แม้จะบอกว่าทุกวันนี้เฉินผิงอันต้องมีชีวิตที่ไม่เลวแน่นอน สามารถร่วมมือทำการค้ากับซานจวินขุนเขาเหนือได้แล้ว ท่าเรือหนิวเจี่ยวที่เงินทองไหลมาเทมาแห่งนั้น ได้ยินว่าเฉินผิงอันก็ได้รับส่วนแบ่งด้วย
แต่ในวงการขุนเขาสายน้ำมีข้อห้ามมากมาย ข้อพิถีพิถันเยอะ แล้วนับประสาอะไรกับที่เหนียงเนียงเทพวารีท่านนั้น หากอิงตามทำเนียบหยกทองที่ราชสำนักต้าหลีในอดีตป่าวประกาศแก่ทั้งทวีปก็เป็นถึงขั้นสี่ชั้นโท ถือว่าสูงมากแล้ว
แล้วก็เพราะว่าอยู่ในอาณาเขตของหลงโจวถึงไม่สะดุดตามากนัก ไม่อย่างนั้นหากเอาไปวางไว้ในวงการขุนเขาสายน้ำของแคว้นเล็กใต้อาณัติ นั่นก็เท่ากับเป็นขุนนางใหญ่ในพื้นที่ศักดินาคนหนึ่งได้เลย
บุรุษยังคงยืนกรานในความคิดของตัวเอง “แค่ส่งข่าวไปแจ้งจวนวารีก็พอ ข้าจะรอเหนียงเนียงเทพวารีอยู่ที่นี่”
สตรีออกเรือนแล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเด็กหนุ่มแห่งตรอกหนีผิงจะไม่ได้เป็นเช่นนี้
เฉินผิงอันไม่สะดวกจะอธิบายอะไรมาก หากตนตรงไปที่จวนวารี นางที่เป็นคนเฝ้าศาลก็เท่ากับเสียเปล่าแล้ว
แต่หากให้นางส่งกระบี่บินไปแจ้งข่าว เย่ชิงจู๋ก็ต้องเห็นแก่หน้านาง เหนียงเนียงเทพวารีผู้นี้จึงจะรู้สึกว่าการที่ให้เจ้ามาเป็นคนเฝ้าศาลไม่ได้เสียเปล่า
เฉินผิงอันนั่งลงบนขั้นบันไดนอกประตูของศาลเทพวารี
หมี่ลี่น้อยเกาแก้ม ไหล่ลู่คอตก ซึมกะทือไร้ชีวิตชีวา
รู้สึกว่าตัวเองสร้างปัญหาให้เจ้าขุนเขาคนดีอีกแล้ว
อันที่จริงแรกเริ่มนางก็แค่อยากไปเที่ยวเล่นที่เมืองหงจู๋เท่านั้น จากนั้นก็กลับบ้านกันได้แล้ว
แต่เจ้าขุนเขาคนดีกลับเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมตอบตกลง จะให้นางกอดขาไม่ยอมให้เขาเดินเหมือนอย่างปีนั้นก็คงไม่ได้กระมัง อาจารย์เสี่ยวโม่ก็อยู่ข้างๆ ด้วยนะ
เสี่ยวโม่ไม่ได้นั่งลงข้างกายเฉินผิงอัน แต่นั่งอยู่ด้านขวาสุด
เมื่อเป็นเช่นนี้หมี่ลี่น้อยจึงนั่งอยู่ตรงกลาง
บนผิวน้ำมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมา เหนียงเนียงเทพวารีเย่ชิงจู๋มาที่ศาลบ้านตัวเองเพียงลำพัง นางหน้าซีดขาวเล็กน้อย มิอาจปกปิดสีหน้าตื่นตระหนกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นว่าที่หน้าประตูศาลบ้านตัวเองมีบุรุษชุดเขียวนั่งอยู่บนขั้นบันได ก็ยิ่งเสียวสันหลังวาบ
เย่ชิงจู๋ยิ้มอย่างฝืดฝืน เอ่ยกับสตรีคนเฝ้าศาลว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะคุยธุระกับอาจารย์เฉิน”
สตรีคนเฝ้าศาลมึนงง จะพูดคุยกัน ทำไมถึงเข้าไปคุยกันในศาลไม่ได้? ไม่ต้องพิถีพิถันเรื่องวิถีของการรับรองแขกบ้างเลยหรือ? ตนจะได้เตรียมผลไม้และสุรามาให้
เพียงแต่นางหรือจะกล้าทักท้วงเหนียงเนียงเทพวารี จึงเดินกลับเข้าไปในศาล หลังจากเดินข้ามธรณีประตูไปแล้วนางก็แอบหันไปมองแผ่นหลังของคนชุดเขียวผู้นั้น
สตรีพลันรู้สึกผิดหวังอีกเล็กน้อย
หลายปีที่ผ่านมานี้ บางครั้งนางก็คิดว่าหากวันใดได้กลับมาพบเจอกับเด็กหนุ่มตรอกหนีผิงในอดีตอีกครั้ง อีกฝ่ายจะรู้สึก…เสียดายบ้างหรือไม่นะ?
เพียงแต่ความคิดเล็กๆ น้อยๆ นี้ของนางแค่บังเกิดขึ้นในทะเลสาบหัวใจก็หล่นร่วงกลับลงไปดังเดิม ถึงท้ายที่สุดก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันก็วางใจได้ด้วย
คนวัยเดียวกันของตรอกหนีผิงในปีนั้น คงจะเป็นดั่งคำว่าคนดีต้องได้ดีตอบแทนจริงๆ ในที่สุดก็ไม่ต้องมีชีวิตที่ยากลำบากเช่นนั้นอีกแล้ว
เพราะตอนที่สตรีออกเรือนแล้วยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงาน ในขณะที่มารดาและบุตรสาวสองคนปะชุนเสื้อผ้าภายใต้แสงตะเกียงก็เคยพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปด้วย
ล้วนเป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง พูดไปพูดมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไปถึงเด็กหนุ่มที่ไปเป็นลูกศิษย์ของเตาเผาเสียได้ เขามักจะมาช่วยบ้านพวกนางทำงานในนาบ่อยๆ ทุกครั้งจะต้องเป็นฝ่ายเปิดปากพูดเองเสมอ หรือไม่ช่วงที่ยุ่งอยู่กับการทำนา เขาก็จะมัก ‘บังเอิญ’ เดินผ่านที่นาของพวกนางพอดี อีกทั้งพอถึงช่วงที่ต้องแย่งน้ำเข้านา ไร่นาของครอบครัวนางกลับไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องน้ำ ครอบครัวทั่วไป ตอนกลางคืนไปที่ข้างคันนารอบสองรอบก็ดีว่าดีมากแล้ว แต่กลับมีคนอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขามักจะเฝ้าอยู่ข้างคันนาตลอดทั้งคืน
การที่เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าก็เพียงแค่เพราะมารดาของเด็กสาวเคยไปช่วยงานขาวดำที่ตรอกหนีผิงมาสองครั้งเท่านั้น อันที่จริงในเมืองเล็ก เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ขอแค่ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ส่วนใหญ่อะไรที่ช่วยได้ก็มักจะช่วยเหลือกันเสมอ
มารดาของนางบอกว่าคนตระกูลเฉินที่ตรอกหนีผิงล้วนเป็นคนดี แล้วยังบอกอีกว่าเด็กที่ดีขนาดนั้นไม่ควรมีชีวิตที่ยากลำบากปานนั้น
การคุยเล่นในคืนนั้น ประโยคสุดท้ายที่ท่านแม่เอ่ยทำให้สตรีออกเรือนแล้วจดจำได้ขึ้นใจ เด็กคนนั้นยากลำบากเสียจนไม่เหลือความทุกข์ใดให้กล้ำกลืนได้อีกแล้ว ดังนั้นเวลาอยู่กับคนนอกอย่างพวกเราถึงได้มีรอยยิ้มตลอดเวลา
เมืองเล็กบ้านเกิดมีสุภาษิตประโยคหนึ่งบอกว่า ‘ไม่ฆ่าคนมีคุณธรรม’ เป็นการเอ่ยถึงคนคนหนึ่งที่มีมารยาทอย่างยิ่ง ไม่เคยพูดเรื่องผิดถูกของใคร
เฉินผิงอันนั่งอยู่บนขั้นบันได มองเย่ชิงจู๋
เย่ชิงจู๋นึกอยากจะขุดดินแล้วมุดหนีลงไปยิ่งนัก ใต้เท้าอิ่นกวานแห่งภูเขาลั่วพั่วนั่งอยู่ แต่ตนกลับยืน แบบนี้จะไม่ดูเหมือนนางเหยียดตาลงต่ำมองเขาหรอกหรือ? แต่จะให้ตนนั่งลงบนพื้นเลยก็คงไม่เข้าท่ากระมัง
เงยหน้าขึ้นแทบจะเวลาเดียวกับเสี่ยวโม่ มองไปยังม่านฟ้าเหนือภูเขาลั่วพั่ว มีแสงกระบี่เล็กบางเส้นหนึ่งร่วงลงมา
เฉินผิงอันลุกขึ้น ไม่รอให้เขาพูดอะไร เย่ชิงจู๋ก็ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามจิตใต้สำนึก เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่มีอะไร คืนนี้แค่มาพบเหนียงเนียงเทพวารีเท่านั้น เป็นเพื่อนบ้านกันมานานหลายปีก็ยังไม่เคยมาเยี่ยมหา นับว่าไม่ถูกหลักมารยาท วันหน้าไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วของพวกเรา ข้าก็จะพยายามแสดงน้ำใจของเจ้าบ้านอย่างเต็มที่ เลี้ยงเหล้าเหนียงเนียงเทพวารี”
เย่ชิงจู๋อยากพูดมากๆ ว่าข้าไม่ไป
แต่นางก็ยังพยักหน้ารับเงียบๆ
อันที่จริงเฉินผิงอันก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับนางและจวนเทพวารีจริงๆ
สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ยังต้องดูที่ความต้องการของหมี่ลี่น้อย และระหว่างที่เดินมายังศาลเทพวารีแห่งนี้ หมี่ลี่น้อยก็ขมวดคิ้วอยู่ตลอด อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร นี่ก็คือคำตอบแล้ว
เฉินผิงอันกุมหมัดบอกลา
เย่ชิงจู๋รีบยอบกายคารวะ ไม่เพียงแต่ไม่ตาย ยังไม่ถูกซ้อมด้วย
ดูท่าการที่ตนแอบไปจุดธูปขอพรที่ศาลแห่งอื่นยังพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
ส่วนเรื่องไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่ว ก็ง่ายยิ่งนัก ใช้คาถาถ่วงเวลา!
เสี่ยวโม่กลั้นขำ เหนียงเนียงเทพวารีคนหนึ่งกลายมามีสภาพเช่นนี้ได้ คงจะรู้แล้วจริงๆ ว่ารสชาติของความยากลำบากนั้นเป็นเช่นไร
ย้อนกลับไปทางเดิม ไปยังเมืองหงจู๋ เฉินผิงอันก็พลันหัวเราะ
เป็นหนิงเหยาที่พอกลับไปนครบินทะยานแล้วก็ถึงกับให้กวอจู๋จิ่วมาที่ใต้หล้าไพศาล
เฉินผิงอันลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย ถามว่า “คราวหน้าที่เจ้าเฝ้าประตูแล้วเหนียงเนียงเทพวารีมาเป็นแขก จะทำอย่างไร?”
หมี่ลี่น้อยสะบัดแขนเล็กๆ สองข้าง หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “ข้าใจกล้านักล่ะ ต่อให้ยืนอยู่หน้าประตูคนเดียวก็ไม่เป็นไร แล้วยังจะเชิญให้เหนียงเนียงเทพวารีดื่มชาด้วยนะ”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “มีเมล็ดแตงรับรองแขกหรือไม่?”
หมี่ลี่น้อยขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็หัวเราะร่าอย่างว่องไว “คิดอะไรน่ะ ข้าโกรธนานนะ เมล็ดแตงสักเมล็ดก็ไม่มีให้”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จดจำความแค้นขนาดนี้เลยหรือ?”
หมี่ลี่น้อยกระโดดโลดเต้น โคลงศีรษะไปมา ร้องคำรามหนึ่งที ภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้ ข้าดุร้ายมากนัก
ทางฝั่งของเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว มีคนกลุ่มใหญ่มาร่วมชมความครึกครื้น มีเพียงเผยเฉียนที่อึ้งงันไร้คำพูดที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!