อันที่จริงทุกวันนี้เรื่องที่ภูเขาเมฆาเรืองสนใจมากที่สุดมีแค่เรื่องใหญ่อันดับหนึ่งสองเรื่องเท่านั้น เรื่องแรก แน่นอนว่าเป็นการตัดสองคำหน้าของคำว่าตัวสำรองสำนักอักษรจงทิ้งไป สานสัมพันธ์กับเมืองหลวงต้าหลีและเมืองหลวงสำรองให้มากๆ อ๋องเจ้าเมืองซ่งมู่เป็นคนที่พูดคุยด้วยได้ง่ายมาก แม้จะมีงานยุ่งแต่ทุกครั้งก็ยังปลีกตัวมาพบ เรียกได้ว่าให้ความสนิทสนมกับภูเขาเมฆาเรืองอย่างมาก
เรื่องที่สองก็คือเรื่องคู่บำเพ็ญเพียรของไช่จินเจี่ยน
ไม่เพียงแต่อาจารย์ของไช่จินเจี่ยนเท่านั้น แม้แต่เจ้าขุนเขาก็ยังออกหน้าพูดเป็นนัยๆ กับไช่จินเจี่ยนหลายครั้ง ไม่สะดวกที่จะถามตรงๆ ว่านางมีใครในใจแล้วหรือยัง จึงพูดจาอ้อมค้อม คุยถึงคนหนุ่มรูปงามมากความสามารถของแจกันสมบัติทวีปบางคนที่อายุใกล้เคียงกัน คุณสมบัติไม่ธรรมดา น่าเสียดายที่ทุกครั้งไช่จินเจี่ยนจะต้องหลบเลี่ยงหัวข้อพูดคุยนี้ หรือไม่ก็พูดออกมาตรงๆ ว่าเรื่องของการแต่งงานต้องแล้วแต่บุพเพวาสนา มิอาจบังคับกันได้
เฉินผิงอันเก็บเหล้ากาใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ หลุดหัวเราะพรืด โบกมือเอ่ย “พี่หวงคิดมากเกินไปแล้ว”
ดื่มเหล้าชุนคุ่นที่ภูเขาเมฆาเรืองหมักด้วยกรรมวิธีลับกาหนึ่งหมด เฉินผิงอันก็กล่าวว่า “ในเมื่อกล้าชอบ แล้วเหตุใดถึงไม่กล้าพูด ด้วยคุณสมบัติการฝึกตนของพี่หวง ด่านทางใจก็คือด่านความรัก ขอแค่ข้ามผ่านด่านนี้ไปได้ เลื่อนเป็นก่อกำเนิดก็ไม่ยากแล้ว ด่านความรักก็แค่ต้อง ‘พูดออกมาตรงๆ’ เท่านั้น”
หวงจงโหวเอ่ยอย่างขันๆ ปนฉุน “เจ้าจะไปรู้กะผายลมอะไร สหายคิดว่าตัวเองคือเทพเซียนผู้เฒ่าห้าขอบเขตบนจริงๆ งั้นหรือ?”
เห็นว่าคนชุดเขียวลุกขึ้นเตรียมจะจากไป หวงจงโหวก็เอ่ยว่า “จะไปไหน? ขอเตือนเจ้าสักคำ ภูเขาลูกอื่นของภูเขาเมฆาเรืองไม่ได้ไร้กฎเกณฑ์ ไม่สนใจเรื่องตราผนึกของสำนักเหมือนยอดเขาเกิงอวิ๋นของพวกเรา หากสหายบุกไปที่อื่นส่งเดช ก็ง่ายที่จะโดนจัดการ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าต้องไปยอดเขาลวี่กุ้ย ไปคุยธุระกับเทพธิดาไช่สักเล็กน้อย”
หวงจงโหวหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่ไม่กล้าพูดแต่ดันกล้าทำ เขาจึงโบกมือ “ไปที่ยอดเขาลวี่กุ้ยกลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก ครานั้นที่ไช่จินเจี่ยนลงจากภูเขาไป พอกลับมาก็เปลี่ยนไปมาก ทำให้คนจำต้องมองนางเสียใหม่ วันหน้าคิดจะเป็นเจ้าขุนเขาก็คงไม่ใช่ปัญหาแล้ว ใช่หรือไม่ เจ้าขุนเขาเฉินแห่งภูเขาลั่วพั่ว?”
เฉินผิงอันยืนอยู่บนราวรั้ว ดีดปลายเท้าหนึ่งที เรือนกายพุ่งโฉบไปเบื้องหน้า เขาหันหน้ามายิ้มเอ่ย “ข้ากลับรู้สึกว่าให้พี่หวงที่ต้องข้ามผ่านด่านความรักเป็นเจ้าขุนเขา บางทีอาจเหมาะสมยิ่งกว่า”
หวงจงโหวเพียงแค่ยิ้มรับ
สหายที่หนังหน้าไม่บางผู้นี้ เป็นสหายดื่มสุราคล้ายจะไม่เลว หากบนโต๊ะไม่มีคำพูดเหลวไหลเสียบ้าง ต่อให้สุราจะดีแค่ไหนก็ไม่มีรสชาติอะไร
หากดื่มจนเมามายจริงๆ ไม่แน่ว่าหวงจงโหวอาจจะแย่งเป็นเจ้าขุนเขาเฉินกับสหายผู้นี้ก็เป็นได้
เพราะถึงอย่างไรหวงจงโหวก็เลื่อมใสเซียนกระบี่หนุ่มของภูเขาลั่วพั่วที่มีชาติกำเนิดยากจนผู้นั้นมานานมากแล้ว เจ็บใจก็แต่ไม่มีโอกาสได้ดื่มเหล้าด้วยกันก็เท่านั้น
ไม่เหมือนกับไช่จินเจี่ยน หวงจงโหวเองก็มีชาติกำเนิดจากหมู่ชาวบ้านร้านตลาดเช่นเดียวกับเจ้าขุนเขาเฉิน เพิ่งจะขึ้นเขาฝึกตนตอนที่เป็นเด็กหนุ่มแล้วเช่นกัน สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คงจะเป็นฝ่ายหลังเจ้าชู้เสเพล แต่ตนลุ่มหลงในรักก็เท่านั้น
ดังนั้นหวงจงโหวจึงเปิดเหล้าชุนคุ่นอีกหนึ่งกา จากนั้นหยิบบันทึกขุนเขาสายน้ำที่คนในตำราได้เจอกับสาวงามอยู่เป็นเนืองนิตย์ออกมาอ่านต่างกับแกล้ม รสชาติดีเยี่ยมยิ่งนัก
วันหน้าหากโชคดีได้พบกับเฉินผิงอัน จะต้องขอความรู้จากเขาอย่างนอบน้อมสักหน่อยว่า สรุปแล้วควรจะอยู่ร่วมกับสตรีอย่างไรถึงจะถูกต้องเหมาะสม ถึงจะพรรณนาทุกความรู้สึกได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูด
ทางฝั่งของยอดเขาลวี่กุ้ย ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ของภูเขาเมฆาเรืองต่างก็แยกย้ายกันไปแล้ว เหลือแค่ลูกศิษย์ของยอดเขาอื่นอีกไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขามีข้อสงสัยที่อยากจะถามบรรพจารย์ไช่ต่อหน้า
รอกระทั่งลูกศิษย์ฝ่ายนอกคนสุดท้ายจากไปอย่างนอบน้อม ไช่จินเจี่ยนเงยหน้าขึ้นมาถึงได้สังเกตเห็นว่ายังมีคนเหลืออีกคนหนึ่ง จึงยิ้มถามว่า “มีข้อสงสัยอะไรอยากจะถามหรือ?”
พอจะมีความทรงจำอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมาฟังบรรยายที่นี่ช่วงกลางๆ แล้ว ไม่มีที่นั่ง จึงต้องนั่งอยู่ตรงระเบียงแทน
แต่มองดูแล้วไม่คุ้นหน้า เมื่อก่อนไม่เคยพบเจอมาก่อน เกินครึ่งน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่เพิ่งรับมาใหม่ของยอดเขาอื่นในภูเขาเมฆาเรือง
ในฐานะตัวสำรองสำนักอักษรจงที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในหนึ่งทวีป บวกกับที่ภูเขาเมฆาเรืองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ต้าหลี คนที่ขึ้นเขามาเยี่ยมเยือนเซียน มากราบไหว้อาจารย์ขอเรียนวิชาความรู้จึงมีมากมายดุจปลาตะเพียนข้ามแม่น้ำ เป็นเหตุให้คนในศาลบรรพจารย์ร้องโอดครวญกันไม่หยุด รำคาญใจอย่างถึงที่สุด กลัวยิ่งนักว่าพวกเซียนซือผู้เฒ่าที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง ทว่าความสัมพันธ์กลับธรรมดาสามัญจะยัดเด็กบางคนมาให้กับภูเขาเมฆาเรือง จะปฏิเสธไม่รับไว้ก็เป็นการทำร้ายความรู้สึกกัน แต่หากรับไว้จริงๆ ภูเขาเมฆาเรืองจะทำอย่างขอไปทีก็มิได้
ถึงท้ายที่สุดยังคงเป็นไช่จินเจี่ยนที่เอ่ยข้อเสนออย่างหนึ่ง ถึงสามารถแก้ไขปัญหายากที่จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็กนี้ไปได้
ให้ตาเฒ่าคร่ำครึที่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตประมังกรคนหนึ่งของยอดเขาเตี๋ยพู่ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาฝึกตน ไม่รู้จักวางตัวเข้าร่วมกับสังคมรับผิดชอบออกหน้ามาต้อนรับแขก ขณะเดียวกันก็ให้เขาดูแลเรื่องการคัดเลือกและรับตัวลูกศิษย์ฝ่ายนอกไปพร้อมกันด้วย
คนผู้นั้นยิ้มเอ่ย “เทพธิดาไช่ จากลากันที่ตรอกเล็ก ไม่ได้เจอกันนานหลายปีเลยนะ”
มือข้างหนึ่งของไช่จินเจี่ยนกำหลิงจือไม้ไว้แน่น หัวใจบีบรัดตัว หรี่ตาเอ่ย “ใคร?!”
รอกระทั่งนางได้เห็นเงาร่างที่คล้ายเมฆหมอกสลายหายไปจึงเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของคนผู้นั้นแล้ว ไช่จินเจี่ยนก็มีสีหน้าซับซ้อน ถอนหายใจเบาๆ ในใจ กอดหลิงจือไม้ไว้ในอ้อมอก โค้งกายคำนับ “ไช่จินเจี่ยนแห่งยอดเขาลวี่กุ้ยคารวะเจ้าขุนเขาเฉิน”
เฉินผิงอันยิ้มกุมหมัดคารวะกลับคืน “คารวะเจ้ายอดเขาไช่”
เฉินผิงอันพูดเข้าประเด็นโดยตรง “ช่วงนี้หากภูเขาเมฆาเรืองคิดจะตัดคำว่าตัวสำรองออกไป เป็นเรื่องที่ยากมาก”
ราชสำนักต้าหลีเน้นในเรื่องการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง
ไช่จินเจี่ยนพยักหน้ารับ “ข้าเคยพูดคุยกับพวกบรรพจารย์ทั้งหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่างก็รู้สึกว่าไม่อาจมองโลกในแง่ดีเกินไปนัก เว้นเสียจากว่า…”
นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “เว้นเสียจากว่าก่อนที่สถานการณ์ใหญ่จะมั่นคงดี ภูเขาเมฆาเรืองมีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนหนึ่งโผล่มากะทันหัน”
ไม่อย่างนั้นศาลบุ๋นแผ่นดินกลางก็ไม่มีทางยอมแหกกฎเพื่อภูเขาเมฆาเรืองของแจกันสมบัติทวีปเพียงแห่งเดียวแน่ แม้ใช่ว่าจะไม่เคยมีการละให้เป็นข้อยกเว้นเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากการประชุมที่ศาลบุ๋นผ่านไป รายงานขุนเขาสายน้ำถูกยกเลิกคำสั่งห้าม ก็มีสำนักที่ทยอยได้เลื่อนขั้นใหม่สิบหกแห่ง แน่นอนว่ามีภูเขาลั่วพั่วของเจ้าขุนเขาเฉินที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ด้วย นอกจากนั้นเจ็ดแห่งต่างก็เป็นสำนักที่ไม่มีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนนั่งพิทักษ์ มองดูเหมือนจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อเอามาวางไว้ในเก้าทวีปของไพศาล ยังมีได้ไม่ครบทุกทวีปเลยด้วยซ้ำ ภูเขาเมฆาเรืองไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญมาจากไหนถึงคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นได้? ก่อนหน้านี้ศึกที่แจกันสมบัติทวีป แม้จะบอกว่าคุณความชอบของภูเขาเมฆาเรืองมีค่อนข้างมาก แต่เมื่อเทียบกับภูเขาของทวีปอื่นที่ได้แหกกฎเลื่อนเป็นสำนักอักษรจงแล้วก็ยังแตกต่างราวฟ้ากับเหวอยู่ดี
สำนักอักษรจงที่ตอนนี้ยังไม่มีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนชั่วคราว ไม่ใช่บุคคลที่ถูกวงการขุนนางล่างภูเขาหัวเราะเยาะว่าได้รับตำแหน่งขุนนางโดยคำสั่งหมึกดำแต่งตั้งตำแหน่งเอียง (ในยุคราชวงศ์ถังหมายถึงการได้รับแต่งตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ผ่านการเห็นชอบจากราชสำนัก ส่วนใหญ่จะเป็นฮ่องเต้ที่แต่งตั้งให้โดยตรงโดยใช้อำนาจและความโปรดปรานของตัวเอง) ย่อมไม่มีทางถูกคนดูแคลนเพียงแค่เพราะขาดขอบเขตหยกดิบไปแน่นอน แต่ละแห่งล้วนมีเจ้าสำนักอายุน้อยที่เป็นขอบเขตก่อกำเนิดชั่วคราว ต่างก็เป็นบุคคลที่สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงไว้บนสนามรบเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่หากจะบอกว่า ‘ทางสายตรง’ ที่ภูเขาเมฆาเรืองเดิน ทำให้ได้รับคำแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่ใช้หมึกแดงเขียนบนกระดาษเหลืองจากทางศาลบุ๋น นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ไช่จินเจี่ยนรู้ตัวเองดี อย่างน้อยที่สุดนางก็ต้องใช้เวลาอีกร้อยกว่าปีถึงจะพอมีความหวังที่จะได้เห็นคอขวดขอบเขตก่อกำเนิดนั้น ไช่จินเจี่ยนในทุกวันนี้โลกทัศน์เปิดกว้างขึ้นแล้ว จึงไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนอะไรอีกแล้วจริงๆ
“ข้าขึ้นเขามาครั้งนี้ก็มาเพื่อพูดคุยเรื่องการค้านี้ อยากจะขอซื้อหินรากเมฆและธูปเมฆาเรืองบางส่วนจากภูเขาเมฆาเรืองสักหน่อย ยิ่งมากก็ยิ่งมีประโยชน์”
เฉินผิงอันกล่าว “ข้ารู้ว่าผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะแทบจะถูกต้าหลีผูกขาดไปแล้ว ดังนั้นบางทีเทพธิดาไช่อาจต้องใช้มิตรภาพส่วนตัวในสำนักสักหน่อย ราคาคุยกันได้ หินรากเมฆและธูปเมฆาเรือง ของสองอย่างนี้มีเท่าไร ข้าก็ต้องการเท่านั้น ภูเขาเมฆาเรืองของพวกเจ้าเชิญเปิดราคามาได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!