำนักเบื้องล่าง ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเจ้าขึ้นชื่อว่ามีสหายอยู่ทั่วใต้หล้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
หนีเยว่หรงไม่ได้มีท่าทีกระอักกระอ่วนสักเท่าใด การที่นางต้องคอยรับรองผู้คน คอยไปมาหาสู่กับผู้อื่นตลอดทุกปี หนังหน้าของนางจึงหนาเท่ากับสมุดบัญชีมานานแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างสงสัย “เหตุใดหนีเซียนซือถึงยังอยู่ที่หอกว้ออวิ๋นแห่งนี้อยู่อีกเล่า?”
ตามหลักแล้วการเตรียมการก่อสร้างสำนักเบื้องล่างมีเรื่องราวมากมายซับซ้อน ในฐานะคนดูแลเงินจัดการกับบัญชี อีกทั้งยังเป็นขุนนางใหม่ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง หนีเยว่หรงก็ไม่น่าจะปลีกตัวออกมาได้มากที่สุดถึงจะถูก
สีหน้าของหนีเยว่หรงเลื่อนลอยไปเล็กน้อย เป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนจริงสักเท่าไร ราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับอีกฝ่ายด้วยความมีมารยาทเกรงใจต่อกัน ทว่าก่อนหน้านี้ก็เป็นที่นี่ที่เฉินผิงอันนัดพบกับเจ้าสำนักจู๋หวง นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ สักครั้ง ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ตรงข้ามกัน เจ้าสำนักสองคนนี้ ไม่ว่าใครนางก็ไม่กล้ามองมากนัก
หนีเยว่หรงได้ยินคำถามนี้ก็รีบเก็บความคิดทั้งหลายกลับมา เลือกหาถ้อยคำมาตอบอย่างระมัดระวัง “ตอบเฉาเซียนซือ ครั้งนี้เยว่หรงมีธุระกะทันหันจึงจำต้องมาเยือนศาลบรรพจารย์ของสำนักเบื้องบนสักครั้ง เกี่ยวกับเรื่องการค้าธูปเมฆาเรือง หวังว่าเจ้าสำนักจู๋จะช่วยตัดสินใจให้ เพราะทางภูเขาเมฆาเรืองได้ให้ราคา…”
“รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเป็นแค่คนนอก อย่าได้ทำผิดกฎ”
เฉินผิงอันโบกมือขัดคำพูดของหนีเยว่หรง แล้วพูดชวนคุยว่า “ดูเหมือนกิจการของโรงเตี๊ยมจะซบเซาอยู่บ้าง”
หนีเยว่หรงเพียงแค่อืมรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่กล้ามีคำนินทาในใจแม้แต่ครึ่งคำด้วยซ้ำ
เหตุใดกิจการถึงไม่เจริญรุ่งเรือง ลูกค้าหร็อมแหร็ม? ต้องโทษใคร? แน่นอนว่าต้องโทษเถ้าแก่อย่างนางที่ไม่เข้าใจหลักของการทำการค้า
ไม่อย่างนั้นยังจะโทษเจ้าขุนเขาเฉินที่เพียบพร้อมไปด้วยมารยาทผู้นี้ได้อีกหรือ จะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
เจ้าสำนักคนแรกของสำนักเบื้องล่างภูเขาตะวันเที่ยงในอนาคต ก็คือหยวนป๋ายผู้ฝึกกระบี่จากราชวงศ์จูอิ๋งเก่า เพราะเคยมีการถามกระบี่กับหวงเหอแห่งสวนลมฟ้ามารอบหนึ่ง หยวนป๋ายจึงได้รับบาดเจ็บไปถึงรากฐานมหามรรคา หากไม่ผิดไปจากที่คาด ผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์หนึ่งในสองหยกงามของจูอิ๋งเก่าในอดีตคนนี้ วิถีกระบี่ในชีวิตนี้คงต้องหยุดแค่ที่ขอบเขตก่อกำเนิดแล้ว
จู๋หวงเองก็เป็นคนที่มีความอดทนอดกลั้นคนหนึ่ง ระหว่างการเข้าร่วมพิธี หยวนป๋ายเคยป่าวประกาศต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายว่าตัวเองได้ถอนตัวออกจากภูเขาตะวันเที่ยงแล้ว วางท่าชัดเจนว่าหากไม่ลบชื่อเขาออกจากทำเนียบศาลบรรพจารย์ยอดเขาอีเซี่ยนของพวกเจ้า หยวนป๋ายก็จะถือเสียว่าได้ลบเลือนมันทิ้งไปกับมือตัวเองแล้ว
แน่นอนว่าสำนักเบื้องล่างในตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนที่หนีเยว่หรงพูด ยังไม่กล้าพูดว่าจะต้องสำเร็จแน่นอน เพราะเมื่อผ่านมรสุมจากการเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนั้น เรื่องไม่คาดฝันก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ในการประชุมศาลบุ๋นของแผ่นดินกลาง ซ่งจ่างจิ้งได้ขอรายชื่อจากสำนักอย่างน้อยสามแห่งมาจากศาลบุ๋น ในบรรดาตัวสำรองของสำนักในแจกันสมบัติทวีป นอกจากภูเขาตะวันเที่ยงแห่งนี้ก็ยังมีภูเขาเมฆาเรืองที่ยังขาดผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนไปคนหนึ่ง วัดโบราณของลัทธิพุทธที่อยู่ใกล้กับสระมังกรน้อยใหญ่ของภูเขาเยี่ยนตั้ง อารามเต๋าในภูเขาลูกหนึ่งของเฉาหรงลูกศิษย์ผู้สืบทอดของลู่เฉินในอดีต รวมไปถึงสำนักเบื้องล่างแห่งหนึ่งที่สำนักโองการเทพหวังว่าจะมี บวกกับตำหนักฉางชุนจวนเซียนในพื้นที่ของต้าหลี สรุปแล้วก็คือแต่ละฝ่ายแต่ละกองกำลัง ทุกวันนี้ต่างก็กำลังช่วงชิงรายชื่อสามชื่อนี้อยู่
เดิมทีภูเขาตะวันเที่ยงมีหวังที่จะได้เพิ่มสำนักเบื้องล่างที่เป็นสำนักอักษรจงแห่งหนึ่งมากที่สุด อย่าเห็นว่าซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองต้าหลีคอยปัดแข้งปัดขา จงใจขัดขวางไม่ให้ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ แล้วยังวางท่าว่าไม่มีพื้นที่ให้ปรึกษากันแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วเขากับฮ่องเต้ต้าหลีคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ คนหนึ่งหน้าแดงคนหนึ่งหน้าขาว ทำให้ผู้ฝึกตนของภูเขาตะวันเที่ยงไม่ถึงขั้นกล้าไม่เห็นหัวใครในสายตามากเกินไป หลีกเลี่ยงไม่ให้ดูแลไม่ทั่วถึง ในอนาคตควบคุมได้ลำบาก ทั้งยังสามารถทำให้ภูเขาตะวันเที่ยงยอมคายรากฐานของสำนักที่เป็นของแท้แน่นอนมาให้กับภายนอกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถขจัดความแค้นเคืองที่จวนเซียนบนภูเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักอักษรจงเก่าแก่ส่วนหนึ่งมีต่อสกุลซ่งต้าหลีที่พยายามประคับประคองภูเขาตะวันเที่ยงอย่างสุดกำลังทิ้งไป
นอกจากยิงธนูดอกเดียวได้นกสามตัวแล้ว ราชสำนักต้าหลียังซ่อนวิธีรับมือภายหลังอีกอย่างหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าราชสำนักต้าหลีจะโปรดปรานภูเขาตะวันเที่ยงสักเท่าไร แต่เป็นเพราะสกุลซ่งต้าหลีกับแจกันสมบัติทวีปจำเป็นต้องรวบรวมโชคชะตาวิธีกระบี่ของหนึ่งทวีปที่เดิมทีกระจัดกระจายไปทั่วมาให้ได้มากกว่าเดิม
ดังนั้นการที่ภูเขาตะวันเที่ยงจะสร้างสำนักเบื้องล่างขึ้นมา แท้จริงแล้วไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นมากนัก
ในสายตาของเฉินผิงอัน ถึงอย่างไรภูเขาเมฆาเรืองที่ชื่อเสียงดีที่สุด อีกทั้งเสียงเรียกร้องก็สูงที่สุดกลับกลายเป็นว่าไม่มีโอกาสเลื่อนเป็นสำนักอย่างเป็นทางการมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะขาดขอบเขตหยกดิบที่จะพิทักษ์ภูเขาไปคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะต้าหลีมีแผนที่ลึกล้ำยาวไกลมากกว่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!