หนึ่งในนั้นคือการเลือกของสุยโย่วเปียนที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพราะเป็นฝ่ายเลือกเจ้าอ้วนน้อยที่ชอบทำกับข้าวอย่างเฉิงเฉาลู่ กลายเป็นอาจารย์และศิษย์ก่อนใครคู่แรก แค่รอให้เจ้าขุนเขากลับมาที่บ้านเกิดก็จะเพิ่มชื่อลงไปบนทำเนียบของศาลบรรพจารย์แล้ว
ตอนนั้นเฉิงเฉาลู่อึ้งตะลึง ไม่รู้ว่าเหตุใดสุยโย่วเปียนถึงรับตนเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด ผลคืออาจารย์ในอนาคตแค่เอ่ยประโยคเดียว ซึ่งเป็นประโยคที่ตรงใจของเด็กชาย
‘อายุไม่มาก ออกหมัดอำมหิตมากพอ วันหน้าได้ทั้งฝึกกระบี่และฝึกวรยุทธ’
เฉิงเฉาลู่พลันรู้สึกว่าตนต้องรับคนผู้นี้เป็นอาจารย์จริงๆ
ชมเขาว่าอะไรล้วนไม่มีความหมาย ถึงอย่างไรตนเป็นอย่างไรจะยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือ? แต่ชมเขาว่ามีคุณสมบัติในการฝึกวรยุทธ เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
ดังนั้นทุกวันนี้เฉิงเฉาลู่จึงออกจากหอบูชากระบี่ติดตามสุยโย่วเปียนโดยสารเรือเฟิงยวนเดินทางไปที่ใบถงทวีปแล้ว
ต่อมาก็เป็นผู้คุมกฎฉางมิ่งที่ถูกใจเจ้าตัวน้อยโลภมากอย่างน่าหลันอวี้เตี๋ย ทั้งสองฝ่ายถูกชะตากันอย่างมาก
ชุยตงซานตั้งใจให้หมี่อวี้รับเหอกูเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด ผลกลายเป็นว่าเซียนกระบี่ใหญ่หมี่กับเจ้าเด็กตัวเท่าก้นผู้นี้ต่างก็ไม่ชอบขี้หน้ากัน
แต่เมื่อเทียบกับว่าที่อาจารย์และศิษย์อย่างชุยเหวยและอวี๋เสียหุยที่ชุยตงซาน ‘ชี้ขาด’ เลือกจับคู่ให้แล้วกลับยังดีกว่าหลายส่วน เพราะให้ตายอวี๋เสียหุยก็ไม่ยอมติดตามชุยเหวยจากไป
อันที่จริงชุยเหวยที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิด เวทกระบี่ไม่ถือว่าต่ำ สุยโย่วเปียนก็เพิ่งจะเป็นก่อกำเนิดไม่ใช่หรือ? อีกทั้งเวทกระบี่ของชุยเหวยยังซับซ้อนหลากหลาย พลังพิฆาตไม่อ่อนด้อย แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังเชี่ยวชาญการอำพรางกายด้วย
แต่อวี๋เสียหุยกลับดูแคลนผู้ฝึกกระบี่ที่พอข้าศึกบุกประชิดเมืองกลับหนีออกจากบ้านเกิดผู้นี้ จะให้กราบเขาเป็นอาจารย์ขอเรียนวิชา? ข้าไม่อยากขายหน้าหรอกนะ
คนทั้งกลุ่มมาที่หอบูชากระบี่ เฉินผิงอันเก็บเรือยันต์ กุมหมัดเอ่ยขออภัยอวี๋เยว่ “ให้ผู้ถวายงานอวี๋รอนานแล้ว”
รอนาน?
อวี๋เยว่มึนงงไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเพิ่งจะผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองกระมัง แต่ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าก็ยังกุมหมัดคารวะกลับคืน ยิ้มเอ่ยว่า “ที่ไหนกัน ภูเขาแห่งนี้กว้างใหญ่งดงาม ข้าเริ่มตัดใจจากไปไม่ได้แล้วน่ะสิ”
เฉินผิงอันเพิ่งจะรู้สึกตัวอย่างเชื่องช้าว่าตัวเองพูดผิดไป
เป็นเพราะว่าหลายวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไปจริงๆ ตนถึงได้รู้สึกเหมือนภาพลวงตาเช่นนี้
หมี่อวี้หัวเราะร่า “ตัดใจจากไปไม่ได้ก็อยู่ต่อซะสิ ใครกล้าไล่เซียนกระบี่ผู้เฒ่าอวี๋ไป ดูสิว่าข้าจะตอบตกลงด้วยหรือไม่?”
อวี๋เยว่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย
อย่าเห็นว่าในบรรดาผู้ฝึกกระบี่ท้องถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ บารมีอำนาจของเซียนกระบี่ใหญ่หมี่…ไม่ค่อยสูงเท่าใดนัก
ทว่าผู้ฝึกกระบี่ต่างถิ่นหลายคนต่างก็เคยเจอกับความยากลำบากไม่น้อยด้วยน้ำมือของหมี่อวี้
หนึ่งในนั้นก็มีผูเหอสหายเฒ่าของอวี๋เยว่ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยแย่ๆ ที่ปากเต็มไปด้วยอาจมของตาเฒ่าผูจะยินดีเอ่ยคำพูดที่คล้ายกับคำพูดดีๆ แทนหมี่อวี้บนโต๊ะเหล้าว่า ‘หมี่ผ่าเอวพลังพิฆาตไม่เบา’ หรือ? แม้ว่าอวี๋เยว่จะไม่รู้เรื่องวงในที่แน่ชัด แต่แค่ใช้ก้นคิดก็ยังรู้ว่าตาเฒ่าผูต้องเคยถูกหมี่อวี้ฟันมาก่อนแน่นอน
ใต้เท้าอิ่นกวานเหล่ตามองเซียนกระบี่ใหญ่หมี่
หมี่อวี้รีบคลี่ยิ้มให้อวี๋เยว่ทันใด “ผู้ถวายงานอวี๋ คนครอบครัวเดียวไม่พูดจาเป็นอื่น อย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ”
อวี๋เยว่ยิ้มเอ่ยอย่างสง่างาม “ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบานเดียวกัน เซียนกระบี่หมี่คิดมากแล้ว”
หมี่อวี้นินทาในใจไม่หยุด เจ้าน่ะสิถึงจะเป็นเซียนกระบี่ บ้านเจ้าทั้งบ้านนั่นแหละที่เป็นเซียนกระบี่
ไม่ใช่ว่าหมี่อวี้ชอบจดจำความแค้นชอบจดบัญชี แต่เป็นเพราะอวี๋เยว่ผู้นี้ ทุกครั้งที่เจอหน้ากันจะต้องเรียกเซียนกระบี่ อดทนกับเขามาไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว
ที่บ้านเกิด คนที่คู่ควรกับคำเรียกขานว่าเซียนกระบี่มีไม่มาก อีกทั้งเซียนกระบี่อย่างหมี่ฮู่ เยว่ชิงก็ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกว่าเซียนกระบี่เหมือนกัน ไม่สู้เรียกชื่อตรงๆ ยังดีเสียกว่า
ขอแค่ทนการทุบตี ทนการโดนซ้อมได้ เจอเฉินซีบนถนนหนทาง เรียกเขาว่าเหล่าเฉิน หรือเรียกต่งซานเกิงว่าตาเฒ่าต่ง หรืออาจถึงขั้นเรียกว่าเสี่ยวตงก็ยังไม่มีปัญหา
อวี๋เยว่บอกเฉินผิงอันเรื่องที่จะรับอวี๋ชิงจางและเฮ้อเซียงถิงเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม กำลังจะบอกว่าในเมื่อพวกเขายินดี ตนก็ไม่มีความเห็นต่างอะไรแล้ว
เพียงแต่หนิงเหยากลับมองไปยังเด็กสองคนนั้นและเปิดปากถามขึ้นมาก่อน “เหตุผล”
เด็กสองคนหน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นระริก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
หมี่อวี้ถอนหายใจ
เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอหนิงเหยา สมควรแล้วที่เด็กสองคนนี้จะใจฝ่อขลาดกลัว
เฉินผิงอันลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รบกวนการสนทนาระหว่างหนิงเหยากับผู้ฝึกกระบี่ร่วมบ้านเกิดคู่นี้
นอกจากเจ้าอ้วนน้อยเฉิงเฉาลู่ที่ไปใบถงทวีปแล้ว เด็กคนอื่นอีกแปดคนต่างก็มากันครบแล้ว เป็นอย่างที่ป๋ายเสวียนคาดการณ์ไว้ แม่นางน้อยสองคนอย่างน่าหลันอวี้เตี๋ยกับเหยาเสี่ยวเหยียนแทบจะเสียสติกันเลยจริงๆ
โดยเฉพาะซุนชุนหวังผู้นั้น พอได้พบหนิงเหยา แม่นางน้อยที่ไม่เคยมีสีหน้า หรือถึงขั้นที่ไม่เคยแสดงออกทางแววตาใดๆ กลับใบหน้าแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สองมือกำเป็นหมัดแน่น อยากจะพูดอะไรบางอย่างอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าเปิดปาก
เด็กพวกนี้ได้เห็นหนิงเหยาก็เหมือน...ได้กลับไปยังบ้านเกิด
ไม่ว่าเฉินผิงอันจะถูกมองเป็นคนบ้านเดียวกันแค่ไหน จะเป็นอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างไร แต่เมื่อเทียบกับหนิงเหยาแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นต่อให้จะเป็นถ้อยคำแบบเดียวกัน เป็นหลักการเหตุผลแบบเดียวกัน แต่พูดออกมาจากปากของหนิงเหยากับเฉินผิงอันเป็นคนพูด กลับกลายเป็นเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน
เฉินผิงอันกระแอมหนึ่งที พาพวกอวี๋เยว่ขยับเท้าเดินห่างออกไปด้วยกัน
เซียนเว่ยถอนหายใจ กลัดกลุ้มยิ่งนัก เจ้าตัวดี เจ้าขุนเขาเฉินมีภูเขาที่ใหญ่แค่นี้เองหรือ?
คนใต้อาณัติของเฉาเซียนซือมีแค่เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งเนี่ยนะ?
แปดเก้าในสิบส่วน ตนคงขึ้นเรือโจรมาแล้วเป็นแน่
แต่ไหนแต่ไรมาหนิงเหยาก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาอ้อมค้อม มีอะไรนางก็พูดอย่างนั้น จึงพูดคุยกับพวกเด็กๆ เสร็จอย่างรวดเร็ว
เฉินผิงอันเพิ่งเคยเห็นเด็กๆ ที่มีนิสัยประหลาดกลุ่มนั้นว่านอนสอนง่ายเหมือนกันหมดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือผู้ฝึกกระบี่เฒ่าอวี๋เยว่จะพาเด็กสองคนที่เป็นลูกศิษย์ในนามออกจากภูเขาลั่วพั่ว ข้ามทวีปเดินทางไกลไปด้วยกันในไม่ช้า
ซุนชุนหวังกลายมาเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของหนิงเหยา แต่ต้องอยู่ฝึกตนที่ใต้หล้าไพศาล จะไม่ติดตามหนิงเหยาไปที่นครบินทะยานด้วย
ส่วนนายท่านใหญ่ป๋ายเสวียน ในที่สุดวันนี้ก็ว่าง่ายแล้ว พูดจากับใต้เท้าอิ่นกวานอย่างหนักแน่นน่าเชื่อถือว่าช่วงนี้จะไม่ไปตั้งโต๊ะที่ศาลาแล้ว จะอยู่ที่หอบูชากระบี่ ตั้งใจฝึกกระบี่ให้ดี
จากนั้นเฉินผิงอันก็พานางไปจุดธูปคารวะที่ศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อ
เสี่ยวโม่กับเซียนเว่ยต่างก็ยังไม่ถูกรับเข้าทำเนียบอย่างเป็นทางการ วันนี้ก็ให้ผ่านไปก่อนแล้วกัน
เซียนเว่ยจะไม่ได้รับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานเหมือนเสี่ยวโม่ จะเป็นแค่เค่อชิงที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไรต่อให้เฉินผิงอันใจกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าเป็นผู้ถ่ายทอดมรรคาให้กับเซียนเว่ย
หากทำเช่นนี้จริง คาดว่าอาจถูกฟ้าผ่าได้ง่ายๆ
การกระทำโดยไม่เจตนาของมนุษย์ธรรมดา กับการกระทำโดยตั้งใจของผู้ฝึกตน เป็นความต่างราวฟ้ากับเหว
กุญแจของศาลบรรพจารย์อยู่ที่หน่วนซู่น้อย
คนทั้งกลุ่มจึงมารอกันอยู่ที่หน้าประตู เฉินหลิงจวินไปบอกข่าวให้เรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!