กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 885

สรุปบท บทที่ 885.2 หนึ่งคำในใต้หล้า: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 885.2 หนึ่งคำในใต้หล้า จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 885.2 หนึ่งคำในใต้หล้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำหนัก​ฉางชุน​ทำการ​ตรวจสอบ​สถานะ​ของ​คน​ผู้​นี้​อย่าง​รวดเร็ว​โดย​ดู​จาก​รายงาน​ของ​ทาง​ฝั่งตัวเอง​และ​ของ​ทาง​สายลับ​ต้า​หลี​ ถึงได้​ค้นพบ​ว่า​ถึงกับ​เป็น​ ‘อวี๋​หมี่​’ ที่​มี ‘ขอบเขต​ชมมหาสมุทร​’ ผู้​นั้น​

รอ​กระทั่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เกิด​ความขัดแย้ง​กับ​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ แล้วก็​จริง​ดัง​คาด​ คือ​เซียน​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​ชอบ​ดื่มเหล้า​นอน​อยู่​บน​ก้อน​เมฆหลาก​สี หมี่​อวี้​ผู้​นั้น​จริง​เสีย​ด้วย​!

หมี่​ฮู้ผู้​เป็น​พี่ชาย​ก็​ยิ่ง​เป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ที่​เคย​มีหวัง​จะเลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​

กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​เคย​มีคำ​กล่าวว่า​ ยิ่ง​เคย​เห็น​คนตาย​มามาก​เท่าไร​ สายตา​ที่​มอง​คน​เป็น​ยาม​อยู่​บน​สนามรบ​ก็​ยิ่ง​เหมือน​สายตา​ที่​มอง​คนตาย​มาก​เท่านั้น​ ระหว่าง​ที่​ฆ่าคน​ มือ​มั่นคง​ ใจยิ่ง​สงบนิ่ง​มากกว่า​

สนามรบ​ล่าง​ภูเขา​เป็น​เช่นนี้​ คิดดู​แล้ว​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​คงจะ​ยิ่ง​เป็น​หลักการ​เดียวกัน​ หรือ​อาจจะ​มากกว่า​นี้​ด้วยซ้ำ​

ดังนั้น​หญิง​ชรา​ผู้อาวุโส​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​ที่​ทำหน้าที่​ปกป้อง​มรรคา​ เนื่องจาก​ระหว่าง​ที่​เดินทาง​ไปหา​ประสบการณ์​ได้​พูดจา​กระทบกระเทียบ​เหน็บแนม​ ‘อวี๋​หมี่​’ ไป​ไม่น้อย​ ทุกวันนี้​จึงมักจะ​รู้สึก​เย็นวาบ​ที่​ต้นคอ​ ราวกับว่า​ตัวเอง​ไป​เดิน​วน​อยู่​หน้า​ประตูผี​มาแล้ว​รอบ​หนึ่ง​

เฉิน​ผิง​อัน​สงสัย​อยู่​บ้าง​ ด้วย​สถานะ​ที่​โดดเด่น​บน​ภูเขา​ต้า​หลี​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​ ไม่เคย​ผูกปม​แค้น​ใดๆ​ กับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ กาน​อี๋​เจอ​กับ​เจ้าขุนเขา​เช่น​ตน​ ตาม​หลัก​แล้ว​นาง​ก็​ไม่ควรจะ​ระมัดระวัง​ตัว​ขนาด​นี้​ถึงจะถูก​

แต่​อันที่จริง​ควร​ต้อง​เป็น​อย่างนี้​ต่างหาก​

เพราะ​เฉิน​ผิง​อัน​ใน​ทุกวันนี้​ยัง​ไม่รู้เรื่อง​หนึ่ง​

นอกจาก​พวก​สำนัก​และ​พรรค​ต่างๆ​ แล้ว​ ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​ก็​มี ‘ภูเขา​ลูก​เล็ก​’ ที่​ไม่มีการ​แบ่ง​เขตแดน​ของ​ภูเขา​อยู่​เช่นกัน​ ยกตัวอย่างเช่น​ระหว่าง​ผู้ดูแล​เรือข้ามฟาก​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​ที่​พบ​เจอ​หน้า​กัน​ข้างนอก​เป็นประจำ​ก็​มักจะ​มีการสาน​สัมพันธ์​ส่วนตัว​ที่​ระดับ​ความ​สนิทสนม​ไม่เท่ากัน​อยู่​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยังมี​การ​ใช้บุปผา​ใน​คันฉ่อง​จันทรา​ใน​สายน้ำ​มาติดต่อกัน​ เพื่อ​สะดวก​ใน​การ​ทำให้​เส้น​ทางการ​หาเงิน​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​เปิด​โล่ง​

และ​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เช่น​เขา​ก็​ต้อง​ยก​คุณ​ความชอบ​ให้​กับ​ ‘ศึก​ของ​เรือน​ชุน​ฟาน​’ ที่​ภูเขา​ห้อย​หัวใน​ปี​นั้น​ ทำให้​บารมี​ของ​เขา​ใน​กลุ่ม​ ‘พรรค​’ ที่​กระจัดกระจาย​อย่าง​เรือข้ามฟาก​นี้​สูงส่งจน​มิอาจจะ​จินตนาการ​ภาพ​ได้​

พูด​เล่าลือ​กัน​ไป​ปากต่อปาก​จน​กลาย​มาเป็น​ความลี้ลับ​มหัศจรรย์​ถึงขีดสุด​

เนื่องจาก​ทุกวันนี้​ศาล​บุ๋น​ยกเลิก​คำ​สั่งห้าม​รายงาน​ขุนเขา​สายน้ำ​แล้ว​ เมื่อ​ไม่มีข้อห้าม​ใดๆ​ อีก​ คำเล่าลือ​ก็​ยิ่ง​กระจาย​ออก​ไป​อย่าง​น่า​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​…

เป็นเหตุให้​ระหว่าง​ผู้ดูแล​เรือข้ามฟาก​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ค่อยๆ​ เกิด​การ​เปรียบเทียบ​จาก​ต่ำ​ถึงสูงที่​น่า​ประหลาดใจ​อย่างหนึ่ง​

ผู้ดูแล​ที่​ใน​มือ​ได้​ครอบครอง​เรือ​ข้าม​ทวีป​ดูแคลน​ผู้ดูแล​เรือข้ามฟาก​ที่​ได้​แต่​บิน​ไป​บิน​มาอยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​หนึ่ง​ทวีป​ ผู้ดูแล​เรือ​ข้าม​ทวีป​ที่​เคย​ ‘อาศัย​กำลัง​อันน้อย​นิด​ของ​ตัวเอง​’ โชคดี​ได้​ไป​เยือน​ภูเขา​ห้อย​หัว​และ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ดูแคลน​พวก​เรือ​ข้าม​ทวีป​ที่​ไม่เคย​ทำการค้า​กับ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ คน​ที่​เคย​ไป​เยือน​ภูเขา​ห้อย​หัว​ทั้ง​ยัง​เคย​เดิน​เข้า​ประตู​ใหญ่​ไป​ทำการค้า​ใน​เรือน​ชุน​ฟาน​ดูแคลน​พวก​แมลง​น่าสงสาร​ที่​ไม่เคย​ได้​เข้าไป​นั่ง​ใน​ห้องโถง​ใหญ่​ของ​เรือน​ชุน​ฟาน​

ส่วน​พวก​คน​ที่​เคย​ไป​เยือน​เรือน​ชุน​ฟาน​ทั้ง​ยัง​เคย​เข้าร่วม​ ‘การประชุม​บน​ยอดเขา​’ ครั้งนั้น​ก็​จะต้อง​ดูแคลน​พวก​คน​ที่​ไม่เคย​ได้​สัมผัส​กับ​ ‘มาด​ของ​อิ่น​กวาน​’ กับ​ตัวเอง​มาก่อน​

ทุกวันนี้​ผู้ดูแล​เรือข้ามฟาก​กลุ่ม​เล็ก​กลุ่ม​นี้​ เวลา​ออก​ไป​ข้างนอก​ แต่ละคน​ตา​สูงมองไม่เห็น​หัว​ใคร​ ยาม​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้ดูแล​เรือข้ามฟาก​คนอื่นๆ​ ที่​เหลือ​ ขาด​ก็​แค่​ไม่ได้​เอ่ย​ประโยค​ว่า​พวก​เจ้าทุกคน​ล้วน​เป็น​ขยะ​ไร้ค่า​เท่านั้น​

พวก​เจ้าจะรู้​ได้​อย่างไร​ว่า​คลื่นใต้น้ำ​ใน​การประชุม​ครั้งนั้น​มีอันตราย​เพียงใด​ ชีวิต​ของ​พวกเรา​แขวน​อยู่​บน​เส้นด้าย​ ลูกคลื่น​ใน​เรือน​ชุน​ฟาน​ลูก​หนึ่ง​เพิ่ง​สงบ​ลง​ก็​มีลูก​ใหม่​โถมตัว​ขึ้น​มาอีก​? ทั้งสองฝ่าย​ต้อง​คอย​คุมเชิง​กัน​

อิ่น​กวาน​นำพา​เซียน​กระบี่​สิบ​กว่า​ท่าน​ อีก​นิดเดียว​ก็​เกือบจะ​ปิดประตู​ฟัน​คน​อยู่แล้ว​

กาน​อี๋​ที่​เป็น​ผู้ดูแล​เรือ​ข้าม​ฟากห​ลี่​เฉวียน​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เคย​ได้ยิน​ข่าวลือ​ลับ​ที่​มีเมฆหมอก​ล้อ​มวน​มาบ้าง​

ดังนั้น​กาน​อี๋​จึงรู้​ชัดเจน​ดี​ว่า​ตัวเอง​กำลัง​เผชิญหน้า​อยู่​กับ​ใคร​

ไม่ใช่เจ้าขุนเขา​เฉิน​อะไร​ แล้วก็​ไม่ใช่ลูกศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​สาย​เห​วิน​เซิ่งด้วย​ แต่​เป็น​อิ่น​กวาน​คน​สุดท้าย​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

คราว​ก่อนที่​มีการประชุม​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ตำหนัก​ฉางชุน​ เจ้าตำหนัก​เอ่ย​คำพูด​ประโยค​หนึ่ง​ที่​มีความหมาย​ลึกล้ำ​

ต้า​หลี​ของ​พวกเรา​อยู่​ห่าง​จาก​อุตรกุรุทวีป​ไม่ไกล​นัก​

กาน​อี๋​พูด​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “หาก​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ไม่รีบร้อน​เดินทาง​ต่อ​ สามารถ​ลอง​ชิมเหล้า​หมัก​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​พวกเรา​ดู​ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ปฏิเสธ​อย่าง​ละมุนละม่อม​ “อย่า​ดีกว่า​ ข้า​กับ​เสี่ยว​โม่ไม่อยาก​รบกวน​ไป​มากกว่า​นี้​”

ปี​นั้น​ตำหนัก​ฉางชุน​ถูก​ราชสำนัก​ต้า​หลี​เสนอ​ให้​เป็นหนึ่ง​ใน​ตัวสำรอง​ที่จะ​ได้​เลื่อน​เป็น​สำนัก​อักษร​จง ถึงขั้น​ที่ว่า​ไม่ต้อง​ไป​ช่วงชิง​กับ​ใคร​ด้วยซ้ำ​

การประชุม​ของ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ก่อนหน้านี้​ ซ่งจ่างจิ้งยัง​ขอ​รายชื่อ​ของ​สำนัก​อักษร​จงจาก​ศาล​บุ๋น​เพิ่ม​มาอีก​สามรายชื่อ​ ตำหนัก​ฉางชุน​เอง​ก็​ไม่ได้​วิ่งเต้น​หา​ช่องทาง​ไป​ทั่ว​เหมือน​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​และ​ภูเขา​เมฆาเรือง​ ไม่คิด​จะช่วงชิง​พื้นที่​แห่ง​หนึ่ง​มาให้​กับ​ตัวเอง​ คาด​ว่า​คงจะ​กลัว​สกุล​ซ่งต้า​หลี​ต้อง​ลำบากใจ​เพราะ​เรื่อง​นี้​ นี่​แสดงให้เห็น​ว่า​ตำหนัก​ฉางชุน​รู้จัก​วางตัว​อยู่​ใน​สังคม​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​ ไม่ใช่แค่​ดี​ธรรมดา​เท่านั้น​

แม้ตัว​เฉิน​ผิง​อัน​จะรู้ดี​ว่า​รายชื่อ​สามชื่อ​นั้น​ ราชสำนัก​ต้า​หลี​มีการ​เตรียมการ​ไว้​ล่วงหน้า​อยู่​ก่อน​แล้ว​ แบ่ง​ออก​เป็น​สำนัก​เบื้องล่าง​ที่​จู๋หวง​แห่ง​ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ตั้ง​ชื่อว่า​ ‘สำนัก​กระบี่​หวง​ซาน​’ วัด​ใหญ่​แห่ง​หนึ่ง​ที่อยู่​ใกล้​กับ​หลง​ชิว​ภูเขา​เยี่ยน​ตั้ง​ บวก​กับ​อาราม​เต๋า​ของ​เฉาหรง​

เป็นเหตุให้​ตำหนัก​ฉางชุน​ไม่มีทาง​กลายเป็น​ข้อยกเว้น​ที่​ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​สำนัก​เพราะเหตุนี้​ แต่​สถานะ​ตัวสำรอง​สำนัก​อักษร​จงก็​ไม่ใช่ตำแหน่ง​ว่างเปล่า​ดั่ง​การ​ปัก​บุปผา​ลง​บน​ผ้าแพร​อะไร​ หาก​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​สร้าง​คุณ​ความชอบ​ไว้​ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ได้​อีก​ ต่อให้​ตำหนัก​ฉางชุน​จะยัง​ไม่มีขอบเขต​หยก​ดิบ​ แต่​ก็​ยัง​จะได้รับอนุญาต​จาก​ทาง​ศาล​บุ๋น​ สามารถ​ขยับ​เข้ามา​เสริม​ตำแหน่ง​ที่​ขาด​ ทว่า​สำนัก​โองการ​เทพ​หรือ​ภูเขา​เมฆาเรือง​นั้น​ไม่เหมือนกัน​ กว่า​จะได้​ถึงคราว​สำนัก​เบื้องล่าง​ของ​พวกเขา​ก็​ยัง​ต้อง​เป็นช่วง​ท้าย​ๆ แล้ว​

เห็น​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ยินดี​จะหยุด​อยู่​ต่อ​เพื่อ​ดื่มเหล้า​ กาน​อี๋​ก็​มีท่าทาง​ผิดหวัง​อย่าง​เห็นได้ชัด​

นาง​ก็​แค่​ไม่กล้า​ล้อเล่น​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​อย่าง​ส่งเดช​เท่านั้น​

ไม่อย่างนั้น​กาน​อี๋​ก็​ยังมี​คำพูด​จาก​ใจจริง​ที่​ไม่ใช่การล้อเล่น​อะไร​ที่​อยาก​จะพูด​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ท่าน​นี้​อย่าง​มาก​

ขอ​แค่​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ยินดี​ไป​เป็น​แขก​ที่​ตำหนัก​ฉางชุน​ ต่อให้​จะแค่​ดื่มเหล้า​ไม่กี่​จอก​แล้ว​จากไป​ ลำพัง​เพียงแค่​ตัวเลือก​คน​ที่จะ​มารับหน้าที่​ยก​เหล้า​วาง​บน​โต๊ะ​ หญิง​บ้า​กลุ่ม​นั้น​คง​แย่งชิง​กัน​หัว​ร้าง​ข้าง​แตก​โดย​ไม่สน​มิตรภาพ​ของ​คน​ร่วม​สำนัก​เป็นแน่​

ต้อง​รู้​ว่า​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ของ​ตำหนัก​ฉางชุน​ แต่ไหนแต่ไร​มาก็​เปิดกว้าง​ใน​เรื่อง​ความรัก​ชาย​หญิง​มาโดยตลอด​

เคย​มีผู้ฝึก​ตน​หญิง​ป่าวประกาศ​ไว้​แล้ว​ว่า​หาก​เซียน​กระบี่​เฉิน​มาเยี่ยมเยือน​ด้วยตัวเอง​ แล้ว​ข้า​สามารถ​เผย​หน้าตา​ ยก​สุรา​ไป​ให้ได้​ จะต้อง​ทำเป็น​ว่า​ไม่ทัน​ระวัง​ขา​แพลง​ ไม่คาดหวัง​ว่า​จะต้อง​ล้ม​ลง​ใน​อ้อม​อก​ แต่​ถูก​เซียน​กระบี่​เฉิน​ยื่นมือ​มาประคอง​เอาไว้​ รับรอง​ว่า​หนี​ไม่พ้น​แน่​!

ตอนนี้​เฉิน​ผิง​อัน​หรือ​จะรู้เรื่อง​ลับ​ใน​ภูเขา​ลูก​อื่น​ที่​เต็มไปด้วย​กลิ่นอาย​สกปรก​พวก​นี้​

พูด​มาถึงตรงนี้​ เสี่ยว​โม่ก็​รีบ​เปลี่ยน​คำพูด​เสีย​ใหม่​ “วันนี้​ไม่เหมือน​ใน​อดีต​ ต้อง​เรียก​ว่า​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “เซียน​ดิน​ใน​ยุค​บรรพกาล​ล้วน​แข็งแกร่ง​กัน​ทุก​คนจริง​หรือ​?”

เสี่ยว​โม่ยิ้ม​เอ่ย​ “อันที่จริง​ไม่ถือว่า​แข็งแกร่ง​สัก​เท่าไร​ แต่​ต้อง​ไม่อ่อนด้อย​อย่าง​แน่นอน​ ก็​แค่​ว่าการ​ที่​เซียน​ดิน​จะเดิน​ขึ้น​สวรรค์​กลายเป็น​เทพ​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​เลย​ ลำพัง​เพียงแค่​ด่าน​แรก​ก็​เท่ากับ​การ​ถามกระบี่​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ยอดเขา​สูงสุด​ของ​ทุกวันนี้​คน​หนึ่ง​แล้ว​ นอกจากนี้​ยังมี​อีก​สอง​ด่าน​รอ​อยู่​ เล่าลือ​กัน​ว่า​ด่าน​หนึ่ง​ใน​นั้น​เกี่ยวพัน​กับ​นิสัยใจคอ​ของ​นักพรต​ เห็นได้ชัด​ว่า​ค่อนข้าง​เป็น​มายา​ล่องลอย​ ดังนั้น​ต่อให้​มีหอ​บิน​ทะยาน​สอง​แห่ง​นั้น​อยู่​ แต่​เซียน​ดิน​ส่วนใหญ่​ก็​ไม่กล้า​ขึ้นไป​ เพราะ​เหมือนกับ​การ​รนหาที่​ตาย​ แต่​ถ้ารอ​ให้​เรือน​กาย​และ​จิตวิญญาณ​ของ​เซียน​ดิน​ใน​โลก​มนุษย์​เน่าเปื่อย​เสื่อมโทรม​แล้ว​ ก็​จะลอง​ไป​เสี่ยงอันตราย​อีกครั้ง​เพื่อ​ต่อ​ชีวิต​ แต่​ก็​ย่อม​ต้อง​ตาย​อย่าง​มิต้องสงสัย​ ดังนั้น​ระหว่าง​นี้​จึงมีความขัดแย้ง​ที่​ทำให้​คน​จนใจ​อยู่​ สุดท้าย​จึงทำให้​จำนวน​เซียน​ดิน​ชาย​หญิง​ในเวลานั้น​ที่​เดิน​ขึ้น​สวรรค์​ได้​สำเร็จ​มีจำกัด​อย่าง​มาก​”

“ปี​นั้น​เวลา​ที่​เสี่ยว​โม่ไม่ได้​ฝึก​กระบี่​แล้ว​รู้สึก​เบื่อหน่าย​มาก​ก็​จะไป​นั่ง​อยู่​ใกล้​กับ​หอ​บิน​ทะยาน​ มองดู​คนอื่น​เดิน​ขึ้น​ฟ้า ไปมา​หลายครั้ง​ก็​ยัง​ไม่เคย​ได้​เห็น​กับ​ตา​ว่า​มีใคร​เดิน​ไป​ถึงประตู​สวรรค์​ที่อยู่​สูงสุด​ ทุกคน​ล้วน​ตก​ลงมา​ตาย​กลางคัน​เหมือนกัน​หมด​โดย​ไม่มีข้อยกเว้น​ เนื้อหนัง​และ​จิตวิญญาณ​ของ​นักพรต​เห​มือ​น.​..บุปผา​ที่​เบ่งบาน​ ฝึก​ตน​มาอย่าง​ยากลำบาก​ สุดท้าย​แล้วก็​เพียงแค่​เพื่อ​เพิ่ม​เม็ดฝน​ที่​ปราณ​วิญญาณ​มหาศาล​ให้​ตก​ลงมา​ใน​โลก​มนุษย์​ครั้งหนึ่ง​เท่านั้น​ สำหรับ​ข้า​แล้ว​รู้สึก​ว่า​พวกเขา​น่าสงสาร​อย่าง​มาก​”

“หาก​เว่ย​จิ้น​อยู่​ใน​ช่วงเวลา​นั้น​ คาด​ว่า​คง​สามารถ​เดิน​ขึ้น​หอ​บิน​ทะยาน​ได้​สำเร็จ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ด้วย​ความ​องอาจ​ที่​ยอม​ซื้อ​เหล้า​ดื่ม​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​เว่ย​ คว้า​เอา​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​มาให้​ตัวเอง​ย่อม​ไม่ยาก​”

เกี่ยวกับ​ต้นสน​หมื่น​ปี​ที่​มีชื่อว่า​ ‘ฉางฉิง’ ต้น​นั้น​ เว่ย​จิ้น​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่​เหลืออยู่​ของ​หอ​เทพ​เซียน​ แท้จริง​แล้ว​กลับ​ปวดหัว​อย่าง​มาก​

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ต้นสน​โบราณ​มีความ​เชื่อมโยง​กับ​ราก​ภูเขา​ ยาก​ที่จะ​เคลื่อนย้าย​ไป​ปลูก​ที่อื่น​ เว่ย​จิ้น​ก็​คง​ให้​คน​ของ​ร่อง​ต้า​หนี​ สระ​ลวี่สุ่ย​ หรือไม่​ก็​ยอดเขา​เห​วิน​ชิงย้าย​เอา​ไป​นาน​แล้ว​

ไม่อย่างนั้น​ก็​มีแต่​จะทำให้​ศาล​ลม​หิมะ​เหน็ดเหนื่อย​อยู่​กับ​การ​รับมือ​กับ​ผู้คน​ เพราะ​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​และ​ขุนนาง​ผู้สูงศักดิ์​ที่​ต้องการ​จะขอ​กิ่ง​ใบ​หรือไม่​ก็​เปลือกไม้​ของ​ต้นสน​หมื่น​ปี​ต้น​นี้​มีมากเกินไป​จริงๆ​ ไม่ว่า​จะสตรี​ที่​เป็น​มนุษย์​ธรรมดา​ล่าง​ภูเขา​หรือ​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​บน​ภูเขา​ที่​ยัง​ไม่ได้​พิฆาต​มังกร​แดง​ (มังกร​แดง​เปรียบเปรย​ถึงประจำเดือน​ของ​ผู้หญิง​) เอา​ต้นสน​หมื่น​ปี​มาต้ม​เป็น​ยา​ก็​ถือเป็น​ยา​เซียน​ที่​ดีเยี่ยม​ตำรับ​หนึ่ง​

ทว่า​เจอ​กับ​กองกำลัง​ของ​ฝ่าย​ต่างๆ​ ที่มา​ขอ​ซื้อ​ของ​ชิ้น​นี้​ ศาล​ลม​หิมะ​กลับ​ไม่เคย​ตอบ​ตกลง​กับ​คนนอก​แม้แต่​คนเดียว​ มีเพียง​เรื่อง​นี้​ที่​วางตัว​ห่างเหิน​กับ​คนนอก​อย่าง​เห็นได้ชัด​

แม้เว่ย​จิ้น​จะเคย​ไป​พูด​กับ​เจ้าสำนัก​ถึงสอง​ครั้ง​ว่า​ยาม​ที่​เขา​ไม่ได้​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​ภูเขา​ ทาง​ฝั่งของ​ศาล​บรรพ​จารย์​สามารถ​จัดการ​กับ​ ‘ฉางฉิง’ นี้​ได้​ตามสบาย​

แต่​ในความเป็นจริง​แล้ว​นับตั้งแต่​ครั้งแรก​ที่​ลง​จาก​ภูเขา​ วัน​เวลา​ที่​เว่ย​จิ้น​ฝึก​ตน​อยู่​ใน​ศาล​ลม​หิมะ​รวมกัน​แล้วก็​มีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​ ไม่อย่างนั้น​ตอน​ปิด​ด่าน​เป็น​ตาย​ช่วง​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​ เว่ย​จิ้น​ก็​คง​ไม่ถึงขั้น​ไม่อยู่​ที่​ภูเขา​บ้าน​ตัวเอง​

เป็นเหตุให้​เว่ย​จิ้น​อด​คาดเดา​ไม่ได้​ว่า​ เป็น​เพราะ​เดิมที​ศาล​ลม​หิมะ​ก็​ไม่ยินดี​จะขาย​ต้นสน​หมื่น​ปี​อยู่แล้ว​เลย​จงใจเอา​ตน​มาเป็น​โล่​บังหน้า​หรือไม่​?

คราว​ก่อนที่​กลับ​ศาล​ลม​หิมะ​ เว่ย​จิ้น​ก็​มีความคิด​แล้ว​ว่า​จะรับ​ลูกศิษย์​ในนาม​ไว้​สัก​คน​?

ต่อให้​ตน​จะไม่สนิทสนม​กับ​ศาล​ลม​หิมะ​แค่​ไหน​ แต่​ถึงอย่างไร​สาย​ของ​หอ​เทพ​เซียน​ก็​ควร​ต้อง​มีควัน​ธูป​สืบทอด​ต่อไป​

ดังนั้น​ก่อนหน้านี้​ที่​กลับมา​เจอกัน​อีกครั้ง​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เค่อ​ชิงของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​อย่าง​เว่ย​จิ้น​จึงบอก​ให้​เจ้าขุนเขา​ช่วย​สังเกต​ดู​ให้​หน่อย​ว่า​มีตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​ที่​เหมาะสม​บ้าง​หรือไม่​

เว่ย​จิ้น​มีข้อเรียกร้อง​เพียง​อย่าง​เดียว​ คุณสมบัติ​การ​ฝึก​ตน​สามารถ​ธรรมดา​สามัญได้​ แต่​เด็ก​คน​นั้น​ต้อง​เป็น​เด็ก​ที่เกิด​ใน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

เพราะ​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ลูกศิษย์​คน​แรก​ ส่วน​ลูกศิษย์​ปิด​สำนัก​ในอนาคต​ แน่นอน​ว่า​เว่ย​จิ้น​ยัง​ต้อง​เลือก​ด้วยตัวเอง​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!