งานเลี้ยงสุราส่วนตัวที่ถูกเรียกขานอย่างไพเราะว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับจัดขึ้นในสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง กลุ่มบุปผานานาพรรณรวมกลุ่มชูช่ออยู่บริเวณโดยรอบ กลิ่นหอมโชยมาปะทะจมูกทำให้คนอารมณ์ผ่อนคลาย
โต๊ะกลมขนาดเล็กที่ทำจากหยกขาวตัวหนึ่งถูกยกออกมาตั้งไว้นานแล้ว เฉินผิงอันกับไทเฮาต้าหลีนั่งลงตรงข้ามกัน
บนโต๊ะยังวางกล่องไม้ที่สะดุดตาใบหนึ่งไว้ด้วย หนันจานถือกำเนิดที่เขตอวี้จาง แค่มองก็รู้ว่ากล่องอาหารใบนี้ทำมาจากไม้ของบ้านเกิดตัวเอง
เหล้าหนึ่งกา ตะเกียบไม้ไผ่เขียวสองคู่ ขนมราคาย่อมเยาประดับเสริมอีกเล็กน้อย เอามาทำเป็นกับแกล้ม
ทำเอาหนันจานที่ได้เห็นขมวดคิ้วมุ่น ทำไม เด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลนจากตรอกเก่าโทรมของเมืองเล็กคนหนึ่ง พอได้เป็นคนบนภูเขาก็ชอบโอ้อวดตนเช่นนี้หรือ?
ผู้ฝึกตนหนุ่มที่สถานะยังคงเป็นดั่งเงาจันทร์ในม่านเมฆนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
นี่คล้ายการทะเลาะเบาะแว้งในยุทธภพที่สะสมความแค้นมาเนิ่นนาน พอลมและน้ำหมุนเปลี่ยนฝั่ง ฝ่ายที่ต้องยอมอ่อนข้อเนื่องจากตกเป็นรอง ทั้งไม่กล้าฉีกหน้าแตกหักไม่ตายไม่ยอมเลิกรากับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ทั้งไม่ยินดีจะเสียศักดิ์ศรีมากเกินไป จำเป็นต้องหาบันไดลงให้กับตัวเอง จึงได้แต่เชิญคนมีชื่อเสียงในยุทธภพคนหนึ่งมาให้การช่วยเหลือ ช่วยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้
ส่วนเด็กหนุ่มที่สวมหมวกเหลืองรองเท้าเขียว ต่อให้ยังมีที่ว่าง ทว่ากลับไม่ได้นั่งลง เลือกจะยืนอยู่ด้านหลังเฉินผิงอัน สองมือวางทับซ้อนกันไว้ที่หน้าท้อง ใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ
เฉินผิงอันหยิบยันต์ส่องไฟแผ่นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ วัสดุธรรมดา สองนิ้วขยับกระดาษยันต์ประทับตราสีเหลือง จากนั้นวางมันลงบนกล่องอาหาร ยันต์ส่องไฟค่อยๆ ลุกไหม้ช้าๆ เป็นการเตือนไทเฮาต้าหลีที่แสร้งทำตัวเป็นคนใบ้ว่าเวลามีจำกัด
หนันจานเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น หรี่ดวงตาดอกท้อคู่นั้นลง
อยู่ดีๆ ก็ร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐี จึงลืมกำพืดของตัวเอง โอ้อวดบารมีอยู่ที่หอเหรินอวิ๋นอี้อวิ๋นก็แล้วไปเถิด เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสถานที่ที่ราชครูชุยใช้ศึกษาวิชาหาความรู้ ทว่าทั้งๆ ที่เป็นผู้ฝึกตนในท้องถิ่นของต้าหลีคนหนึ่ง ผู้ฝึกตนและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่เหลือทั้งภูเขาต่างก็ต้องถูกบันทึกลงเอกสารของราชสำนักสกุลซ่ง แต่กลับยังกล้าบีบคั้นคนอื่นอยู่ในวังหลวงต้าหลีเช่นนี้?
นางกำลังจะใช้เสียงในใจพูดคุยกับบรรพจารย์สกุลลู่สองสามประโยค
คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงเจตนาของหนันจาน ส่ายหน้าทันที ใช้สายตาบอกเป็นนัยแก่นางว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม
หากอีกฝ่ายคิดว่าเจ้าหนันจานให้คำตอบแน่ชัดแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังจะต้องคุยอะไรกันอีก
คนหนุ่มอย่างเฉินผิงอันผู้นี้เชี่ยวชาญการแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นจริงๆ ก็เหมือนอย่างตอนนี้ มองดูคล้ายเป็นแค่ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทอง? ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกล? หลอกผีหรือไร
อีกทั้งภาพบรรยากาศขอบเขตสิบสี่ของก่อนหน้านี้ก็ชั่วร้ายเกินไป ความเป็นมาไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นหากหนันจานใช้เสียงในใจพูดคุยกับตนจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกอีกฝ่ายแอบฟังเข้าหู
วันนี้เฉินผิงอันมาเยือนวังหลวงของต้าหลี บอกชัดว่าต้องการพบไทเฮาหนันจาน แสดงออกชัดเจนว่าความอดทนของเขาได้หมดสิ้นไปแล้ว
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เริ่มหลับตาทำสมาธิ
ผู้ฝึกตนหนุ่มยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอแนะนำตัวเองเสียหน่อย ข้าแซ่ลู่นามเหว่ย เหว่ยจากประโยคยุงกัดหางม้าเดิน (เปรียบเปรยว่าแอบอิงผู้มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้มีชื่อเสียง) ข้ากับลู่เจี้ยงและลู่ไถต่างก็มาจากสายตรงของสกุลลู่”
บรรพจารย์สกุลลู่ที่แนะนำตัวเองผู้นี้เอ่ยต่ออีกว่า “ก็เหมือนที่เจ้าขุนเขาเฉินพูดระหว่างที่เดินกันมา ข้าผู้แซ่ลู่ฝึกตนอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูมานานหลายปีจริงๆ เหนือกว่าเวลาที่ฝึกตนในตระกูลเสียอีก ดังนั้นเจ้าและข้าจึงพอจะถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันครึ่งตัวได้”
ใจของหนันจานพอจะสงบลงได้บ้างเล็กน้อย
การดำรงอยู่ของบรรพจารย์สกุลลู่ท่านนี้เป็นทั้งพลานุภาพที่มาจากตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้นางจำเป็นต้องเป็นลู่เจี้ยงจากสายตรงสกุลลู่ก่อน ถึงจะเป็นหนันจานแห่งเขตอวี้จางต้าหลีได้ แต่ลู่เหว่ยก็เป็นที่พึ่งทางใจที่ใหญ่ที่สุดของนางในตอนนี้ เป็นภูเขาที่ช่วยหนุนหลังให้กับนาง
แม้จะบอกว่าลู่เหว่ยไม่ใช่เจ้าประมุขสกุลลู่แผ่นดินกลาง แต่ผู้ฝึกตนใหญ่สำนักหยินหยางคนหนึ่งที่ขาดแค่ครึ่งก้าวก็เลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานได้แล้ง ตบะลึกหรือตื้น พลังพิฆาตสูงหรือต่ำ อันที่จริงไม่ได้อยู่ที่สมบัติอาคมหรือเวทวิชาอภินิหารที่ใช้โจมตี แต่อยู่ที่การชิงลงมือก่อน
หากนางสามารถเลือกได้เอง หนันจานย่อมไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับสกุลลู่แม้แต่น้อย เป็นหุ่นเชิดที่ถูกชักใย เป็นตายไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง
หนันจานหวังว่าตัวเองจะเป็นแค่บุตรสาวสายตรงของสกุลหนันเขตอวี้จางเท่านั้น พอจะมีคุณสมบัติในด้านการฝึกตนอยู่บ้างเล็กน้อย ได้แต่งงานกับบุรุษที่ดีคนหนึ่ง ให้กำเนิดบุตรชายที่ดีสองคน
แต่ละวันกว่าจะอดทนผ่านจากลูกสะใภ้มาเป็นแม่สามีได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในที่สุดก็ทนจนถึงวันที่ซิ่วหู่ผู้นั้นตายไป ทนจนบุตรชายสองคน คนหนึ่งเป็นฮ่องเต้คนหนึ่งเป็นอ๋องเจ้าเมือง นางเองก็สามารถเปลี่ยนจากฮองเฮาต้าหลีที่ต้องระมัดระวังสำรวมตน กลายมาเป็นไทเฮาที่สามารถออกราชโองการ สามารถเข้าร่วมกิจของทางราชสำนักต้าหลีในระดับที่แน่นอนได้ ไม่ได้เป็นเหมือนลูกสะใภ้ที่เป็นนางจิ้งจอกมาตั้งแต่เกิดที่มีสถานะเป็นฮองเฮา ซึ่งก็ได้แต่คุยเรื่องสัพเพเหระกับพวกฮูหยินตราตั้งทั้งหลายเท่านั้น
เฉินผิงอันลืมตาถาม “ลู่ฮุยลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่เป็นผู้ฝึกตนสายแผนภูมิดินของต้าหลีก็เป็นลูกหลานสายตรงที่สืบทอดมาจากสกุลลู่แผ่นดินกลางของพวกเจ้าเช่นกันหรือ?”
ลู่เหว่ยขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่เสียแรงที่เป็นเจ้าประมุขของสำนักแห่งหนึ่งที่ตั้งตัวมาได้จากสองมือเปล่า ความคิดจิตใจโบยบินไปไกล มักจะมีความเคยชินในการคิดเรื่องที่คนทั่วไปคิดไม่ถึง
คนทั่วไป ต่อให้รู้เส้นทางแห่งความร่ำรวยของเจ้าขุนเขาเฉินท่านนี้ บางทีส่วนใหญ่อาจจะให้ความสนใจกับโชควาสนาตระกูลเซียนของเขามากกว่า
แต่ลู่เหว่ยคุ้นเคยดีกับขนบธรรมเนียมและเรื่องวงในน้อยใหญ่ของถ้ำสวรรค์หลีจู จึงรู้อย่างลึกซึ้งว่าเด็กกำพร้าตรอกเก่าโทรมที่ไร้ที่พึ่งคนหนึ่งสามารถเดินมาจนถึงก้าวนี้ได้ ไม่ง่ายปานใด
วันนี้ลู่เหว่ยที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่มีความจริงใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้ปิดบังอำพรางใดๆ ส่ายหน้าตอบว่า “เจ้าเด็กลู่ฮุยนั่นเป็นแค่ทายาทสายรองเท่านั้น ไม่ค่อยเหมือนกับไทเฮาเหนียงเนียง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง”
เฉินผิงอันกล่าว “หากข้าเป็นคนจับปลาที่เพิ่งจะถักแหตอนอยู่ใกล้ริมน้ำ บางทีอาจจะต้องท่องคำพูดเก่าแก่ประโยคหนึ่งซ้ำไปมาหลายรอบอยู่ทุกวัน ตาข่ายสวรรค์แม้จะห่างแต่ไม่รั่ว”
ลู่เหว่ยพยักหน้ารับ “ถ้อยคำล้ำค่าดุจทองดุจหยก เห็นด้วยอย่างยิ่ง”
สารถีเฒ่าที่ก่อนหน้านี้คุ้มกันหนันจานไปหาเฉินผิงอันที่ตรอกเล็ก คนที่เขาทุ่มเดิมพันด้วยอย่างหนักก็คือหม่าขู่เสวียนแห่งตรอกซิ่งฮวาที่ภายหลังไปฝึกตนอยู่ที่ภูเขาเจินอู่
ส่วนสตรีตระกูลเฟิงผู้นั้น แม้จะมีชาติกำเนิดมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเช่นเดียวกับสารถีเฒ่า แต่กลับไม่เคยมีจุดยืนอะไร ไม่ว่าใครก็ไม่ล่วงเกิน ผูกบุญสัมพันธ์กับคนไปทั่ว
ส่วนลู่เหว่ยกับผู้ประคับประคองมังกรที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเผยกายให้เฉินผิงอันเห็น กลับลงเดิมพันไว้ที่สกุลซ่งต้าหลีซึ่งตอนนั้นยังเป็นแค่ฝ่ายที่ต้องพึ่งพาสกุลหลู
และช่วงเวลาที่ลู่เหว่ยจำศีลอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู การลงมือที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด ไม่ใช่อยู่เบื้องหลังคอยช่วยอดีตฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลีวางแผนเรื่องการเลือกที่ตั้งของห้ามหาบรรพตเก่าให้กับต้าหลี แต่เป็นก่อนหน้านั้น ลู่เหว่ยได้อบรมปลูกฝังคนรุ่นเยาว์ของถ้ำสวรรค์หลีจูสองคนอย่างตั้งใจ ช่วยถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับพวกเขา ภายหลังสองคนนี้ก็ได้กลายเป็นขุนนางผู้กอบกู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าหลี เฉาห้าง หยวนเซี่ย หนึ่งบุ๋นหนึ่งบู๊ เสาคานของแคว้น ช่วยให้ต้าหลีข้ามผ่านวันเวลาแห่งความทุกข์ยากที่อันตรายที่สุด เป็นเหตุให้ต้าหลีที่ตอนนั้นยังเป็นแคว้นใต้อาณัติของสกุลหลูหลบพ้นจุดจบที่จะถูกราชวงศ์สกุลหลูกลืนกินอย่างสิ้นเชิงมาได้
แต่เพื่อกลบร่องรอย ตอนนั้นลู่เหว่ยได้ขอให้เฟิงอี๋ลงมือ ให้นางส่งคนทั้งสองออกไปจากถ้ำสวรรค์หลีจู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!