เผยเฉียนที่อยู่ด้านข้างลองถามใจตัวเองแล้ว อย่างมากสุดนางก็คงจะแค่คิดถึงเรื่องการตามหาสำเนาได้มากกว่าหวงอีอวิ๋นเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นยังเป็นเพราะอยากจะขนสมบัติไปให้หมดเกลี้ยง อย่างเรื่องที่แม่น้ำลำคลองเปลี่ยนกระแสน้ำ เผยเฉียนย่อมไม่มีทางคิดถึงแน่นอน
ส่วนเซวียไหวนั้นได้แต่ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง สมดังคำกล่าวโบราณที่บอกว่าของเปรียบของมีโยนทิ้ง คนเปรียบกับคนชวนให้คนโมโหตายจริงๆ เรือนอวิ๋นฉ่าวยังคงขาดเสาคานที่แท้จริงไปคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นลำพังแค่ให้อาจารย์เป็นคนค้ำยันหน้าตาของสำนักไว้คนเดียว ทุกด้านล้วนมีอาจารย์เป็นผู้ตัดสินใจ ย่อมเกิดช่องโหว่อย่างเลี่ยงไม่ได้ หากผูซานบ้านตนมีเซียนกระบี่หนุ่มที่จิตใจละเอียดอ่อนราวกับเส้นผมเช่นนี้มานั่งบัญชาการณ์อยู่บนภูเขา คาดว่าคงนอนหนุนหมอนสูงอย่างไร้กังวลได้แล้วจริงๆ
เซวียไหวแอบมองอาจารย์ของตนอย่างไม่กระโตกกระตาก จากนั้นเหลือบมองไปยังเซียนกระบี่ชุดเขียวที่พกดาบ หืม? อาจารย์จะมีโอกาสให้ตนได้เรียกคนบางคนว่า…อาจารย์พ่อบ้างหรือไม่นะ?
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเซียนกระบี่เฉินมีคนรักบนภูเขาแล้วหรือยัง แต่คิดดูแล้วด้วยขอบเขต สถานะและรูปโฉมบุคลิกของเฉินผิงอัน สาวงามคนรู้ใจทั้งบนและล่างภูเขาต้องมีไม่น้อยแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางเป็นสหายรักกับเจียงซ่างเจินได้
เฉินผิงอันหรือจะรู้ว่าอาจารย์เซวียคิดอะไรอยู่ เพียงแค่หันหน้ามายิ้มชวนคุยว่า “ก่อนจะไปถึงผูซาน ได้อ่านนิยายเล่มหนึ่ง ในตำรานอกจากจะมีความรักความแค้นระหว่างตงไห่ฟู่กับชิงหงจวินแล้ว ยังเขียนถึงประสบการณ์การเดินทางของเจินเหรินจากภูเขามังกรพยัคฆ์คนหนึ่งด้วย เนื้อหาในตำรามีจริงเท็จกี่ส่วนกัน?”
เซวียไหวส่ายหน้า “จริงเท็จยากแยกแยะ ไม่มีหลักฐานให้ตามหาแล้ว ในอดีตได้แค่อาศัยข่าวลือเล็กๆ มาจับลมคว้าเงา พยายามตามหาร่องรอยเซียนพวกนั้น น่าเสียดายที่เป็นดั่งการหาม้าตามลายแทง (ค้นหาม้าดีตามลักษณะแบบอย่างหรือรูปภาพที่กำหนดไว้ เปรียบเปรยว่ากระทำสิ่งใดยึดถือข้อความตัวหนังสือ ทำตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์โดยไม่รู้จักพลิกแพลง) ไร้ผลเก็บเกี่ยวใดๆ”
เล่าลือกันว่าเมื่อหลายพันปีก่อนมีเทพเซียนของภูเขามังกรพยัคฆ์คนหนึ่ง ตอนที่ลงจากภูเขาเดินทางมาท่องเที่ยวใบถงทวีปได้เจอกับกากเดนมังกรหลายสิบตัวที่หลงเหลืออยู่บนพสุธาซึ่งมีถ้ำอยู่ข้างวังมังกรเก่าแก่ของลำน้ำใหญ่ พวกมันออกอาละวาดอย่างกำเริบเสิบสาน ทำให้เกิดอุทกภัยไร้ที่สิ้นสุด ผู้สูงศักดิ์หวงจื่อของจวนเทียนซือที่ตอนนั้นยังไม่ได้พิสูจน์มรรคาท่านนี้ประลองปัญญาและความกล้าหาญกับเจียวหลงที่สร้างหายนะให้กับพื้นที่หนึ่ง เขาทำการแบ่งแยกพวกมันออกจากกันแล้วปกครอง สังหารเจียวหลงไปเกินครึ่ง ใช้กระบี่ไม้ท้อปักตรึงเจียวตัวหนึ่งไว้บนหน้าผา ตัดหางเจียวนำมาหลอมเป็นกระบี่ไผ่เขียว หลอมรากฐานภูเขาเป็นโซ่ตรวนมังกร ออกคำสั่งเทียนซือกับมันว่า ภายในพันปีห้ามออกจากภูเขาลูกนี้แม้แต่ครึ่งก้าว นอกจากนี้มีเจียวตัวหนึ่งที่เผ่นหนีไปทั่วทิศ ทว่าเจอแต่ทางตัน สุดท้ายถูกเทียนซือขับไล่ให้เข้าไปอยู่ในอารามเต๋าในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง จำต้องแปลงร่างกลายเป็นห่วงเคาะประตู รับปากเทียนซือว่าจะปกป้องอารามเต๋านานสามร้อยปี
สุดท้ายเทียนซือก็เจาะบ่อโบราณบ่อหนึ่งขึ้นด้วยตัวเอง หลอมต้นไม้เหล็กไว้ด้านข้าง สยบกักขังมังกรชั่วที่เป็นผู้นำไว้ภายใน
จากนั้นเทียนซือถึงได้ไปเยือนวังมังกรลำน้ำใหญ่ ซักไซ้เอาโทษมังกรเฒ่าที่มิอาจควบคุมเจียวหลงทั้งหลายให้ดี บกพร่องต่อหน้าที่ของตัวเอง
มังกรเฒ่าโอดครวญไม่หยุด จำต้องขอร้องหลงจวินที่ดูแลน่านน้ำตลอดทั้งทะเลทักษิณ ว่ากันว่าสุดท้ายแล้วขุนนางของขุนเขาสายน้ำกลุ่มนี้ก็ตีกันไปถึงศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง
นิยายล่างภูเขาของไพศาลมีหัวข้อมากมาย บรรยายถึงความอัศจรรย์พันลึกไว้หลากหลาย คดีประหลาด ภูตจิ้งจอกงดงาม งานแต่งผีเรื่องเล่าเทพ ท่องเที่ยวแดนเซียนพบเจอโฉมสะคราญ…
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ในอนาคตหากอาจารย์เซวียมีโอกาสก็สามารถไปลองเสี่ยงดวงที่ราชวงศ์ต้าเฉวียนดูได้ ลองเริ่มที่คลังเก็บเอกสารของวังหลวงหรือไม่ก็กรมพิธีการ ดูว่าจะสามารถขอยืมอ่านเอกสารคดีได้หรือไม่”
เซวียไหวพยักหน้า “จะทำตามที่เจ้าขุนเขาเฉินบอก หากว่ามีเบาะแสจริงๆ แล้วข้าไม่ทันระวังหาที่ตั้งเก่าของวังมังกรลำน้ำใหญ่แห่งนั้นเจอ ข้าจะต้องแจ้งให้เจ้าขุนเขาเฉินทราบทันที ถึงเวลานั้นเข้าวังมังกรไปหาสมบัติด้วยกัน ผลเก็บเกี่ยวทั้งหมด ภูเขาลั่วพั่วกับผูซานก็แบ่งกันสี่ต่อหก”
เย่อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เซวียไหว เจ้าฝันหวานอะไรอยู่ วันนี้ไม่เหมือนในวันวาน ทุกวันนี้ใต้หล้าไพศาลมีสุ่ยจวินของสี่มหาสมุทรคนใหม่แล้ว ต่อให้ซากปรักพวกนี้โชคดีได้กลับมาพบเจอแสงตะวันอีกครั้งก็ต้องตกเป็นของมังกรที่แท้จริงที่อยู่แจกันสมบัติทวีปตัวนั้นอย่างสมเหตุสมผล เจ้ากล้าละโมบอยากได้สมบัติหนักของวังมังกร ไม่กลัวว่านางจะขึ้นฝั่งมาที่ทะเลทักษิณแล้วเอาผิดเจ้าหรือไร ถึงเวลานั้นพูดจาไม่เข้าหูกันคำเดียวก็บันดาลให้น้ำท่วมทับผูซานแล้ว?”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่อวิ๋นอวิ๋นก็ถามอย่างใคร่รู้ว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ได้ยินมาว่าสถานที่ฝึกตนของมังกรที่แท้จริงตัวนั้นก็ถือถ้ำสวรรค์หลีจูที่ตั้งภูเขาลั่วพั่วพวกท่าน หากพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าท่านกับนางเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันในระยะประชิดเลยน่ะสิ?”
เฉินผิงอันพยักหน้าตอบตามสัตย์จริง “เป็นเพื่อนบ้านกัน”
เย่อวิ๋นอวิ๋นซักถาม “ข้ายังได้ยินมาด้วยว่าสุ่ยจวินของทะเลทักษิณที่เลื่อนขั้นใหม่ท่านนี้ได้เลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานแล้ว เจ้าขุนเขาเฉินสนิทกับนางหรือไม่?”
เมื่อคืนจากลากันที่ศาลา นอกจากจะแอบโมโหแล้ว อันที่จริงเย่อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย นางรีบแก้ไขเรื่องของรายงานภูเขาสายน้ำ ถึงขั้นที่ว่ายังลงจากภูเขาไปเยือนจวนเทพวารีของโค่วเซวี่ยนฉวีรอบหนึ่ง และยังไปที่จวนของชิงหงสุ่ยจวินที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าทะเลด้วย ขอรายงานที่เกี่ยวข้องกับแจกันสมบัติทวีปโดยเฉพาะอย่างยิ่งของภูเขาลั่วพั่วมาปึกใหญ่ ไม่อ่านก็ไม่รู้ พอได้อ่านก็ตกใจสะดุ้งโหยง ถึงได้ค้นพบว่าที่แท้ถ้ำสวรรค์เล็กที่หลังจากปริแตกแล้วหล่นร่วงลงบนพื้นดินก็ได้ลดระดับขั้นกลายเป็นพื้นที่มงคลแห่งนั้น ถึงกับมี ‘ผู้มากพรสวรรค์รุ่นเยาว์’ มากมายขนาดนั้นปรากฏตัว นอกจากสตรีขอบเขตบินทะยานที่เป็นมังกรแท้จริงตัวสุดท้ายบนโลกแล้วยังมีเฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว หลิวเสี้ยนหยางแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียน หม่าขู่เสวียนหนึ่งในตัวสำรองสิบคนรุ่นเยาว์ของหลายใต้หล้า และยังมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาวที่มีนามทางการฝึกตนว่า ‘ช่านหราน’ ฉายา ‘คนวิกลจริต’ …
เฉินผิงอันจึงได้แต่เอ่ยว่า “เป็นเพื่อนบ้านที่บ้านอยู่ติดกัน”
เย่อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตนบนภูเขาที่ต่อให้อยู่ไกลกันนับพันลี้ก็ถือว่า ‘บ้านอยู่ติดกัน’ เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
เฉินผิงอันจึงเอ่ยอย่างจนใจว่า “ความหมายตามตัวอักษร”
เย่อวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายจะไม่ค่อยยินดีพูดถึงมังกรที่แท้จริงตัวนั้นสักเท่าไร นางจึงนึกถึงเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงถามชวนคุยว่า “เจ้าขุนเขาเฉินเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงท่องราตรีของภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือของพวกท่านกี่ครั้งแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันกระอักกระอ่วนยิ่งนัก “ไม่เคยเลยสักครั้ง”
เย่อวิ๋นอวิ๋นรู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองจับผลัดจับผลูได้กอบกู้ศักดิ์ศรีทั้งหมดคืนมาแล้วนะ?
ท่ามกลางฝนเม็ดใหญ่ คนทั้งกลุ่มเดินตามแสงไฟสลัวรางนั้นไป ที่แท้ริมฝั่งก็มีเพิงน้ำชาตั้งอยู่แห่งหนึ่ง กิจการซบเซา ขนาดตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าที่เข้ามาหลบฝนสักคนเดียว ด้านในมีเพียงหญิงชราคนหนึ่งที่พาเด็กสาวซึ่งเป็นหลานสาวมานั่งล้อมกระถางไฟพลางคุยเล่น มองฝนกระหน่ำที่อยู่นอกร้านไปด้วยกัน ไฟในกระถางอบอุ่น กำลังอุ่นเหล้าเหลืองกาหนึ่งที่ใช้ขับไล่ความหนาวเย็น เด็กสาวมองดูแล้วอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี แม้จะสวมเสื้อผ้ามอซอ แต่ผิวพรรณกลับขาวนวลดุจหิมะใบหน้างดงาม ท่วงท่ากิริยาชดช้อย
เฉินผิงอันยืนอยู่หน้าประตูร้านเผิงน้ำชา เขาหมุนตัวกลับ หันหลังให้เพิงน้ำชาก่อน เพื่อสะบัดเม็ดฝนให้หล่นอยู่ข้างนอก
คนทั้งกลุ่มต่างก็เก็บร่มกระดาษน้ำมันที่อยู่ในมือ
แต่เสี่ยวโม่หายไปคนหนึ่ง
เห็นว่ามีลูกค้ามาเยือน แม้จะประหลาดใจเป็นทบทวี หญิงชราก็ยังรีบลุกขึ้นยืนรับรองลูกค้า สอบถามว่าพวกลูกค้าต้องการชาร้อนๆ กี่ถ้วย
เย่อวิ๋นอวิ๋นยิ้มเอ่ยว่าเอามาคนละถ้วยก่อน รอกระทั่งแน่ใจแล้วว่ากิจการมาเยือนจริงๆ เด็กสาวถึงได้ลุกขึ้นยืน เดินออกไปสองสามก้าว ดวงตาเหลือบมองไปทางหนึ่ง ไม่รู้ว่าเห็นอะไรเข้าถึงได้หลุบตาลงยิ้มบางๆ
หญิงชรากับเด็กสาวช่วยกันยกถ้วยชามาวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งลงไปข้างกระถางไฟอีกครั้ง หญิงชรายิ้มถาม “นี่เป็นเพราะปลาเฒ่าเป่าคลื่น พวกลูกค้าไม่ต้องตกอกตกใจไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!