เฉินผิงอันชูชามเหล้าขึ้น โน้มตัวไปด้านหน้า ชนชามกับจอกเหล้าในมือของฉู่เม่า ยิ้มเอ่ยว่า “เดิมทีควรจะแยกแยะบุญคุณกับความแค้นออกจากกัน วันนี้ดื่มเหล้าไปแล้วก็ถือว่าให้แล้วกันไป แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องขอบคุณเจ้า”
พูดถึงเรื่องของการเป็นผ้าห่อบุญ เรื่องของการเก็บเงินก็คือการเปิดประตูรับแต่สิ่งมงคล
เซียนกระบี่หนุ่มไม่ได้พูดว่าเป็นเรื่องอะไร ฉู่เม่าย่อมไม่กล้าถามมาก
สุดท้ายรอกระทั่งเซียนกระบี่หนุ่มจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม ฉู่เม่าก็ยังมีความรู้สึกลวงตาเหมือนอยู่กันคนละโลกอยู่ดี
บนภูเขาห่างไกลแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับศาลเทพภูเขา การมองเห็นเปิดกว้าง เหมาะแก่การชมทัศนียภาพ สตรีสามคนปูพรมของแคว้นไฉ่อีลงบนพื้น บนพรมวางสุราและผลไม้ขนมทานเล่นหลากหลายชนิดไว้จนเต็ม
คำพูดเก่าแก่ในยุทธภพบอกไว้ว่า สาวงามในภูเขา หากไม่ใช่ผีก็ต้องเป็นปีศาจ
แน่นอนว่ายังมีเทพหญิงที่เหล่าบัณฑิตใฝ่หาปรารถนามากที่สุดอีกด้วย
เด็กสาวคนนั้นดีใจจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพรมอย่างเบิกบาน
ฮ่าๆ ทุกเรื่องล้วนยากตอนเริ่มต้นเสมอ แต่พอได้เริ่มแล้วก็ไม่มีอะไรยากจริงๆ
รวยแล้ว รวยแล้ว ในที่สุดก็ร่ำรวยแล้ว ในที่สุดเหล่าเหนียงก็จะได้ใช้เงินอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ในที่สุดก็ไม่ต้องพึ่งพาใต้ชายคาคนอื่นคอยดูสีหน้าของคนอื่นแล้ว
ก็คือเหวยเว่ยเหนียงเนียงเทพภูเขาที่พาสาวใช้สองคนของศาลมาดื่มเหล้าอยู่ที่นี่
ตลอดหลายปีที่นางเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นเหนียงเนียงเทพภูเขานั้น ทรัพย์สินทั้งหมดล้วนใช้ไปกับเรื่องการซ่อมแซมศาล แบบไหนที่ดูแล้วร่ำรวยมีหน้ามีตานางก็ทุ่มเงินทำอย่างนั้น แรกเริ่มไม่มีประสบการณ์ เป็นสี่พิฆาตของแคว้นซูสุ่ยที่ดักปล้นชิงกลางทางมาจนชินแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าควรจะเป็นเหนียงเนียงเทพภูเขาอย่างไร ก็เหมือนกับหญิงสาวงามสะพรั่งคนหนึ่งที่นั่งเกี้ยวเจ้าสาว เป็นเรื่องที่เพิ่งเคยทำครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่คิดจะประหยัดเงินทองแม้แต่น้อย
นั่นคือการที่ต้องก้มหัวยอมให้คนอื่นซึ่งทำให้คนโมโหจนขนลุกชันจริงๆ ได้แต่อาศัยควันธูปของศาลเทพอภิบาลเมืองเพื่อนำมาประคับประคองโชคชะตาขุนเขาสายน้ำชั่วคราว เพราะติดค้างหนี้ควันธูปไว้มากเกินไป เทพอภิบาลเมืองของอำเภอเจอนางก็ต้องเรียกว่ากูไหน่ไน (คำเรียกที่คนในบ้านใช้เรียกหญิงสาวที่ออกเรือนไปแล้ว) สภาพของเขาอนาถยิ่งกว่านางเสียอีก บอกว่าตัวเองใช้ชีวิตที่ต้องรัดเข็มขัดแน่นแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาเสแสร้งแกล้งทำ แต่เป็นเพราะถูกนางทำให้เดือดร้อนจริงๆ ทว่าศาลเทพอภิบาลเมืองของจังหวัดกลับไม่มีคุณธรรมสักเท่าไร นางต้องกินน้ำแกงประตูปิด พอไปถึงที่ตั้งของศาลเทพอภิบาลเมืองผู้ตรวจการที่อยู่ในการปกครองของฝ่ายปรโลกในหนึ่งทวีปก็ยิ่งหนักข้อ เพราะไม่ว่าใครที่ทำงานอยู่ในที่ว่าการแห่งนั้นก็ล้วนชักสีหน้าใส่นางได้
วงการขุนนางขุนเขาสายน้ำช่างอยู่ได้ยากจริงๆ
ตอนที่เหวยเว่ยยังเป็นผีสาวก็เคยรู้สึกไม่พอใจกับวิถีทางโลกใบนี้ เป็นคนยากที่จะมีชีวิตอยู่ เป็นผีก็วางตัวลำบาก
คิดไม่ถึงว่ากว่าจะได้เป็นเหนียงเนียงเทพภูเขาที่ได้เสวยสุขกับควันธูปอย่างไม่ง่าย แล้วยังต้องเจอกับอุปสรรคมากมายหลายด้าน
โอกาสพลิกฟื้นของนางก็คือหลังจากที่เซียนกระบี่ชุดเขียวผู้นั้นมาเยี่ยมเยือน ศาลเทพภูเขาก็เริ่มมีบุญพาวาสนาส่ง
เป็นเหตุให้เหวยเว่ยตั้งใจตั้งชื่อให้กับเส้นทางภูเขาที่อยู่ใกล้กับศาลเป็นการส่วนตัวว่า ‘สันปันน้ำ’
เฉินผิงอันฉวยโอกาสตอนที่เหวยเว่ยไม่อยู่ในศาลเทพภูเขามานั่งอยู่บนก้อนหินสีเขียวเรียวยาวด้านนอกศาล
รับฟังเรื่องราวอันพลิกผันจากการเดินทางไปเยือนเมืองหลวงที่เหนียงเนียงเทพภูเขาเล่าให้สาวใช้สองคนของนางฟัง ถือเสียว่าฟังนักเล่านิทานเล่าเรื่อง
ที่แท้พวกนางสามคนก็ได้ ‘ตั้งใจคัดเลือก’ บัณฑิตที่เดินทางไปสอบในเมืองหลวงมาคนหนึ่ง ช่างซับซ้อนยุ่งยากเต็มไปด้วยปัญหา ทำให้คนต้องรอคอยอยู่เนิ่นนาน หากไม่เป็นเพราะเฉินผิงอันเคยเตือนไว้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาเพียงแค่มัวแต่จับจ้องเมล็ดพันธ์บัณฑิตที่อยู่ในอาณาเขตภูเขาบ้านตนเท่านั้น คาดว่าเวลานั้นศาลเทพภูเขาก็คงอัตคัดขัดสนจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อแล้ว
แรกเริ่มบัณฑิตคนนั้นไม่อยากจะเดินผ่านเส้นทางภูเขาเลยด้วยซ้ำ มีแต่จะอ้อมผ่านศาลเทพภูเขาไป ทีนี้จะทำอย่างไร ก็ทำตามวิธีที่เฉินผิงอันบอกอย่างไรล่ะ ลงจากภูเขาไปเข้าฝัน!
ตามการประมาณการณ์ของเหวยเว่ย ความสามารถในการสอบเคอจวี่ของบัณฑิตผู้นั้นไม่เลว ดูจากโชคชะตาบุ๋นบนร่างของเขาก็น่าจะได้ตำแหน่งถงจิ้นซื่อมาครอง ขอแค่ไม่ทำผิดพลาดในสนามสอบก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว แต่หากคิดจะสอบเป็นจิ้นซื่อระดับสองกลับค่อนข้างลุ้นได้ยากแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย หากบวกกับตะเกียงขุนเขาสายน้ำสีแดงใบใหญ่ที่จุดอยู่ด้านหลังบัณฑิตซึ่งเป็นโชคชะตาบุ๋นที่เหวยเว่ยมอบให้เข้าไปด้วย ก็มีหวังจะเลื่อนเป็นอันดับสองจริงๆ
ก็แค่ว่าหน้าตาของบัณฑิตคนนั้นค่อนข้างอัปลักษณ์ไปสักหน่อย หน้าเหมือนแตงเบี้ยวพุทราแตก
แรกเริ่มสาวใช้ของเหวยเว่ยยังไม่ใคร่จะยินยอม รังเกียจว่าบัณฑิตขี้เหร่เกินไป บอกว่านาง…กินไม่ลงจริงๆ
ทำเอาเหวยเว่ยโมโหจนบิดหูนาง ด่าว่านางโง่เง่า แค่เข้าฝันเท่านั้น ยังจะกินอีก กินอะไรกัน ไม่ใช่ให้เจ้าไปสร้างฝันวสันต์เมฆคล้อยฝนตกกับเขาโดยตรงเสียหน่อย
หลังจากการเข้าฝันอันย่ำแย่ครั้งหนึ่งผ่านไปก็ช่างโชคดีที่บัณฑิตผู้นั้นเพิ่งเคยเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่อย่างนั้นในฝันที่มีข้อพิรุธเต็มไปหมด ขนาดเหวยเว่ยเองก็ยังรู้สึกว่าอนาถจนมิอาจทนมองได้ไหว ภายหลังนางจึงกัดฟัน ขอทำเนียบขุนเขาสายน้ำมาฉบับหนึ่ง เทพภูเขาลงจากภูเขาต้องพยายามอยู่ให้ห่างจากเส้นทางน้ำ เดินทางมาถึงเมืองหลวงอย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันพูดถึง ‘ขุนนางสำคัญบางคนในราชสำนัก’ แต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ทว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ เหวยเว่ยสนิทกับเจ้าคนที่กุมอำนาจอยู่ในราชสำนักผู้นี้มาก เพียงแต่รอกระทั่งเหวยเว่ยได้เป็นเหนียงเนียงเทพภูเขา ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมใจกันขีดเส้นแบ่งขอบเขตระหว่างกันอย่างชัดเจน
ไอ้หมอนั่นไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน ยิ่งไม่เห็นความสัมพันธ์ในวันวาน พูดจาภาษาขุนนางที่วกวนไปมา อะไรที่บอกว่าวิถีแห่งเคอจวี่คือเรื่องใหญ่แห่งแคว้น ไม่เหมาะจะสอดมือเข้าแทรก เป็นการทำลายกฎเกณฑ์
เหวยเว่ยที่เดิมทีไม่อยากจะพูดถึงเฉินผิงอันสักเท่าไรจนปัญญาจริงๆ จึงได้แต่ยกชื่อของเซียนกระบี่ท่านนี้ขึ้นมาอ้าง
ดีนักนะ
เฉินผิงอันสามคำนี้ก็สมกับเป็นโอสถวิเศษที่ดีที่สุดในใต้หล้าจริงๆ
แม้ตอนนั้นเจ้าหมอนั่นจะเอ่ยเพียงประโยคว่า ‘ไม่อาจฝากความหวังไว้ได้มากนัก’ แต่มารยาทการคบค้าสมาคมกับคนบนโลกน้อยนิดแค่นี้ เหวยเว่ยยังพอจะเข้าใจอยู่บ้าง บัณฑิตผู้นั้นมีโอกาสถึงเก้าในสิบส่วนที่จะชิงตำแหน่งจิ้นซื่อมาได้แล้ว ส่วนสามอันดับของขั้นแรก เหวยเว่ยไม่กล้าเพ้อฝันจริงๆ ขอแค่อย่าได้อยู่อันดับล่างสุดในบรรดาจิ้นซื่อก็พอ
ผลคือบัณฑิตคนนั้นได้อันดับที่สองมาครองโดยตรง แน่นอนว่าบัณฑิตต้องรู้สึกราวกับฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่เหวยเว่ยกับสาวใช้สองคนได้ยินข่าวดีใหญ่เทียมฟ้านี้ อันที่จริงก็รู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไร
พอจิ้นซื่อคนล่าสุดของรายชื่อกระดานทองคำมีเวลาว่างก็ไม่มัวชักช้าอืดอาด รีบโบยแส้ควบม้าเร็วตรงดิ่งมาถึงศาลเทพภูเขาโดยตรง พอมาถึงก็จุดธูปโขกหัว น้ำตาร้อนเอ่อคลอในกรอบดวงตา ช่วงเวลาที่เขาแสดงจิตศรัทธาอย่างจริงใจถึงที่สุดนั้นก็ได้เห็นควันธูปบริสุทธิ์ในศาลลอยอวลขึ้นมา พริบตานั้นจิตของเหวยเว่ยก็บรรลุธรรมกระจ่างแจ้ง
นางเหมือนเข้าใจหลักการเหตุผลยาวเป็นพรวนทั้งหมดในรวดเดียว เข้าใจอย่างแท้จริงว่าควรจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำในสถานที่แห่งหนึ่งอย่างไร
เฉินผิงอันที่นั่งอยู่บนม้านั่งหินยาวข้างต้นสนโบราณหยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่มาดื่มเหล้าช้าๆ
ทางฝั่งของเหวยเว่ยก็พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง บอกว่าคุณชายเฉินที่รักหยกถนอมบุปผาของเราท่านนี้ พูดจาชั่วร้ายได้คล่องปากกว่าพวกเราเสียอีก คนเราจะดูกันแต่หน้าตาภายนอกไม่ได้จริงๆ
แล้วก็เล่าเรื่องในบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นขึ้นมาอีก เหวยเว่ยถึงกับกุมท้องหัวเราะก๊าก
เฉินผิงอันเหลือกตามองบน
ไม่อยากจะถือสานาง
ในอาณาเขตขุนเขาสายน้ำโดยรอบศาลมีโคมไฟสีแดงขนาดเท่ากำปั้นแขวนไว้มากมายจริงๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์ถึงการปกป้องคุ้มครองจากเทพภูเขา มองแล้วน่ารักเพลินตา
มีทั้งของตระกูลใหญ่ แล้วก็มีของตรอกเก่าโทรมในหมู่ชาวบ้าน
เมล็ดพันธ์กรรมดีหนึ่งเมล็ด ขอแค่สามารถผลิดอกออกผลได้อย่างแท้จริงก็มีโอกาสที่บุปผาจะบานสะพรั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!