เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่ว่าจะหัวร้อนอยากอวดเก่งเป็นวีรบุรุษ หรือเกิดจากความเห็นแก่ตัว แค่อยากจะรักษาชีวิตรอดเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วหลูอิงผู้ฝึกตนแห่งใบถงทวีปก็ทำเรื่องที่…คนทำ”
เสี่ยวโม่ที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดในลานบ้านใช้เสียงในใจยิ้มเอ่ย “ผู้ฝึกตนเฒ่าผู้นี้มีความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย”
ส่วนเผยเฉียนกลับรวมเสียงให้เป็นเส้นพูดกับอาจารย์พ่อว่า “สภาพจิตใจของหลูอิงมีทัศนียภาพอย่างหนึ่งปรากฎขึ้นในเสี้ยววินาที และมีสตรีที่ใบหน้าพร่าเลือนอีกคนหนึ่ง”
ระหว่างทางที่มา เฉินผิงอันได้ส่งข่าวผ่านห้องกระบี่ของเรือข้ามฟากเฟิงยวน ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวฉบับหนึ่งไปบอกสามเรื่องแก่สำนักศึกษาต้าฝู
ภูเขาลั่วพั่วจะก่อตั้งสำนักเบื้องล่างในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า ขอเชิญให้เฉิงหลงโจวเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษามาร่วมงานพิธี นอกจากนี้ก็สอบถามวิธีการส่งข่าวให้กับจงขุย สุดท้ายก็คือหากหลูอิงผู้ถวายงานแห่งอารามจินติ่งส่งจดหมายลับไปยังสำนักศึกษาต้าฝูบอกว่าตนคือเฝ่ยหราน ทางสำนักศึกษาสามารถบันทึกเรื่องนี้ลงในเอกสารคดี แต่ไม่จำเป็นต้องระดมพลมา ‘ล้อมจับเฝ่ยหราน’ ที่ท่าเรือใบท้อแล้ว
หลูอิงสับสนมึนงง
เขาถือว่าเป็นคนดีเสียที่ไหน ก็แค่ว่าทุกวันนี้อายุมากแล้ว ขอบเขตสูงแล้ว จึงอยากมีชีวิตที่สงบสุขมั่นคงเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นพูดถึงแค่หลังจากที่ตนเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของอารามจินติ่ง เวลาออกเดินทางไกล ผู้ฝึกตนหญิงที่ยินดีที่จะร่วมเรียงเคียงหมอน หรือไม่คนที่อยากจะเปลี่ยนสำนักให้เขามาเป็นอาจารย์ หรือถึงขั้นเป็นพ่อบุญธรรม สองมือนับยังไม่พอ
ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ สิ่งที่ปรารถนาแต่ไม่ได้มาครองมากที่สุด สตรีสองคนที่คิดถึงพะวงหามากที่สุด คนหนึ่งคือหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิง คือสตรีบ้าที่อายุน้อยคนหนึ่ง
และยังมีบรรพจารย์หญิงแห่งอวี้จือก่างที่สร้างหายนะใหญ่เทียมฟ้า ทุกวันนี้คนทั้งใบถงทวีปต่างก็พากันประฌามรุมด่านางอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพียงแต่ว่าหลูอิงไม่เพียงแต่ไม่ด่านาง กลับกันยังตั้งใจไปเยือนซากปรักที่ตั้งของอวี้จือก่าง นั่งยองดื่มเหล้าพึมพำกับตัวเองท่ามกลางซากปรักหักพังแห่งนั้น
เพราะเจ้าคือเซียนซือทำเนียบ เจ้าถึงเป็นเซียนซือทำเนียบ แม้จะโง่ไปสักหน่อย เขลาจนเลอะเลือน แต่เจ้าก็เป็นคนดีนะ
ขว้างกาเหล้าลงบนพื้นอย่างแรง ก่อกำเนิดผู้เฒ่าที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไปทั่วทุกหัวถนนผู้นี้ สุดท้ายแล้วก็เค้นรอยยิ้มที่ไม่เอาการเอางาน หัวเราะหึหึ ปีนั้นอยากจะฉวยโอกาสตอนที่เหล่าบรรพจารย์ของอวี้จือก่างไปร่วมงานพิธีฉลองเปิดขุนเขาที่ยิ่งใหญ่อลังการของสำนักกุยหยก ก็เหวยอิ๋งได้เข้าไปอยู่ในยอดเขาเสินจ้วนนี่นะ เรื่องใหญ่จะตายไป หลูอิงจึงคิดว่าจะมาขโมยยันต์บางส่วนของหอซูอี๋ ผลคือ หึหึ…
ก่อนที่ผู้ฝึกตนเฒ่าจะออกมาจากซากปรัก สุดท้ายได้เอ่ยประโยคหนึ่ง เรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน แอบมองสาวงามโผล่พ้นจากถังน้ำโดยบังเอิญ มองน้อยไปหน่อย แค่เผยให้เห็นลำคอเท่านั้นก็ถูกเจ้าจับได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นถึงวันนี้จะต้องจดจำเจ้าได้ชัดเจนยิ่งกว่านี้เป็นแน่
ริ้วน้ำพลันกระเพื่อมไหว ไอน้ำลอยอบอวล ผู้เฒ่าท่าทางสง่างามสวมกวานสูงรัดเข็มขัดหยกคนหนึ่งเผยกาย ก็คือเฉิงหลงโจวเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาต้าฝูในทุกวันนี้ อดีตเจียวเฒ่าแห่งแคว้นหวงถิง อดีตรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาหลินลู่ภูเขาพีอวิ๋น
เฉินผิงอันเก็บกระบอกยาสูบ ลุกขึ้นประสานมือคารวะเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาท่านนี้
เฉิงหลงโจวคารวะกลับคืน
หากเฉินผิงอันเป็นแค่เจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่ว ตอนที่ได้รับจดหมายลับจากหลูอิง ต่อให้เฉินผิงอันจะยังเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเหวินเซิ่งด้วย เฉิงหลงโจวก็ยังไม่กล้าประมาท ทว่าเซียนกระบี่หนุ่มผู้นี้ยังมีอีกสถานะหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เฉิงหลงโจวจึงได้แต่มาเยือนเพียงลำพัง
ทว่าเรื่องนี้สำนักศึกษาจะยังทำอย่างที่เฉินผิงอันกล่าวไว้ในจดหมาย นั่นคือต้องบันทึกลงเอกสารลับ อีกทั้งเฉิงหลงโจวก็ได้ส่งจดหมายแจ้งข่าวไปที่ศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง รายงานเรื่องนี้อย่างครบถ้วนกระบวนความในทันทีแล้ว
เห็นผู้เฒ่าที่สวมกวานสูงรัดเข็มขัด ตรงเอวห้อยหยกพกชิ้นนั้น หลูอิงก็สับสนไปอย่างสิ้นเชิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เฉิงหลงโจวยิ้มกล่าว “คนฉลาดกลับตกเป็นเหยื่อของความฉลาด เฉาโม่ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าผู้นี้ไม่ใช่เฝ่ยหรานอะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าเจ้าจะเข้าใจผิดต่อไปก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นว่าข้ามีชาติกำเนิดจากเผ่าปีศาจ ดังนั้นจึงสมคบคิดกับ ‘เฝ่ยหราน’ ผู้นี้มานานมากแล้ว เจ้าจึงไม่ควรส่งจดหมายไปที่สำนักศึกษาต้าฝูเลย”
หลูอิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
ต่อให้ตนไม่เชื่อใจตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ยังเชื่อในสายตาของศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง
มีทั้งปรมาจารย์มหาปราชญ์ มีทั้งหลี่เซิ่งหย่าเซิ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่ทุกวันนี้ยังมีเหวินเซิ่งเพิ่มมาอีกคน
เฉิงหลงโจวโยนรายงานขุนเขาสายน้ำฉบับหนึ่งให้กับหลูอิง “ลองอ่านเอาเองเถอะ คำตอบอยู่ในนั้นแล้ว”
หลูอิงพลิกเปิดไปมา กลัวว่าจะพลาดไปแม้แต่ตัวอักษรเดียว เพียงแต่ว่าอ่านไปแล้วสองรอบก็ยังไม่เข้าใจว่าเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาผู้นี้คิดจะให้ข้าผู้อาวุโสอ่านอะไรกันแน่?
ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเฉาโม่แม้แต่คำเดียว
หากจะบอกว่าเฉาโม่เป็นนามแฝง แล้วอย่างไร จะบอกว่าไม่ใช่เฝ่ยหรานแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง แต่เป็นเหวยอิ๋งเซียนกระบี่ใหญ่แห่งสำนักกุยหยกหรือ? ดังนั้นถึงได้เดินเคียงบ่าอยู่กับเจียงซ่างเจิน
ไม่อย่างนั้นก็เป็นคนต่างถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่าง…เฉินผิงอัน?
ฟันนครเซียนจานในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง กระชากลำคลองเย่ลั่วจากปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เฟยเฟย จากนั้นเคลื่อนย้ายภูเขาทัวเยว่ สุดท้ายสังหารลูกศิษย์คนแรกของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานไปคนหนึ่ง?
หากว่าใช่จริงๆ
ข้าผู้อาวุโสจะลงไปคุกเข่าโขกหัวให้เดี๋ยวนี้เลย
ถึงอย่างไรหากเล่าลือออกไปก็เป็นเรื่องเล่าที่งดงามเรื่องหนึ่ง
เฉิงหลงโจวกล่าว “แม้ว่าเฉาโม่จะไม่ใช่เฝ่ยหราน แต่เจ้าไม่ได้เลือกสมคบคิดกับคนที่เจ้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็น ‘เฝ่ยหรานแห่งเปลี่ยวร้าง’ กลับกันยังยอมเสี่ยงอันตรายเปิดเผยความลับนี้ สำนักศึกษาต้าฝูจะจดลงบันทึกเอาไว้ ทั้งยังจะไม่ป่าวประกาศแก่ภายนอก รอแค่เมื่อใดที่เจ้าต้องการคุณความชอบนี้ ยกตัวอย่างเช่นสามารถนำไปใช้ชดเชยความผิด เพียงแค่ว่าคำพูดไม่น่าฟังต้องเอามาพูดกันก่อน ความผิดบางอย่างย่อมไม่อาจเอาความดีความชอบมาใช้ทดแทนกันได้ เจ้าลองชั่งน้ำหนักเอาเองแล้วกัน”
หลูอิงรีบแสร้งทำท่าประสานมือคารวะขอบคุณเจ้าขุนเขาเฉิงทันใด
เฉินผิงอันเดินมาถึงลานบ้านเป็นเพื่อนเฉิงหลงโจว อารมณ์ของเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาท่านนี้ซับซ้อนอย่างมาก
ปีนั้นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายพบเจอกัน อีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่พกมีดผ่าฟืนสวมรองเท้าสาน ตากแดดจนตัวดำเกรียมเหมือนถ่าน เพียงแต่ว่าแม้เด็กหนุ่มจะผ่ายผอม แต่กลับให้ความรู้สึกว่าเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เรียกได้ว่าภายนอกอ่อนโยนแต่ภายในเปี่ยมไปด้วยความเป็นธรรมอย่างเคร่งครัด
เฉิงหลงโจวยิ้มเอ่ย “เดินมาจนถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เหมือนกันนั่นแหละ”
ผู้เฒ่าแบฝ่ามือออก ซิ่วไฉเฒ่าที่ปีนั้นไม่ใช่เหวินเซิ่งอีกต่อไปได้มอบตัวอักษรสีทองตัวหนึ่งให้เขา
คล้ายเป็นคำปริศนา
ฝู
ฝูจากคำว่าจำศีล หรือก็คือฝูจากคำว่าสำนักศึกษาต้าฝูในทุกวันนี้
เฉินผิงอันถาม “หยางผู่ของสำนักศึกษาพวกท่าน ทุกวันนี้ยังไม่ได้เป็นนักปราชญ์อีกหรือ?”
ตอนนั้นที่อยู่ซากปรักภูเขาไท่ผิง หยางผู่ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของสำนักศึกษาอยู่เฝ้าหน้าประตูภูเขานานถึงสามปีเต็ม ไม่เพียงแต่ถูกคนดูแคลน ยังเท่ากับว่าผูกปมแค้นกับกองกำลังมากมายบนภูเขา อีกทั้งหยางผู่ยังไม่ได้รับคำสั่งมาจากสำนักศึกษาด้วย เพียงแค่เพราะหัวร้อน ไม่คิดสนใจสิ่งใดก็ไปเฝ้าประตูให้กับภูเขาไท่ผิง เวลานั้นตำแหน่งเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาต้าฝูยังว่างอยู่ เป็นหยางผู่ที่ไปอยู่ที่นั่นระยะเวลาหนึ่งแล้วเฉิงหลงโจวถึงได้มารับตำแหน่ง จากนั้นสำนักศึกษาถึงได้ช่วยหนุนหลังให้หยางผู่อย่างแท้จริง
เฉินผิงอันที่อยู่หน้าประตูภูเขาไท่ผิงได้เจอกับโอสถทองหนึ่งคน ก่อกำเนิดหนึ่งคน หยกดิบหนึ่งคน และเซียนเหรินหนึ่งคนตามลำดับ
หลีเจินลูกศิษย์คนสุดท้ายของบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ หันอวี้ซู่เซียนเหรินแห่งสำนักว่านเหยาของพื้นที่มงคลสามภูเขา
สองคนนี้ต่างก็เป็นนายทุนใหญ่อันดับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!