ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าต้องมาพบเจ้าขุนเขาท่านนี้ อันที่จริงเฉายางก็ถึงกับอึ้งตะลึงไป ในสมองเหมือนมีแต่แป้งเปียก
หากไม่เป็นเพราะจากภูเขาด้านหลังมายังหน้าผาเรือนไม้ไผ่แห่งนี้ต้องเดินเป็นระยะทางช่วงใหญ่ซึ่งพอจะทำให้นางสงบจิตใจได้บ้าง คาดว่ามาถึงที่นี่คงต้องเสียกิริยาแล้ว
เฉินผิงอันไม่ได้พูดคุยอะไรกับพวกเขามากนัก หลังจากพวกเขาจากไป เขาก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะบอกให้ผู้คุมกฎฉางมิ่งเรียกเผยเฉียนที่อยู่ในพื้นที่มงคลรากบัวกลับมาที่ภูเขาลั่วพั่ว บอกว่าตนรอนางอยู่ที่ชั้นสองของเรือนไม้ไผ่
เดินขึ้นบันไดไปถึงระเบียงของชั้นสอง เฉินผิงอันนั่งลงตรงหน้าประตู ถอดรองเท้าผ้าวางไว้ด้านนอก
เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเผยเฉียนแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าร่วมงานพิธีของภูเขาตะวันเที่ยง เผยเฉียนเอ่ยประโยคหนึ่งบอกว่ากลับภูเขาลั่วพั่วมาแล้วจะฝ่าทะลุขอบเขต แต่ผลกลับกลายเป็นว่าถ่วงเวลามาครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้จะบอกว่าเพิ่งจะห่างจากครั้งก่อนมาได้ไม่นาน แต่เฉินผิงอันก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ในฐานะผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ถึงกับเลือกจะกดขอบเขตเอาไว้
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าคนหนึ่งสามารถฝ่าคอขวดไปได้แล้วแต่กลับสยบกำราบเอาไว้ หากไม่ทันระวังจะกลายมาเป็นภัยแฝงที่ใหญ่หลวงมาก
ใครมอบความกล้านี้ให้เจ้า?
อาจารย์พ่ออย่างข้าหรือ?
เฉินผิงอันเดินเข้าไปในห้อง ด้านในว่างเปล่าไร้สิ่งใด เขาเริ่มหลับตาทำสมาธิ
ในอดีตเดินทางท่องเที่ยวไปในอุตรกุรุทวีปเพียงลำพัง อยู่ดีๆ ก็ถูกถามหมัด ตอนนั้นเฉินผิงอันเกือบเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองต้องตายแล้ว
คนที่ถามหมัดกับตนโดยไม่แยกแยะถูกผิดก็คือผู้ดูแลเฒ่าแห่งหมู่บ้านภูเขาซ่าเส่าที่เปลี่ยนชื่อแซ่เป็นอู๋เฝิงเจี่ย นามจริงคือกู้โย่ว คนของราชวงศ์ต้าจ้วน
หนึ่งในผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางท้องถิ่นสามคนของอุตรกุรุทวีปในอดีต เคยใช้สองหมัดต่อยให้พวกเซียนซือของแคว้นใต้อาณัติหลายสิบแคว้นถอยร่น ทุกคนล้วนถูกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่บุกเดี่ยวคนนี้ขับไล่ออกไปจากอาณาเขต
และกู้โย่วก็ยิ่งเป็นบรรพบุรุษแห่งหมัดเขย่าขุนเขา
ปีนั้นตอนที่ตนรับหมัด ใช้ท่าเดินนิ่งของหมัดเขย่าขุนเขาปล่อยหมัดออกไปเกือบหนึ่งล้านหกแสนครั้ง
เพื่อหยั่งเชิงความตื้นลึกของตน กู้โย่วในเวลานั้นออกหมัดหนักหน่วงมาก เหตุผลหลักการก็ยิ่งหนักมากกว่า
ผู้เฒ่าเคยเอ่ยว่าวิชาหมัดแบบตายตัวพันหมื่นวิชาปล่อยปณิธานหมัดที่มีชีวิตอย่างหนึ่งออกไป นั่นต่างหากจึงจะเป็นการฝึกหมัดที่แท้จริง
แน่นอนว่ากู้โย่วยังเอ่ยถ้อยคำห้าวเหิมที่สอดคล้องกับการเป็นบรรพบุรุษของหมัดเขย่าขุนเขาและผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางอย่างมาก
ความหมายคร่าวๆ ก็คือเขาไม่พูดถึงว่าวิชาหมัดของชุยเฉิงสูงหรือต่ำ ทว่าความสามารถในการป้อนหมัดช่างธรรมดาจริงๆ หากเปลี่ยนมาเป็นเขารับรองว่าเฉินผิงอันจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกๆ ขอบเขต!
เฉินผิงอันเก็บความคิดทั้งหลายกลับคืนมา ลืมตาขึ้น
เผยเฉียนมาแล้ว
นางถอดรองเท้าอยู่ตรงหน้าประตู เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางลังเลใจ
เฉินผิงอันม้วนชายแขนเสื้อ เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ข้าไม่กดขอบเขต แบ่งแพ้ชนะกัน”
เผยเฉียนเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ขยับตัว
เฉินผิงอันทำเหมือนปีนั้นที่ตนเองถามหมัดกับกู้โย่ว สองเข่างอลงเล็กน้อย บิดหมุนข้อมือ หมัดหนึ่งหันเข้าหาตัว อีกหมัดหนึ่งปล่อยออกไปเบื้องหน้า เอ่ยเนิบช้าว่า “ข้าจะใช้หมัดเขย่าขุนเขาถามหมัดกับเจ้า”
สีหน้าของเผยเฉียนเลื่อนลอยไปเล็กน้อย เหม่อมองอาจารย์พ่อของตัวเอง
อาจารย์พ่อที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุดกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างเดือดดาล “เผยเฉียน หากรับมือกับศัตรู ป่านนี้เจ้าก็ตายไปแล้ว!”
เผยเฉียนไม่พูดอะไร และบนร่างของนางก็ไม่มีปณิธานหมัดมารวมตัวกัน
เฉินผิงอันกระทืบเท้า เรือนไม้ไผ่ทั้งหลังสั่นสะเทือนตามไปด้วย หมัดหนึ่งพุ่งมาตรงหน้าเผยเฉียนอย่างว่องไวราวสายฟ้าแลบ
เผยเฉียนแค่ถอยหลังไปสองก้าว เอนหลังพิงกำแพง เฉินผิงอันเกือบจะต่อยลงบนหน้าผากของนาง เขาฝืนดึงหมัดกลับมา ทั้งโมโหทั้งขัน สุดท้ายก็เหลือเพียงความสงสาร เอ่ยอย่างจนใจว่า “ช่างเถิด”
เผยเฉียนยิ้มกว้าง
เฉินผิงอันงอสองนิ้ว เขกมะเหงกจนเผยเฉียนต้องกุมหัว
เห็นว่าอาจารย์พ่อเดินไปที่หน้าประตู นั่งลงสวมรองเท้าผ้า เผยเฉียนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันใด วิ่งไปนั่งลงข้างกายอาจารย์พ่อ พูดกลั้วเสียงหัวเราะเบาๆ ว่า “อาจารย์พ่อ ข้าบอกตามตรงนะ หากแบ่งแพ้ชนะกันจริงๆ น้อยสุดสามหมัด มากสุดห้าหมัดก็ยุติแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าก็รู้ด้วยหรือ?”
การประลองฝีมือกันในปีนั้น ผู้อาวุโสกู้โย่วทั้งถามหมัด แล้วก็ทั้งถ่ายทอดวิชาหมัด
หมัดเขย่าขุนเขาของข้า หมัดที่หนักที่สุดใช้ต่อกรกับศัตรู หมัดหนึ่งรักษาเจตนารมณ์เดิม เป็นเหตุให้ต่อให้ศัตรูที่ต้องเผชิญหน้าคือบรรพจารย์สามลัทธิ ขอแค่ปณิธานหมัดไม่แหลกสลาย คนตายไปแล้วก็ยังออกหมัดได้อีกครั้ง!
ต้องรู้ว่านี่คือการตระหนักรู้ตอนที่ผู้อาวุโสกู้โย่วอยู่ในขอบเขตเจ็ด
เฉินผิงอันหันไปมองห้องชั้นสองที่ว่างเปล่า อันที่จริงสัจธรรมแห่งหมัดของท่านปู่ชุยก็สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า ‘เบื้องหน้าไร้คน’ เฉินผิงอันถึงขั้นไม่รู้สึกว่าต่อให้ชีวิตนี้ตนฝึกหมัดอีกมากแค่ไหนก็จะสามารถคิดสัจธรรมทำนองเดียวกันนี้ออกมาได้ หรือสามารถเขียนคำนำของตำราหมัดแบบเดียวกับที่ผู้อาวุโสกู้โย่วเขียนออกมาได้
แน่นอนว่าก็ไม่จำเป็นต้องดูแคลนตัวเอง เวทกระบี่ก็คือวิชาหมัด ก็เหมือนอย่างเศษจันทร์ที่หากเอามาใช้กับวิชาหมัด พลานุภาพก็ไม่มีทางน้อยเป็นแน่
เฉินผิงอันสวมรองเท้าผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่ได้ลุกขึ้นยืน เขาเพียงแค่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูอย่างนั้น
เผยเฉียนรู้สึกใจฝ่อเล็กน้อย ถามหยั่งเชิงว่า “อาจารย์พ่อ มีเรื่องในใจหรือ?”
เฉินผิงอันยื่นเมล็ดแตงส่วนหนึ่งส่งให้เผยเฉียน เอ่ยว่า “ข้าที่เป็นอาจารย์พ่อ คงไม่ใช่ว่าแค่จะป้อนหมัดให้กับลูกศิษย์สักครั้งก็คงไม่ได้กระมัง?”
เผยเฉียนกะพริบตาปริบๆ “อาจารย์พ่อเคยป้อนหมัดอย่างเป็นทางการด้วยหรือ?”
นางเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “มีเพียงสอนหมัดไม่หยุด ข้าที่มองดูอยู่ข้างๆ ล้วนจำได้แล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ถือว่าลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาคนนี้ผ่านด่านแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนางเรื่องที่เมื่อครู่นี้ไม่ยอมรับหมัดแล้ว
เผยเฉียนแทะเมล็ดแตง มองผ่านราวรั้วไผ่เขียวไปยังทะเลเมฆที่อยู่นอกภูเขาลั่วพั่ว
เฉินผิงอันเอ่ย “หากตอนนั้นข้าอยู่บนภูเขาก็คงมีแต่จะถ่วงรั้งการฝึกหมัดของเจ้า”
ตนต้องไม่มีทางทนมองได้แน่นอน ไม่แน่ว่ามากสุดก็อาจจะหาข้ออ้างหลบไปอยู่ที่ตรอกฉีหลงด้วยซ้ำ
อีกทั้งขอแค่อาจารย์พ่ออย่างตนอยู่บนภูเขา ปีนั้นถ่านดำน้อยก็คงไม่มีความกล้านั้นกระมัง
เผยเฉียนกล่าว “อาจารย์พ่อ เฉาสือร้ายกาจมากจริงๆ เลยนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้า “รูปโฉมก็หล่อเหลาด้วย”
อาจารย์และศิษย์สองคนหัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างรู้ใจกันดียิ่ง
เฉินผิงอันเก็บเปลือกเมล็ดแตงของคนทั้งสองไว้ในฝ่ามือ ลุกขึ้นยืน โยนทิ้งไปยังก้อนเมฆขาวนอกหน้าผาเบาๆ
นามแฝงว่ากู้โย่วนั้น อันที่จริงเป็นชื่อของคนอื่น เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่คนหนึ่งที่ออกท่องยุทธภพซึ่งตายไปเพียงเพราะช่วยเหลือขอทานข้างทางคนหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากที่กู้โย่วมีชื่อเสียง ขอแค่ออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอกแล้วต้องถามหมัดกับผู้ฝึกยุทธบนยอดเขาก็มักจะใช้ชื่อนี้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ปีนั้นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสี่ต้องทิ้งชีวิตเพียงเพื่อเด็กคนหนึ่งที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยหนองเละเทะ ไม่ได้…ไร้ค่าถึงเพียงนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!