เป็นเหตุให้จนถึงทุกวันนี้เฉินเหวินเชี่ยนยังเป็นแค่พ่อปู่ลำคลอง ไม่อย่างนั้นด้วยชื่อเสียงและระดับความเข้มข้นของโชคชะตาน้ำของลำคลองเที่ยวโป ไม่ว่าอย่างไรก็ควรต้องได้รับแต่งตั้งเป็นนายท่านเทพวารีอย่างชอบธรรมจากทางราชสำนักแล้ว ถึงขั้นที่ว่าบนทำเนียบหยกทองของผู้ถวายงานกรมพิธีการในหนึ่งแคว้น คิดจะยกระดับลำคลองเป็นแม่น้ำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
โต้วแยนกลั้นยิ้ม กลั้นจนรู้สึกอึดอัด ดีๆๆ สะใจๆ เจ้าเด็กนี่ด่าคนอ้อมๆ ได้ดียิ่งนัก เดิมทีเฉินเหวินเชี่ยนก็สมควรโดนด่าอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตอนมีชีวิตอยู่ในวงการขุนนาง หรือเป็นในวงการขุนนางขุนเขาสายน้ำทุกวันนี้ เขาก็วางตัวห่างเหินเฉยชา เพียงแค่ประพฤติตนในทางดี ไม่ร่วมทำเรื่องสกปรกกับผู้อื่น ไม่เข้าพวกกับใคร จะถือว่าเป็นเรื่องดีได้อย่างไร?
เพียงแต่ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ พอคิดถึงสภาพการณ์ของสหายรักเฉินเหวินเชี่ยน โต้วแยนก็ให้เวทนายิ่งนัก
แต่พอฟังคำหยอกล้อที่บอกว่า ‘เหมือนฮูหยิน’ โต้วแยนก็อยากขำแต่ขำไม่ออก คำกล่าวนี้ในวงการขุนนาง ค่อนข้างจะเจ็บแสบอยู่บ้าง
มีชาติกำเนิดเป็นถงจิ้นซื่อ เมื่อเทียบกับสามอันดับในขั้นแรกและจิ้นซื่อในอันดับที่สองแล้ว ก็คล้ายคลึงกับ ‘อนุภรรยา’ นั่นเอง เหมือนสตรีที่ไม่ได้แต่งมาเป็นภรรยาเอก แน่นอนว่าต้อง ‘เหมือนฮูหยินแต่ไม่ใช่ฮูหยิน’
ฟังคำค่อนแคะแฝงความนัยจากคนแปลกหน้า เฉินเหวินเชี่ยนกลับไม่ถือสา เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่พวกที่มายืนด่าถึงหน้าบ้าน ด่ากันซึ่งๆ หน้า จึงทำเป็นว่าฟังไม่เข้าใจ
เห็นว่าคนต่างถิ่นเลือกจุดตกปลาได้จุดหนึ่ง แล้วถึงกับหยิบเอากากข้าวโพดหมักเหล้ากระปุกหนึ่งที่เตรียมมาไว้นานแล้วออกมา สาดออกไปเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นหยิบไผ่เขียวที่เป็นคันเบ็ดตกปลาออกมา คลำหาหอยทากจากริมลำคลอง ห้อยติดตะขอแล้วก็เริ่มขว้างเบ็ดตกปลาเสียอย่างนั้น
เทพภูเขาโต้วเป็นคนกระตือรือร้นมีน้ำใจ แล้วก็เป็นคนพูดเก่ง ไม่ว่ากับใครก็คุยด้วยได้
“เฉาเซียนซือเป็นคนที่ไหนหรือ?”
“เป็นคนในพื้นที่ของต้าหลี ออกจากบ้านเดินทางลงใต้ครั้งนี้ถือโอกาสเที่ยวเล่นไปเรื่อยๆ เหยียบเปลือกแตงโมลื่นไปถึงตรงไหนก็ถึงตรงนั้น”
“เยี่ยมไปเลย หากมาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวัน ไม่แน่ว่าอาจต้องพลาดปลาซิ่งฮวาหลูและปลาต้าชิงไปแล้ว”
“เทพภูเขาโต้วหมายความว่าอย่างไร?”
เฉินเหวินเชี่ยนกระแอมเบาๆ หนึ่งที
โต้วแยนกลับคร้านจะสนใจคำเตือนของพ่อปู่ลำคลองเฉิน กลับกันยังลุกขึ้นเดินไปนั่งยองอยู่ข้างกายเฉาเซียนซือ แล้วพูดร่ายให้ฟังว่า “เฉาเซียนซือไม่รู้อะไร ทุกวันนี้ต้าหลีมีการเปลี่ยนช่องทางลำน้ำใหญ่ ไม่แน่ว่าลำคลองเที่ยวโปอาจกลายเป็นเรื่องในอดีตก็ได้ เผ่าน้ำจำนวนไม่น้อยต่างก็เริ่มย้ายถิ่นฐานกันแล้ว ถึงเวลานั้นท้องน้ำเปิดเปลือย ดอกซิ่งฮวาที่อยู่บนชายฝั่งสองข้างแห้งเหี่ยวตาย แล้วยังจะมีปลาหลูซิ่งฮวาให้พูดถึงอีกได้อย่างไร”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “หากเป็นเช่นนี้ ลำคลองเที่ยวโปก็ต้องเจอกับหายนะใหญ่แล้วจริงๆ โชคดีที่ข้ามาได้ถูกจังหวะพอดี”
ประโยคหลังนั้นทำเอาโต้วแยนที่ได้ยินใจหายไปครึ่งหนึ่ง
“น้องเฉา ข้าเห็นว่าเจ้าดูเป็นมิตร จึงไม่คิดจะพูดจาอ้อมค้อมกับเจ้าแล้ว ไม่สู้เจ้าบอกพี่โต้วอย่างตรงไปตรงมาสักประโยค เจ้าคงไม่ใช่ขุนนางกรมโยธาของเมืองหลวงต้าหลีหรอกกระมัง? ภายนอกทำเป็นว่ามาตกปลาหาเรื่องบันเทิง แต่แท้จริงแล้วมาตรวจสอบกระแสน้ำไหลและเทือกเขาแถบนี้? ตำแหน่งขุนนางใหญ่หรือไม่ สายตาที่พี่ใหญ่มองคน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เลวมาโดยตลอด เห็นกลิ่นอายขุนนางบนร่างของน้องชายแล้ว จุ๊ๆ ไม่น้อยเลย ไม่น้อยเลยจริงๆ อย่างน้อยคงต้องเป็นผู้ดูแลหลักของหนึ่งกองกระมัง? วันหน้าคิดจะดูแลทั่วทั้งกอง ข้าว่าก็ไม่เป็นปัญหามากนัก”
“หากข้าเดาไม่ผิด น้องเฉาน่าจะมาจากตรอกฉือเอ๋อร์ของเมืองหลวง คือคนหนุ่มมากความสามารถจากตระกูลเมล็ดพันธ์แม่ทัพต้าหลี ดังนั้นจึงรับหน้าที่เป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของกองทัพชายแดนต้าหลี รอให้สงครามสิ้นสุดลงก็ได้ถือโอกาสเลื่อนขั้นจากกองทัพม้าเหล็กต้าหลีมารับหน้าที่ในกรมโยธา? ใช่หรือไม่?!”
“อีกอย่างดูจากรูปโฉมของน้องเฉาแล้วต้องไม่ผิด ไม่มีทางผิดได้แน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ได้รับตำแหน่งสูงเป็นอวี๋ปู้ หรือสุ่ยปู้ในที่ว่าการกรมโยธากันแน่?”
ขุนนางสองตำแหน่งนี้ในกรมโยธามีหน้าที่ดูแลกิจธุระทุกอย่างเกี่ยวกับภูเขาลำนำไพร ที่พักม้าสะพานทางการ การสร้างเขื่อนการสร้างคูคลอง เรียกได้ว่าตำแหน่งสูงมากอำนาจอย่างแท้จริง
เฉินผิงอันไม่ได้ตอบโต้อะไรสักคำ
หากเทพภูเขาโต้วท่านนี้ไปตั้งแผงดูดวงต้องอดตายแน่นอน
โต้วแยนยังคงไม่ถอดใจ “น้องเฉา หากว่าสามารถช่วยนำความไปบอกกับขุนนางของกรมโยธา แน่นอนว่าถ้าเป็นนายท่านรองเจ้ากรมย่อมดียิ่งกว่า ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ วันหน้าเมื่อเจ้ามาเยือนสันเขาเตี๋ยอวิ๋นอีกครั้งก็จะได้เป็นแขกผู้มีเกียรติของข้าโต้วแยนแล้ว”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “เทพภูเขาโต้วคิดไปไกลแล้ว ข้าไม่ใช่ขุนนางของต้าหลีอะไรทั้งนั้น”
โต้วแยนถามเสียงเบา “หรือว่าน้องเฉาคืออาจารย์ชิงอูของกองโหราศาสตร์ต้าหลี?”
เฉินผิงอันยังคงส่ายหน้า ไม่นานเขาก็ตกได้ปลาหลูหนึ่งตัว เขายื่นมือไปกำไว้แน่น แล้วโยนใส่ข้องจับปลาเบาๆ
โต้วแยนปรบมือร้องชอบใจ “น้องเฉามือขึ้นยิ่งนัก ดูท่าน่าจะมีวาสนากับลำคลองเที่ยวโปจริงๆ แล้ว”
เพื่อสหายแล้ว เทพภูเขาโต้วท่านนี้ก็ไม่ต้องการหนังหน้าแก่ๆ แล้วจริงๆ
อันที่จริงในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานในวงการขุนเขาสายน้ำ หรือแม้กระทั่งเจ้านายที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปซึ่งดูแลขุนเขาสายน้ำในอำเภอและจังหวัดหลายสิบแห่งอย่างท่านเทพอภิบาลเมืองผู้ตรวจการ โต้วแยนก็ยังไม่เคยก้มหัวยิ้มประจบเช่นนี้
แต่เพราะเขามั่นใจว่าเฉาเซียนซือที่มีบุคลิกไม่ธรรมดาคือขุนนางกรมโยธาที่มาจากถนนฉือเอ๋อร์หรือไม่ก็ตรอกอี้ฉือของเมืองหลวงต้าหลี
ขุนนางต้าหลี ไม่ว่าตำแหน่งขุนนางจะใหญ่หรือเล็ก แม้ว่ายากจะคบค้าสมาคมด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงเส้นทางแม่น้ำลำคลองครั้งนี้ ศาลเทพภูเขา จวนน้ำหลายแห่งที่รวมถึงสันเขาเตี๋ยอวิ๋นเป็นหนึ่งในนั้น พวกเหล้าหมักรสเลิศ สาวงามที่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วล้วนไม่ได้เอาออกมาใช้ ขุนนางต้าหลีพวกนั้นไม่คิดจะไปเป็นแขกที่จวนเลย แต่หากเป็นเรื่องงานส่วนรวมที่ต้องทำให้สำเร็จ พวกเขากลับใส่ใจอย่างมาก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เป็นระเบียบไม่ยุ่งเหยิง ลงมือทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
คนแบบไหนก็คบหาสหายแบบนั้น
เฉินผิงอันพอจะแน่ใจได้คร่าวๆ แล้วจึงใช้เสียงในใจถามว่า “ได้ยินมาว่าสหายของพ่อปู่เฉินมีไม่มาก นอกจากเทพภูเขาโต้วแล้วก็มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่รู้ว่าในบรรดาสหายของท่าน มีผู้เฒ่าแซ่ชุยอยู่หรือไม่?”
“ไม่มี”
“ผู้เฒ่าแซ่ชุย เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว”
“ไม่รู้จัก ไม่เคยไปมาหาสู่กับคนในยุทธภพ”
เฉินผิงอันเอ่ยต่อว่า “ท่านผู้เฒ่าชุยคนนั้นเคยตั้งใจสอนวิชาหมัดให้ข้ามาก่อน แต่เพราะรู้สึกว่าคุณสมบัติของข้าไม่ได้เรื่องจึงไม่ได้รับเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ ดังนั้นข้าจึงได้แค่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อด้านวิชาหมัดของผู้อาวุโสชุยเท่านั้น”
ตอนอยู่ที่บนเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว ผู้เฒ่าไม่เคยพูดคุยถึงเรื่องในอดีตกับเฉินผิงอัน อย่างเรื่องที่ว่าชุยเฉิงเป็นสหายรักกับเฉินเหวินเชี่ยนแห่งลำคลองเที่ยวโปก็เป็นผู้เฒ่าที่คุยเล่นกับพวกหน่วนซู่ เฉินผิงอันจึงอาศัยการรายงานข่าวจากเทพคาบข่าวอย่างผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาแห่งภูเขาลั่วพั่ว ถึงได้รู้เรื่องนี้
จะว่าไปแล้วก็แปลก ชุยเฉิงที่อยู่กับเฉินผิงอันไม่เคยมีสีหน้าดีๆ อะไรให้เห็น แต่พออยู่กับหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยกลับอารีมีเมตตาอย่างน่าเหลือเชื่อ
เฉินเหวินเชี่ยนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “เฉาเซียนซือเข้าใจพูดเรื่องตลกจริงๆ เป็นเทพเซียนบนภูเขาที่ฝึกตนประสบความสำเร็จ กลับวิ่งไปฝึกวิชาหมัด เรียนวิชาการต่อสู้ จะไม่สิ้นเปลืองเวลา สิ้นเปลืองวัตถุดิบเซียนไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ? เฉาเซียนซือไม่กลัวหรือว่าทางตระกูลและผู้อาวุโสบนภูเขาจะตำหนิว่าไม่ทำอะไรเป็นการเป็นงาน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!