อ่านสรุป บทที่ 885.5 หนึ่งคำในใต้หล้า จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บทที่ บทที่ 885.5 หนึ่งคำในใต้หล้า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
กวนอี้หรานร้องถุยหนึ่งที “นั่นเพราะเกรงใจแซ่ของข้าต่างหาก เจ้าเห็นเวลาเขาเจอเจ้า เกรงใจไหมล่ะ? เคยมองเจ้าเต็มๆ ตาบ้างไหม?”
จิ่งควนเอ่ย “ก็ไม่แย่กระมัง”
กวนอี้หรานยิ้มมองเฉินผิงอัน จากนั้นจึงชี้ไปที่จิ่งควน “ดูสิ ฟังสิ พูดจาไม่มีน้ำไหลรอดได้สักหยด ได้เรียนรู้แล้วกระมัง อายุไม่มากก็เป็นตาเฒ่ามากประสบการณ์ในวงการขุนนางแล้ว หากอนาคตของเจ้าหมอนี่ไม่ปูด้วยผ้าแพรก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จะพูดอย่างไรก็ได้ ขอแค่ดื่มเหล้าไม่เหลือ นิสัยยามดื่มเหล้าไม่มีปัญหา นิสัยของตัวคนก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”
กวนอี้หรานเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ก็จริงนะ”
ดังนั้นจิ่งควนจึงดื่มเหล้าอีกครั้ง
กวนอี้หรานกลั้นขำ ให้เจ้าจิ่งควนได้ลิ้มรสความสามารถในการยุให้คนดื่มเหล้าของนักบัญชีเฉินดีๆ สักหน่อย
มารดามันเถอะ ปีนั้นตอนอยู่ทะเลสาบซูเจี่ยน เรียกได้ว่าร้อยเรียงต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ ถูกเชิญท่านลงโอ่งแล้วยังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
อยู่ดีๆ กวนอี้หรานก็เอ่ยขึ้นว่า “มีความเป็นไปได้ว่าจิ่งควนจะถูกย้ายไปให้ทำงานข้างนอก”
จิ่งควนส่ายหน้าทันใด “เป็นเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย พูดถึงข้าทำไม”
กวนอี้หรานกลอกตามองบน “ผายลมเจ้าน่ะสิ วางท่าเข้าไป เชิญเจ้าหนูเจ้าวางท่าเข้าไปเถอะ นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ยังมาบอกกับข้าว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ในที่ว่าการของพวกเรา หากจะพูดถึงกรมขุนนาง ข้ากวนอี้หรานไม่มีคนสนิท ใครกล้าพูดว่าตัวเองมีคนสนิทบ้างเล่า?”
จิ่งควนรู้สึกจนใจเล็กน้อย
กวนอี้หรานไอ้หมอนี่ดื่มจนเมาแล้วจริงๆ
ไม่อย่างนั้นคำพูดเช่นนี้ก็ช่างไม่เหมาะจะพูดเลยจริงๆ
แน่นอนว่าที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังเป็นเรื่องที่กวนอี้หรานเห็นตนและเฉินผิงอันเป็นคนกันเองแล้ว
วงการขุนนางต้าหลี ใครบ้างไม่รู้ว่า ‘กรมขุนนางแซ่กวน’
ในเมื่อกรมขุนนางยังแซ่กวนแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาแซ่กวนจะมีมากแค่ไหน แค่คิดก็พอจะจินตนาการได้แล้ว
ประเด็นสำคัญคืออดีตฮ่องเต้และโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบันต่างก็ไม่รู้สึกยอกแสลงใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด
เพราะถึงอย่างไรนายท่านผู้เฒ่ากวนก็คือขุนนางจำนวนไม่มากที่ในอดีตกล้าเถียงราชครูชุยต่อหน้า
รอกระทั่งกวนอี้หรานปลดประจำการจากตำแหน่งขุนนางผู้ตรวจการลำน้ำใหญ่ หวนกลับมาที่เมืองหลวง ไม่ได้ทำงานอยู่ในกรมขุนนางหรือกรมกลาโหมอย่างที่ผิดจากการคาดการณ์ของทุกคน แต่มารับหน้าที่อยู่ในกรมคลังที่ผู้คนรังเกียจมากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ อยู่ในวงการขุนนางอย่าว่าแต่เลื่อนขั้นเลย ไม่ถือว่าเป็นการโยกย้ายตำแหน่งมารับในตำแหน่งที่เท่าเทียมกันด้วยซ้ำ เป็นการถูกลดขั้นอย่างจริงแท้แน่นอน
เฉินผิงอันพยักหน้า ยกจอกเหล้าขึ้น ยิ้มเอ่ย “ขออวยพรให้ใต้เท้าหลางจงที่ออกไปเป็นขุนนางข้างนอกสร้างความผาสุกให้กับพื้นที่หนึ่ง เป็นขุนนางดุจบิดามารดาที่ปฏิบัติต่อชาวประชาดุจลูกแท้ๆ ของตัวเองอย่างสมชื่อ”
เดิมทีจิ่งควนยังกังวลว่ากวนอี้หรานจะพูดเรื่องวงในมากกว่านี้ โชคดีที่เขาแค่หยุดแต่พอสมควร ดูท่าแล้วน่าจะยังไม่ดื่มจนเมาอย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ไม่นานรองเจ้ากรมฝ่ายซ้ายของกรมคลังเรียกจิ่งควนไปถาม ถามคำถามไม่น้อย แม้จะไม่มีท่าทีที่แน่ชัด แต่จิ่งควนกลับรู้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตนต้องออกจากเมืองหลวงไปเป็นขุนนางประจำท้องถิ่นแล้ว
อีกทั้งใต้เท้าเจ้ากรมยังค่อนข้างให้ความสำคัญต่อตน
แต่สรุปแล้วจะต้องไปอยู่ที่ไหน จิ่งควนได้แต่มีการคาดเดาบางอย่างเท่านั้น
รอกระทั่งกวนอี้หรานจงใจพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าขุนเขาเฉิน จิ่งควนก็เริ่มมั่นใจได้หลายส่วนแล้วว่า สถานที่ที่ตนต้องไปประจำการ มีความเป็นไปได้แปดเก้าในสิบส่วนว่าจะต้องอยู่ห่างจากหลงโจวไม่ไกล ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ในหลงโจวที่ ‘อาณาเขตการปกครอง’ ควบรวมทั้งภูเขาลั่วพั่วและภูเขาพีอวิ๋นไว้ด้วยแห่งนั้น!
ฟ้าอำนวยดินอวยพรคนสามัคคี จิ่งควนยังไม่ได้ออกจากเมืองหลวงไปรับตำแหน่งขุนนางท้องถิ่นก็มีครบทั้งสามอย่างแล้ว
เป็นขุนนางที่หลงโจว วงการขุนนางต้าหลีเห็นพ้องต้องกันว่าทั้งเป็นอันตรายที่ใหญ่เทียมฟ้า แล้วก็เป็นทั้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ด้วย จุดจบไม่ดีก็จะเป็นเหมือนอู๋ยวน จุดจบดีก็จะเหมือนฟู่อวี้
เหล้ามื้อหนึ่งคนทั้งสามดื่มร่วมกันประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า อันที่จริงพอถึงช่วงท้ายๆ เฉินผิงอันก็ไม่ได้ยุให้ดื่มสักเท่าไรแล้ว ล้วนเป็นกวนอี้หรานที่เกิดการแตกหักภายในกับจิ่งควนบนโต๊ะเหล้าแทน
หลังจากขุนนางจากกรมคลังทั้งสองคนเดินออกไปจากเหลาสุราก็เดินโซซัดโซเซไปมา ช่วยประคองกันและกันเดินอยู่ริมลำคลองชางผู มองแผ่นหลังของคนชุดเขียวฝีเท้าหนักแน่นที่ยิ่งเดินก็ยิ่งค่อยๆ ห่างไปไกล จิ่งควนก็ให้อิจฉายิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เป็นเซียนกระบี่ ดื่มเหล้าเก่งจริงๆ
ลมเย็นพัดโชยมา กลิ่นสุราจางหายไปหลายส่วน
จิ่งควนเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณมาก”
กวนอี้หรานส่งเสียงเรอ “ไปถึงท้องถิ่นแล้วก็ทำเรื่องดีๆ หลายๆ เรื่องหน่อย”
“เป็นขุนนางในท้องถิ่นไม่เหมือนกับเป็นขุนนางในเมืองหลวงของพวกเรา ที่นี่มีที่ว่าการเยอะ กฎเกณฑ์ก็มากมาย เส้นแบ่งชัดเจน ใครที่เป็นขุนนางก็พอจะรู้กันดีอยู่ในใจ พูดถึงแค่ตรอกหนันซวินของพวกเรา หลางจงคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? เพียงแต่ว่าพอไปอยู่ข้างนอก เรื่องต่างๆ มากมายที่ทำกลับต้องอาศัยมโนธรรมในใจ จะมีหรือไม่มีก็ได้ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ จะฉลาดหรือจะเลอะเลือนก็ได้ จะพยักหน้าหรือส่ายก็ได้ จะรู้หรือจะไม่รู้ก็ได้ พูดไปพูดมาแล้วล้วนเป็นเจ้าที่ต้องตัดสินใจเอง”
“จิ่งควน ท่านปู่ทวดของข้าเคยบอกว่าเป็นขุนนางน้ำใสที่ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอายนั้นไม่ง่ายเลย ต้องเป็นทั้งขุนนางน้ำใสและเป็นทั้งขุนนางที่ดีที่มีแต่จะยากยิ่งกว่า อะไรที่เรียกว่าเป็นขุนนางที่ดี ก็คือในใจต้องรู้สึกย่ำแย่อยู่ตลอดเวลา”
คนทั้งสองเดินขึ้นไปบนสะพานโค้งด้วยกัน กวนอี้หรานเซถลา รีบก้าวเร็วๆ ไปที่ราวรั้วของสะพาน หันหน้าเข้าหาลำคลองชางผูแล้วอาเจียนโฮกฮาก
จิ่งควนที่เดิมทีตบหลังให้กวนอี้หรานเบาๆ คาดว่าคงติดร่างแหเดือดร้อนไปด้วย พลันรู้สึกเหมือนแม่น้ำพลิกมหาสมุทรคว่ำ จึงนอนคว่ำลงบนราวรั้วอาเจียนคู่กับกวนอี้หราน
สุดท้ายคนทั้งสองต่างก็หยุดอาเจียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หมุนตัวกลับรูดตัวพิงราวรั้วนั่งลงบนพื้น หันหน้ามาสบตาแล้วยิ้มให้กัน
เฉินผิงอันเดินเลียบไปตามเส้นทางลำคลองที่มีประกายแสงไหลริน
งานเลี้ยงสุราในวันนี้เฉินผิงอันไม่ได้พาเสี่ยวโม่มาด้วย เพียงแค่ให้เขาเดินเล่นที่ลำคลองชางผูตามสบาย
เสี่ยวโม่อยู่ว่างไม่มีอะไรทำจึงไปซื้อโคมดอกบัวสองสามดวงมาจากข้างทาง วางลงไปในลำคลอง จากนั้นก็ขยับเท้าเดินตามโคมที่ลอยอยู่ในลำคลองไปช้าๆ
แค่เดินเล่นอยู่ที่นี่ไม่กี่ก้าว เสี่ยวโม่ก็สังเกตเห็นว่าตัวเองสามารถแยกคนในพื้นที่ของเมืองหลวงกับคนต่างถิ่นได้เพียงแค่มองแวบเดียว บนร่างของฝ่ายแรกมีความเหี้ยมหาญอย่างที่ยากจะปกปิด ยิ่งอายุน้อยก็ยิ่งเห็นได้ชัด ส่วนคนต่างถิ่นที่ต่อให้เสื้อผ้าจะหรูหรา แต่สีหน้ากลับมีความสำรวมเหมือนถูกมัดมือมัดเท้าอยู่หลายส่วน
เสี่ยวโม่ยืนอยู่ริมลำคลองชางผู มองน้ำในลำคลองสายนั้น
ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ งมเอาบทกวีพรรณนาดวงจันทร์พันปีขึ้นมา
เสียงกีบม้าสะเทือนพื้นดิน บทเพลงชายแดนร้อยปีสาดกระเซ็น
เสี่ยวโม่เหม่อลอย อดนึกถึงการพบเจอกันโดยบังเอิญเมื่อหมื่นปีก่อนนั้นไม่ได้
บุคคลผู้นั้นเอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อ มองดูโลกมนุษย์ เดินลงมาจากหอบินทะยานที่เดิมทีควรจะมีแค่เซียนดินที่ได้เดินขึ้นสู่ที่สูงจากไปเพียงลำพังช้าๆ อย่าง ‘ผิดมหันต์’
ใต้หล้า
คำกล่าวคำนี้ นาทีนั้นไม่ใช่คำนาม แต่เหมือนคำกริยามากกว่า
กู้ชิงซงที่มีฉายาว่าเซียนฉาได้รับความเลื่อมใสจากคุณชายของตนอย่างมาก
คนตรงหน้านี้ มรรคกถาก็ไม่ถือว่าต่ำเกินไปนัก
เฉาหรงยิ้มถาม “อิ่นกวาน ยอดฝีมือท่านนี้คือ?”
เสี่ยวโม่คารวะอีกฝ่ายตามพิธีการของลัทธิเต๋า “ฉายาสี่จู๋ เฉาเซียนจวินสามารถเรียกข้าว่าเสี่ยวโม่เหมือนสหายลู่ได้”
หัวใจของเฉาหรงบีบรัดตัวแน่น คารวะกลับคืน “คารวะผู้อาวุโสสี่จู๋”
สหายลู่ที่คนผู้นี้เอ่ยถึงย่อมต้องเป็นอาจารย์ของตนแน่นอน
ก่อนหน้านี้มองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือสองครั้ง ครั้งแรกสัมผัสไม่ได้ถึงสิ่งใด ไม่มีความผิดปกติใดๆ เห็นได้ชัดว่าเฉินผิงอันไม่รู้ว่าตนลอบมองอยู่ไกลๆ
ครั้งที่สองเพียงชั่วพริบตานั้น เส้นเอ็นหัวใจของเฉาหรงก็บีบรัดตัวอย่างไม่มีสาเหตุ ประหนึ่งเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้มาจากเฉินผิงอัน แต่มาจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จากการเชื่อมโยงในจุดอื่นของลำคลองชางผู
เฉาหรงรีบแหกกฎทำนายดวงให้ตัวเอง ผลคือคำทำนายชวนให้คนตะลึงยิ่งนัก
ผู้ฝึกตน ‘หนุ่ม’ ที่ไม่มีบรรยากาศของยอดฝีมือแม้แต่น้อยตรงหน้าผู้นี้ หากไม่ผิดไปจากที่คาดต้องเป็นบินทะยานไม่ทราบนามบนยอดเขาสูงสุดของไพศาลแน่นอน
หรือว่าจะเป็นผู้ปกป้องมรรคาของเฉินผิงอันที่ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางส่งตัวมาให้อย่างลับๆ?
คืนนี้เฉาหรงเผยกาย เดิมทีก็เพราะอยากถามเรื่องของลู่เฉินผู้เป็นอาจารย์ ไม่ได้มีความหมายลึกล้ำอะไร
เป็นเหตุให้มาถึงอย่างรีบร้อนแล้วก็จากไปอย่างรีบร้อน ขอตัวลากับเฉินผิงอันและ ‘ผู้อาวุโสสี่จู๋’ คนนั้น
เสี่ยวโม่พลันหัวเราะออกเสียง “เฉาเซียนซือ ขอให้ข้าปากมากสักคำ มิตรภาพส่วนมิตรภาพ กฎเกณฑ์ส่วนกฎเกณฑ์ เรื่องทำนองนี้อย่าให้มีคราวหน้าอีก”
เฉาหรงพยักหน้ารับเบาๆ
รอกระทั่งเฉาหรงจากไปไกลแล้ว เสี่ยวโม่ก็ถามว่า “คุณชาย คำพูดเมื่อครู่นี้ของข้าไม่ไว้หน้ากันเกินไปหน่อยหรือไม่? จะเป็นที่ต้องสงสัยว่าใช้ความอาวุโสรังแกคนอื่นหรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่หรอก มีมาดของเซียนนอกโลกและมาดของยอดฝีมืออย่างมาก”
เซียนเหรินเฉาหรงในคืนนี้
และยังมีเผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่ที่พบเจอในใบถงทวีปก่อนหน้านี้
คนประหลาดมากความสามารถบนยอดเขาเหล่านี้ ยิ่งพบเจอก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เฉินผิงอันสลายกลิ่นเหล้าบนร่างทิ้งไป แล้วยังตบชายแขนเสื้อด้วย
เสี่ยวโม่ทำตาม จากนั้นถามว่า “นี่ก็เป็นขนบธรรมเนียมในงานเลี้ยงสุราของเมืองหลวงด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ พูดอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน!”
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!