กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 890

เฉิน​ผิง​อัน​กับ​หนิง​เหยา​เดิน​กลับ​เมือง​เล็ก​ อำเภอ​ไหว​หวง​ที่​ไม่ได้​มีแค่​ที่ว่าการ​ผู้ตรวจการ​แห่ง​เดียว​อีกต่อไป​ คน​ทั้งสอง​เดินผ่าน​เหลา​สุรา​เก่าแก่​แห่ง​หนึ่ง​ กิน​อาณาบริเวณ​ไม่ใหญ่​ แต่กลับ​มีถึงสามชั้น​ ที่นี่​เคย​เป็น​สิ่งปลูกสร้าง​ที่สูง​ที่สุด​ของ​เมือง​เล็ก​ แต่​ชั้น​ที่สาม​ไม่เปิด​ให้​คนนอก​เข้า​

เฉิน​ผิง​อัน​เกิด​ความคิด​กะทันหัน​จึงบอ​กว่า​จะไป​ดื่มเหล้า​ข้างใน​ ยัง​ยิ้ม​เอ่ย​กับ​หนิง​เหยา​ว่า​ใน​อดีต​มีแค่​คนมีเงิน​ของ​ถนน​ฝูลู่​และ​ตรอก​เถาเย่​เท่านั้น​ถึงจะมาดื่มเหล้า​ที่นี่​ ไม่อย่างนั้น​ก็​เป็น​อาจารย์​ใน​เตาเผา​มังกร​ที่​จัด​งานเลี้ยง​สุรา​รับ​ลูกศิษย์​อยู่​ที่นี่​

ได้​พูดคุย​ที่​ศาล​เทพ​อัคคี​ของ​เมืองหลวง​ เฉิน​ผิง​อัน​ถึงเพิ่ง​รู้​ว่า​อันที่จริง​เหลา​สุรา​แห่ง​นี้​คือ​กิจการ​ของ​เฟิงอี๋​ ชั้น​สามก็​คือ​ที่พัก​ของ​นาง​

นอกจากนี้​เฟิงอี๋​ยัง​สะสมโฉนดที่ดิน​ไว้​ไม่น้อย​ นาง​ยัง​แพร่งพราย​ความลับ​สวรรค์​บอ​กว่า​เตาเผา​มังกร​ทั้งหลาย​ที่​ทุกวันนี้​กลายเป็น​เตา​ของ​ชาวบ้าน​แล้ว​ เกิน​ครึ่ง​ล้วน​อยู่​ในนามของ​สารถี​เฒ่า เวลา​ปกติ​สารถี​เฒ่าจะพัก​อยู่​ที่​ตรอก​เอ้​อห​ลาง​ ส่วน​ลู่​เหว่​ย​แห่ง​สำนัก​หยิน​หยาง​แผ่นดิน​กลาง​เอง​ก็​มีเรือน​อยู่​บน​ถนน​ฝูลู่​และ​ตรอก​เถาเย​่อยู่​หลาย​หลัง​

เฉิน​ผิง​อัน​เลือก​โต๊ะ​ที่อยู่​ติดกับ​หน้าต่าง​ สั่งเหล้า​มาแค่​กา​เดียว​ กา​เหล้า​กับ​ชามเหล้า​ล้วน​เป็น​เครื่องกระเบื้อง​ลายคราม​ที่​เผา​ใน​ท้องถิ่น​

หนิง​เหยา​ดื่มเหล้า​แค่​หนึ่ง​ชาม แต่กลับ​ไม่ได้​ห้ามไม่ให้​เฉิน​ผิง​อัน​ดื่มเหล้า​

เหลา​สุรา​แห่ง​นี้​ ใน​อดีต​เคย​มีแขก​ที่​หา​ยาก​ท่าน​หนึ่ง​มาเยือน​

แม้แต่​เถ้าแก่​ร้านเหล้า​ในนาม​ก็​ยัง​ไม่เห็น​เป็นจริงเป็นจัง​ แต่​เจ้าของ​เหลา​สุรา​ตัวจริง​อย่าง​เฟิงอี๋​กลับ​เคย​ถอนหายใจ​แผ่วๆ​

อาจารย์​ใน​โรงเรียน​ที่​เส้น​ผม​ตรง​จอนหู​สอง​ข้าง​เป็น​สีดอกเลา​ เคย​มาสั่งเหล้า​หนึ่ง​กา​และ​กับแกล้ม​สอง​สามจาน​ กิน​ดื่ม​อยู่​กับ​ตัวเอง​

และ​หาก​มอง​จาก​หน้าต่าง​ชั้นสอง​ของ​เหลา​สุรา​ออก​ไป​ก็​จะมองเห็น​กรอบ​ป้าย​หนึ่ง​ของ​ซุ้มป้าย​บน​ประตู​พอดี​ ไม่เกี่ยงงอน​ใน​สิ่งที่​พึงกระทำ​

ดื่มเหล้า​และ​กิน​อาหาร​เสร็จ​ เฉิน​ผิง​อัน​หน้าแดง​น้อย​ๆ แต่​ดวง​ตากลับ​เจิดจ้า​สว่างไสว​ เขา​ยืน​อยู่​ตรง​หน้าต่าง​ มอง​ไป​ทาง​ซุ้มประตู​หิน​ครู่หนึ่ง​ พอ​ถอน​สายตากลับ​มาแล้วก็​ลง​จาก​เหลา​สุรา​ย้อนกลับ​ไป​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​พร้อมกับ​หนิง​เหยา​

เรือน​ทาง​ทิศตะวันตก​สุด​เป็น​บ้าน​ของ​ห​ลี่​ไหว​ เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ที่นี่​ยัง​จัด​งานเลี้ยง​สุรา​มงคล​ เป็น​ห​ลี่​หลิ่ว​ที่​แต่งงาน​ให้​กับ​บัณฑิต​จาก​ต่างถิ่น​ ว่า​กัน​ว่า​เป็น​คุณชาย​จาก​ตระกูล​ขุนนาง​ ทำให้​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​มีหน้ามีตา​ครั้ง​ใหญ่​ ไม่ด่า​ใคร​แล้ว​ ช่วงเวลา​นั้น​สตรี​ออกเรือน​แล้ว​ชอบ​ออก​ไป​เดินเล่น​เป็น​ที่สุด​ เจอ​ใคร​ก็​ยิ้ม​ให้​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ศัตรู​บ้านใกล้เรือนเคียง​จำนวน​ไม่น้อย​ที่​เคย​ทะเลาะ​โต้เถียง​กัน​หรือ​ถึงขั้น​เคย​ข่วน​หน้า​กัน​มาก่อน​ เพียงแต่ว่า​เวลานี้​คน​ทั้ง​ครอบครัว​ได้​ย้าย​กลับ​ไป​ที่​อุตรกุรุทวีป​อีกครั้ง​แล้ว​

หนิง​เหยา​ประหลาดใจ​อยู่​บ้าง​ คิดไม่ถึง​ว่า​ห​ลี่​หลิ่ว​จะแต่งงาน​กับ​ใคร​ เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ดูเหมือน​จะเป็นการ​ตัด​บุพเพ​ของ​ชาติก่อน​ สะบั้น​เรื่องราว​ใน​โลก​โลกีย์​ นับ​จากนี้​ตั้งใจ​ฝึก​ตน​ เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ย่อม​มีปัญหา​ไม่มาก​”

หนิง​เหยา​กะพริบตา​ปริบๆ​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​อ่อนใจ​ “ข้า​เอง​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​”

หนิง​เหยา​เอียง​ศีรษะ​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ข้า​บอ​กว่า​ข้า​ไม่รู้​ว่า​เจ้ากำลัง​คิด​อะไร​อยู่​”

อันที่จริง​ใน​นี้​ได้​ซ่อน​ความลับ​อย่างหนึ่ง​เอาไว้​ ต่งสุ่ย​จิ่งและ​หลิน​โส่ว​อี​ถึงยัง​ไม่ตัดใจ​อย่าง​สิ้นเชิง​ หรือ​ควรจะ​พูดว่า​พวกเขา​สอง​คน​ถึงได้​ไม่เอา​ถุงผ้าป่าน​ไป​ครอบ​หัว​เจ้าตะพาบ​ผู้​นั้น​

เพียงแต่ว่า​เรื่อง​แบบนี้​ไม่เหมาะ​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​จะพูด​ออกมา​จริงๆ​ ความจริง​น่ะ​หรือ​ น่าจะ​มีแค่​ทาง​นิตินัย​ แต่​ไม่มีใน​ทาง​พฤตินัย​ ส่วน​บัณฑิต​ผู้​นั้น​จะคิด​อย่างไร​ สวรรค์​เท่านั้น​ที่​รู้​

วันนี้​โต๊ะ​ตัว​หนึ่ง​บน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ครึกครื้น​อย่างยิ่ง​ คน​นั่ง​กัน​จน​เต็มโต๊ะ​

ตำแหน่ง​ประธาน​ที่นั่ง​หันหน้า​เข้าหา​ประตู​เป็น​เฉิน​ผิง​อัน​กับ​หนิง​เหยา​ที่นั่ง​อยู่​

จูเหลี่ยน​ เหวย​เห​วิน​หลง​และ​จางเจีย​เจิน​ที่​ดูแล​ห้อง​บัญชี​

หมี่​อวี้​ เสี่ยว​โม่ เซียน​เว่ย​

ตำแหน่ง​ท้ายสุด​ที่นั่ง​หันหลัง​ให้​ประตู​คือ​เฉินห​ลิง​จวิน​ หมี่​ลี่​น้อย​ เฉินหน่วน​ซู่

ก่อนหน้านี้​พ่อครัว​เฒ่าทำอาหาร​ง่วน​อยู่​ใน​ห้องครัว​ หน่วน​ซู่และ​หมี่​ลี่​น้อย​ต่าง​ก็​ช่วย​เลือก​ผัก​ ช่วย​กระพือ​ลมใส่​เตาไฟ​ เสี่ยว​โม่รับผิดชอบ​ยก​อาหาร​ขึ้นโต๊ะ​

ทำเอา​เซียน​เว่ย​ที่​มองดู​อยู่​ส่ายหน้า​ เสี่ยว​โม่ผู้​นี้​ไม่เห็น​ตัวเอง​เป็น​คนนอก​เลย​จริงๆ​ ก็​จริง​นะ​ ตน​ก็​ไม่ใช่คนนอก​ อีก​เดี๋ยว​ก็​จะได้​เป็น​พี่น้อง​ร่วม​สาบาน​กับ​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​และ​เฉินห​ลิง​จวิน​แล้ว​ รอ​แค่​พี่ใหญ่​เจี่ย​เลือก​วัน​ฤกษ์​งามยา​มดี​ พวกเขา​สามคน​ก็​จะตัดหัว​ไก่​เผา​กระดาษ​เหลือง​ที่​ตรอก​ฉีหลง​กัน​แล้ว​ ก่อนหน้านี้​ตอน​อยู่​บน​โต๊ะ​เหล้า​ เฉินห​ลิง​จวิน​ตบ​ไหล่เขา​จน​ปวด​ แต่​ไม่เป็นไร​ ล้วน​เป็น​พี่น้อง​ที่​ดี​ต่อกัน​ อีก​อย่าง​เฉินห​ลิง​จวิน​ก็​ตบ​อก​รับประกัน​แล้ว​ว่า​น้อง​เซียน​เว่ย​เจ้ารอ​ไป​ก่อน​เถอะ​ มีสุข​ร่วม​เสพ​ รับรอง​ว่า​ได้​กิน​ของ​อร่อย​ๆ แน่นอน​ วันหน้า​ขอ​แค่​มีงานเลี้ยง​สุรา​ หาก​ครั้ง​ใด​ที่​บน​โต๊ะ​มีกลับ​แกล้ม​แค่​สอง​สามอย่าง​ก็​ถือว่า​เขา​เฉินห​ลิง​จวิน​ไร้​คุณธรรม​ใน​ยุทธ​ภพ​ ปฏิบัติ​ต่อ​พี่น้อง​ไม่ดี​พอ​!

ตอนนั้น​พี่ใหญ่​เจี่ยตบ​โต๊ะ​ อยู่ดีๆ​ ก็​ด่า​ขึ้น​มาว่า​ผายลม​มารดา​เจ้าน่ะ​สิ ทำเอา​เซียน​เว่ย​ตกใจ​จน​เกือบจะ​สร่าง​เมา กลับ​กลายเป็น​ว่า​เฉินห​ลิง​จวิน​ผู้​นั้น​ลุกขึ้น​ยืน​บน​ม้านั่ง​ สอง​มือ​เท้า​เอว​ หัวเราะ​ฮ่าๆ

ที่แท้​เซียน​เว่ย​ก็​ตกใจ​ไป​เอง​ เนื่องจาก​เพียง​ไม่นาน​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ก็​เอ่ย​สอง​สามประโยค​อย่าง​คน​ปาก​เร็ว​ใจถึง บอ​กว่า​น้อง​เฉิน​เจ้าดูแคลน​ร้าน​ฉ่าว​โถว​ของ​ข้า​หรือ​ หรือว่า​รังเกียจ​ฝีมือ​การ​ทำกับข้าว​ของ​ข้า​กัน​แน่​? ดื่มเหล้า​ต่อให้​ดื่ม​เมาแค่​ไหน​ก็​ไม่อาจ​คุยโว​ส่งเดช​ได้​ เทียบ​กับ​ผู้ดูแล​ผู้เฒ่า​จูของ​บน​ภูเขา​ไม่ได้​ นั่น​มัน​แน่​อยู่แล้ว​ แต่​มาตรฐาน​ใน​การ​ทำ​กับแกล้ม​สอง​สามจาน​ของ​ข้า​เจี่ยเฉิง​ เหลา​สุรา​ใน​เมือง​เล็ก​มีพ่อครัว​ใหญ่​สัก​กี่​คน​ที่​เทียบ​ข้า​ได้​?! หา​?!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​เจี่ย​ยัง​ลาก​คำ​ว่า​ ‘หา​’ ยาว​ๆ อีกด้วย​ ทำเอา​เซียน​เว่ย​ฟังแล้ว​อบอุ่น​ไป​ทั้ง​หัวใจ​

นี่​ต่างหาก​จึงจะเป็น​ยุทธ​ภพ​และ​งานเลี้ยง​สุรา​ที่​ตัวเอง​ใฝ่ฝัน​หา​

ส่วน​วันนี้​เวลานี้​น่ะ​หรือ​ ขาด​ความหมาย​ไป​เล็กน้อย​ แต่​รสชาติ​อาหาร​ของ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​จูกลับ​สุดยอด​ไป​เลย​จริงๆ​

อีก​อย่าง​ก็​คือ​ไม่ต้อง​มีใคร​คอย​ทำตัว​สำรวม​ แล้วก็​ไม่มีพิธีการ​ยิบ​ย่อย​ที่​ต้อง​คารวะ​สุรา​ให้​แก่​กันและกัน​อะไร​ ใคร​ที่​ดื่มเหล้า​ได้​ก็​ดื่ม​ กินข้าว​ก็​กิน​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ไม่มีข้อ​พิถีพิถัน​ส่งเดช​ที่​บอ​กว่า​ยาม​นอน​ไม่คุย​ยาม​กิน​ไม่พูด​อีกด้วย​

จูเหลี่ยน​จิบ​เหล้า​เสียงดัง​ซู้ด​ แล้ว​ยิ้ม​ถาม “น้อง​เสี่ยว​โม่ นักพรต​เซียน​เว่ย​ พอ​จะกินกัน​ได้​หรือไม่​?”

เซียน​เว่ย​จ้วง​ตะเกียบ​เร็ว​ราวกับ​บิน​ ก้มหน้า​เอ่ย​ “กิน​ได้​สิ ต้อง​ได้​แน่​อยู่แล้ว​”

เสี่ยว​โม่ไม่ได้​พูด​อะไร​ เพียงแค่​ถือ​จอก​เหล้า​ด้วย​สอง​มือ​ เงยหน้า​กระดก​ดื่ม​รวดเดียว​หมด​ จากนั้น​ค่อย​คว่ำ​จอก​เหล้า​ลง​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจถามจูเหลี่ยน​ “ทำไม​เฉิน​ยวน​จีถึงไม่มาล่ะ​? นาง​กลัว​ว่า​คน​เยอะ​จะไม่มีที่นั่ง​หรือ​?”

เจี่ยงชวี่​กำลัง​ปิด​ด่าน​ฝึก​ตน​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงไม่ได้​บอก​ให้​จูเหลี่ยน​เรียก​เขา​มา

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​อธิบาย​ “ไม่ใช่ ทุกวัน​นาง​จะกิน​อาหาร​แค่​สอง​มื้อ​คือ​เช้าและ​เย็น​แบบ​ที่​ฟ้าผ่า​ก็​ไม่สะเทือน​ อีก​ทั้ง​ยัง​กิน​อาหาร​ที่​เป็น​ยา​ วันนี้​เวลา​กิน​อาหาร​ของ​พวกเรา​ไม่ตรง​กับ​ของ​นาง​ นาง​จึงไม่มา สตรี​นี่​นะ​ ต่อให้​ฟ้าไม่กลัว​ดิน​ไม่เกรง​แค่​ไหน​ก็​กลัว​คำ​ว่า​อ้วน​อยู่ดี​ อีก​อย่าง​ข้า​ก็​บอก​นาง​แล้วด้วย​ นาง​บอ​กว่า​วันหน้า​จะต้อง​เลี้ยง​อาหาร​เจ้าขุนเขา​กับ​ฮูหยิน​เจ้าขุนเขา​โดยเฉพาะ​เพื่อ​แสดง​การ​ขอบคุณ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ได้ยิน​ก็​หลุด​ขำ​อย่า​งอด​ไม่อยู่​ “ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ก็ได้​พึ่ง​บารมี​แล้ว​”

นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงใช้เสียง​ใน​ใจถามต่อว่า​ “ทุกวันนี้​พ่อแม่​ของ​เฉิน​ยวน​จีอายุ​เท่าไร​กัน​แล้ว​ ทั้งสอง​ยัง​สุขภาพ​แข็งแรง​ดี​อยู่​ไหม​? คราว​ก่อนที่​กลับ​บ้านเกิด​ ข้า​ได้ยิน​หมี่​ลี่​น้อย​เล่า​ให้​ฟังว่า​ท่าน​แม่ของ​เฉิน​ยวน​จีป่วย​โดน​ลม​เย็น​”

จูเหลี่ยน​กล่าว​ “ก่อนหน้านี้​ตง​ซาน​แสร้ง​ปลอมตัว​เป็น​หมอ​ไป​ช่วย​ตรวจดู​ให้​แล้ว​ ไม่เป็นอะไร​มาก​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “ต้อง​คอย​ใส่ใจให้​มาก​”

จูเหลี่ยน​ผงกศีรษะ​รับคำ​

กิน​อาหาร​ด้วยกัน​แล้ว​หนึ่ง​มื้อ​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ให้​หน่วน​ซู่กับ​หมี่​ลี่​น้อย​ช่วย​นำทาง​ ต้องการ​ไป​เยือน​เรือน​พัก​ของ​เผย​เฉียน​

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​กระเป๋า​ผ้าฝ้าย​ของ​ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​แล้ว​ยิ้ม​ถาม “เมล็ด​แตง​ทอง​ถุงใหญ่​ใบ​นั้น​ล่ะ​? หนัก​เกินไป​ก็​เลย​ไม่ได้​พก​ออกจาก​บ้าน​ด้วย​หรือ​?”

แม่นาง​น้อย​ตบ​กระเป๋า​ที่รัก​ อธิบาย​ให้​เจ้าขุนเขา​คนดี​ฟังเสียง​เบา​ “ด้านใน​ ‘เมืองหลวง​สำรอง​’ แห่ง​นี้​ ได้​แค่​ให้​กองทัพ​ส่วนหนึ่ง​ปักหลัก​ประจำการ​แค่​ชั่วคราว​ คอย​ติดตาม​ข้า​กรีฑา​ทัพ​ขึ้น​เหนือ​ลง​ใต้​เท่านั้น​ กองกำลัง​หลัก​ให้​รอคอย​อยู่​ที่อื่น​ ยัง​ไม่เคลื่อน​ทัพ​”

มีเมืองหลวง​สำรอง​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​มีเมืองหลวง​ ก็​คือ​กระปุก​กระเบื้อง​ลายคราม​ที่​นาง​ เผย​เฉียน​และ​หน่วน​ซู่ต่าง​ก็​มีกัน​คนละ​ใบ​ เป็น​พ่อครัว​เฒ่าที่​มอบให้​พวก​นาง​ทั้ง​สามคน​

บทที่ 890.1 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์ 1

บทที่ 890.1 อะไรคือห่มดาวสวมจันทร์ 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!