กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 900

ก่อนหน้านี้​อยู่​ใน​ศาล​เทพ​แห่ง​ผืนดิน​ จากนั้น​เดินเล่น​จน​มาถึงที่นี่​

ใน​เมือง​มีกลิ่นอาย​ไพศาล​อยู่​เสี้ยว​หนึ่ง​

ถึงได้​ทำให้​วิญญาณ​หยิน​มากมาย​สามารถ​รักษา​สติสัมปชัญญะ​ที่​แจ่มใสเอาไว้​ได้​ ไม่ถึงกับ​ตก​กลาย​ไป​เป็น​ผี​ร้าย​

น่าจะเป็น​ฝีมือ​ตระกูล​เซียน​ของ​เด็กหนุ่ม​ชุด​ขาว​คน​นั้น​

เจ้าอ้วน​คว้า​เมล็ด​ถั่วเหลือง​หนึ่ง​กำมือ​ยัด​ใส่ปาก​เคี้ยว​กร้วม​ๆ จากนั้น​กรอก​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ เงยหน้า​กระดก​ดื่ม​อึก​ๆๆ แล้ว​กลืน​ลง​ไป​รวดเดียว​คล้าย​กับ​มัน​เป็น​น้ำเปล่า​ที่​ใช้บ้วนปาก​ “จงขุย​ ทำไม​ถึงไม่บอก​กับ​พี่น้อง​เฉิน​ไป​ตามตรง​ พูด​กัน​อย่าง​ตรงไปตรงมา​ ขอให้​เขา​ช่วย​ก็ได้​แล้ว​”

จงขุย​หยิบ​กล่อง​ไม้ใบ​นั้น​ออกจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​มาวาง​ไว้​บน​หัวเข่า​ เปิด​กล่อง​ไม้ออก​เบา​ๆ ด้านใน​บรรจุ​เงิน​เทียน​ซือ​พิฆาต​ผี​ไว้​หนึ่ง​ชุด​ “แค่​พบ​หน้า​กัน​ก็​จะขอให้​คน​เขา​ช่วย​เลย​ได้​อย่างไร​ ใน​ใจรู้สึก​ไม่ดี​หรอก​”

จงขุย​หยิบ​เหรียญ​หนึ่ง​ใน​นั้น​ขึ้น​มา เป่า​ลมใส่​ ใช้ชาย​แขน​เสื้อ​เช็ด​ “แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​การ​สร้าง​สำนัก​เบื้องล่าง​คือ​เรื่อง​น่ายินดี​ที่​ใหญ่​เทียมฟ้า​ เรื่อง​ที่​ข้า​จะทำ​ หา​กลอง​เปลี่ยนเป็น​เจ้าที่​ได้ยิน​จะไม่รู้สึก​อัปมงคล​หรอก​หรือ​?”

เจ้าอ้วน​หัวเราะ​ฮ่าๆ “คง​กลัว​ว่า​จะถูก​ปฏิเสธ​แล้​วจะ​ขายหน้า​มากกว่า​กระมัง​?”

เห็น​ว่า​จงขุย​เคลื่อน​สายตา​มามอง​ เจ้าอ้วน​ก็​รีบ​เอ่ย​แก้ไข​ทันที​ “ทำตัว​ห่างเหิน​เกินไป​แล้ว​ พวกเรา​สอง​คน​คือ​ใคร​กับ​ใคร​ คน​ที่​ต่อให้​ตาย​ก็​ยัง​ต้องการ​ศักดิ์ศรี​อย่าง​ข้า​ อยู่​กับ​เขา​ก็​ยัง​เปิดเผย​ความรู้สึก​ที่​แท้จริง​ออกมา​ไม่ใช่หรือ​”

จงขุย​เอ่ย​ “อันที่จริง​ก็​เพราะ​รู้​ว่า​เขา​จะต้อง​ตอบ​ตกลง​ อีก​ทั้ง​ยัง​ไม่ลังเล​เลย​แม้แต่น้อย​ ข้า​ถึงได้​ลำบากใจ​ คิด​ไม่ตกว่า​ควรจะ​เปิดปาก​หรือไม่​ หรือ​จะเปิดปาก​เมื่อไหร่​”

เจ้าอ้วน​ทอดถอนใจ​ “เข้าใจ​ๆ ก็​เหมือน​ข้า​ตอนที่​ได้​พบ​พี่น้อง​เฉิน​ก็​ไม่ได้​เปิด​ปากขอ​ตำแหน่ง​เค่อ​ชิงผู้​ถวายงาน​อะไร​จาก​เขา​ พวกเรา​สอง​พี่น้อง​ต่าง​ก็​หน้าบาง​ อันที่จริง​ออกจาก​บ้าน​มาอยู่​ข้างนอก​ ทำตัว​แบบนี้​จะเสียเปรียบ​อย่าง​มาก​”

จงขุย​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ “คน​กลุ่ม​นี้​ถึงกับ​กล้า​มาค้างคืน​ใน​เมือง​ ไม่ต้องการ​ชีวิต​กัน​แล้ว​หรือ​ไร​?”

เจ้าอ้วน​ยิ้ม​เอ่ย​ “พวกเขา​จะรู้เรื่อง​วงใน​ได้​อย่างไร​ เพราะ​การดำรงอยู่​ของ​สิ่งนี้​ จึงรู้สึก​แค่​ว่า​สถานที่​แห่ง​นี้​ปลอดภัย​ ไม่รู้​เลย​ว่า​ตัวเอง​ได้​เดิน​ไป​บน​เส้นทาง​น้ำพุ​เหลือง​แล้ว​”

ใน​นคร​ผี​แห่ง​นี้​ คง​เป็น​เพราะ​ปราณ​ดุร้าย​เข้มข้น​เกินไป​ ไม่ทัน​ระวัง​จึงบ่ม​เพาะ​ให้​เกิด​ผี​ที่​กิน​ผี​ตน​หนึ่ง​ขึ้น​มา เมื่อ​เทียบ​กับ​พวก​ผี​ร้าย​ใน​เรือน​มืด​ ราชา​ผี​ตาม​ซาก​ปรัก​ทั่วไป​แล้ว​ดุร้าย​กว่า​มาก​นัก​ ปัญหา​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ยัง​เป็น​เพราะ​ผี​ตน​นี้​คล้าย​กับ​ตัวอ่อน​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ที่​คุณสมบัติ​โดดเด่น​คน​หนึ่ง​ ไม่ถึงสิบ​ปี​ก็​อาศัย​การกลืน​กิน​พวก​เดียวกัน​แอบ​สร้าง​โอสถ​ทอง​ได้​สำเร็จ​แล้ว​ อีก​ทั้ง​ยัง​ทำ​อะไร​ระมัดระวัง​ จึงไม่เคย​ถูก​ผู้ฝึก​ตน​หา​ตัว​เจอ​ หากว่า​วันนี้​มัน​ได้​กิน​คน​บน​โลก​มนุษย์​กลุ่ม​ใหญ่​ไป​อีก​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ที่​หล่อเลี้ยง​บำรุง​จิตวิญญาณ​และ​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ที่​เลือด​ลม​โชติช่วง​ แล้ว​ปล่อย​ให้​มัน​ได้​ตำรา​ลับ​วิถี​ผี​ไป​อีก​สัก​สอง​สามบท​ หึ​ คาด​ว่า​ไม่ถึงสามสิบ​ห้าสิบ​ปี​ก็​คง​ทำสำเร็จ​ได้​แล้ว​ จากนั้น​ค่อย​หลอม​เมืองผี​แห่ง​หนึ่ง​เป็น​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​ตนเอง​ ก็​เท่ากับ​ว่า​มัน​จะสามารถ​เดินทาง​ตอนกลางวัน​ได้​อย่าง​ไร้​อุปสรรค​ เปลี่ยน​เนื้อหนังมังสา​ของ​มนุษย์​เสีย​ใหม่​ คิด​จะตามหา​ร่องรอย​มัน​ให้​พบ​ก็​ยาก​เหมือน​งมเข็มในมหาสมุทร​แล้ว​

ไม่อย่างนั้น​จงขุย​ก็​คง​ไม่มีทาง​พา​นาย​ท่าน​ใหญ่​กู​ซูมาหยุด​อยู่​ที่นี่​

กำจัด​ปีศาจ​ปราบ​มาร​ เป็น​ความรับผิดชอบ​ที่​มิอาจ​เลี่ยง​ได้​

จงขุย​ดื่มเหล้า​ไป​หนึ่ง​กา​ บอก​ให้​เจ้าอ้วน​เก็บ​จาน​กับแกล้ม​แล้ว​กระโดด​ลง​ไป​เบา​ๆ เหมือน​นก​ที่​บิน​โฉบ​ออกจาก​ห้องโถง​ กระโดด​พลิ้ว​ไป​บน​สันหลังคา​ของ​สิ่งปลูกสร้าง​ จากนั้น​พลัน​ทิ้งตัว​ลง​ไป​ นั่งลง​บน​ระเบียง​คน​งามที่อยู่​นอก​ห้อง​หอ​ส่วนตัว​ของ​สตรี​ มอง​ไกลๆ​ ไป​เห็น​ว่า​ใน​ลาน​เรือน​ของ​หอ​หนังสือ​แห่ง​หนึ่ง​มีพวก​คน​ที่มา​เก็บตก​ของดี​ มีจำนวน​รวม​หลาย​สิบ​คน​ ครึ่งหนึ่ง​กำลัง​ขุด​ดิน​ของ​ที่​แห่ง​นี้​ลง​ลึก​สามฉื่อ​ คนอื่นๆ​ ต่าง​ก็​กำลัง​ค้น​ห้องใต้ดิน​ บ่อน้ำ​แห้งขอด​และ​ห้อง​ลับ​ที่​แทรก​อยู่​ตาม​กำแพง​ ทุกคน​ยุ่ง​วุ่นวาย​กัน​อย่าง​มาก​ ใน​บรรดา​คน​เหล่านี้​มีทั้ง​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ครึ่งๆ กลางๆ​ แล้วก็​มีทั้ง​ผู้ฝึก​ยุทธ​ใน​ยุทธ​ภพ​ ฝ่าย​หลัง​ส่วนใหญ่​ล้วน​สวม​เสื้อเกราะ​ ล้วน​มีอาวุธ​อยู่​ติดตัว​ บ้าง​ก็​เป็น​ธนู​สะพาย​หลัง​ หน้าไม้​ หรือไม่​ก็​พก​กระบี่​เหรียญทองแดง​ และ​ยังมี​คน​ที่​สะพาย​ถุงข้าวเหนียว​กับ​เลือด​หมา​ดำ​ไว้​ด้วย​ มีผู้ฝึก​ตน​ผูก​กระดิ่ง​ไว้​ที่​เอว​ ใน​มือถือ​กระจกส่อง​มาร​ เห็นได้ชัด​ว่า​เตรียมตัว​มาดี​

ด้านนอก​ยังมี​รถเข็น​ล้อ​เดียว​จอด​ไว้​อยู่​หลาย​คัน​ เนื่องจาก​ไม่ว่า​จะตี​ให้​ตาย​อย่างไร​ ลา​และ​ม้าก็​ไม่กล้า​เข้ามา​ใน​เมือง​แห่ง​นี้​

ขุด​เจอ​เงิน​เจ็ด​แปด​ไห​ก็​ส่งเสียง​ไชโย​โห่ร้อง​ดัง​ปาน​เสียง​ฟ้าผ่า​

คนหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ใบหน้า​เหลือง​แห้ง​ตอบ​พลัน​เอ่ย​ว่า​ “สามารถ​ลอง​ขุด​ให้​ลึก​ลง​ไป​อีก​สัก​จั้งสอง​จั้งได้​”

และ​พอ​ขุด​ลึก​ลง​ไป​หนึ่ง​จั้งก็​เจอ​ไห​ที่​ฝังอยู่​ใต้ดิน​มากกว่า​เดิม​จริง​ดัง​คาด​ พอ​เปิด​ออก​ก็​มีแต่​ไข่มุก​อัญมณี​ที่​มีค่า​มาก​ยิ่งกว่า​

เจ้าอ้วน​หัวเราะ​หึหึ​ “ดู​จาก​รูปร่าง​ของ​จวน​หลัง​นี้​ ก่อน​จะลา​ออกจาก​ราชการ​กลับ​บ้านเกิด​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​น่าจะเป็น​ขุนนาง​ขั้น​สามใน​เมืองหลวง​ที่อยู่​ใน​ศูนย์กลาง​ของ​ราชสำนัก​ ช่างเป็น​นาย​ท่าน​ขุนนาง​ที่​สูงศักดิ์​จริงๆ​ หาก​โชคดี​ได้​เป็น​ขุนนาง​ที่รัก​ของ​กว่า​เห​ริน​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ควรจะ​ได้รับ​สมญานาม​ตามหลัง​ด้วย​อักษร​คำ​ว่า​เห​วิน​เลย​ทีเดียว​”

ทาง​ฝั่งของ​ลาน​ใน​บ้าน​หลัง​นั้น​ สตรี​หน้าตา​งดงาม​อายุ​ประมาณ​สามสิบ​ปี​คน​หนึ่ง​เรือน​กาย​ค่อนข้าง​เตี้ย​ แต่​รูปโฉม​กลับ​งามชวน​ตะลึง​ ผิวพรรณ​ขาวสะอาด​ แล้วก็​เพราะ​นาง​สวม​ชุด​รัดรูป​เอว​สั้น​ จึงยิ่ง​ทำให้​เห็น​ทรวดทรง​องค์​เอว​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ ผิว​ของ​นาง​ขาว​ยิ่งกว่า​หิมะ​ เห็น​เพียง​ว่า​ดวงตา​ของ​นาง​ฉ่ำน้ำ​แวววาว​ พูด​ด้วย​น้ำเสียง​นุ่มนวล​ว่า​ “กู่​ชิว​ เจ้าเก่ง​จริงๆ​ ผล​เก็บเกี่ยว​ใน​วันนี้​เจ้าจะได้​เพิ่มเติม​ไป​อีก​หนึ่ง​ส่วน​”

คนหนุ่ม​ประสานมือ​คารวะ​ขอบคุณ​สตรี​ผู้​นั้น​

เจ้าอ้วน​นอน​ฟุบ​อยู่​บน​ราว​ระเบียง​ของ​เก้าอี้​คน​งาม ยืด​คอ​ยาว​ออก​ไป​ สอง​ตา​เปล่งประกาย​ พึมพำ​เบา​ๆ ว่า​ “พี่สาว​คน​นี้​ ทั้ง​หน้าตา​และ​บุคลิก​ล้วน​โดดเด่น​เหนือ​ผู้ใด​จริงๆ​ ทำให้​กว่า​เห​ริน​เห็น​แล้ว​ลืม​ความ​ธรรมดา​สามัญไป​เลย​”

คนอื่นๆ​ ใน​จวน​ก็​พา​กัน​มาที่​ลานบ้าน​แห่ง​นี้​ มีคน​หนึ่ง​กอด​น้ำเต้า​ลูก​ใหญ่​ยักษ์​วาด​เป็น​รูป​เปลวเพลิง​ไว้​ใบ​หนึ่ง​ ประเด็นสำคัญ​คือ​ยังมี​ก้าน​จับ​ด้วย​ ระดับ​ขั้น​ดีเยี่ยม​ เขา​ยิ้ม​ถามสตรี​ผู้​นั้น​ว่า​ “ฮูหยิน​ ของเล่น​ชิ้น​นี้​ใช่วัตถุ​วิเศษ​ที่​เทพ​เซียน​อย่าง​พวก​ท่าน​ใช้กัน​หรือไม่​?”

สตรี​เหลือบตา​มอง​มา ใต้​หล้า​นี้​ไหน​เลย​จะมีวัตถุ​วิเศษ​บน​ภูเขา​มากมาย​ขนาด​นี้​ จึงเอ่ย​อย่าง​ไม่สบอารมณ์​ว่า​ “มีเพียง​พวก​คนรวย​ที่​กิน​อิ่ม​แล้ว​ไม่มีอะไร​ทำ​เท่า​นั้นแหละ​ถึงจะเห็น​มัน​เป็น​สมบัติ​ มีค่า​กี่​อีแปะ​ เจ้าก็​ต้อง​ถามกู่​ชิว​ดู​ เขา​เป็น​ผู้เชี่ยวชาญ​ใน​เรื่อง​นี้​”

คนหนุ่ม​เอ่ย​ “หา​ปัญญาชน​ที่​มอง​ของ​ออก​สัก​คน​หนึ่ง​ บางที​อาจ​มีค่า​สัก​สามสี่ร้อย​ตำลึง​เงิน​ แต่​หาก​เป็นที่​ท่าเรือ​ตระกูล​เซียน​ ราคา​นี้​ย่อม​ขายไม่ออก​”

คน​ผู้​นั้น​จึงมอง​สตรี​ ยื่น​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​ หัวเราะ​ร่า​ลูบไล้​ไป​ตาม​น้ำเต้า​ แล้ว​ถึงได้​ขว้าง​น้ำเต้า​ออก​ไป​จน​มัน​ลอย​ไป​กระแทก​ผนัง​อย่าง​แรง​

สตรี​ตวัด​ตา​มอง​ค้อน​ “คนบ้า​”

ใน​ใจของ​คนหนุ่ม​รู้สึก​เสียดาย​อย่างยิ่งยวด​ แต่กลับ​ไม่กล้า​พูดมาก​แม้แต่​ครึ่ง​คำ​

สีหน้า​ของ​สตรี​ฉายแวว​ลำพองใจ​ ตน​เก็บ​สมบัติ​กลางทาง​มาได้​เปล่าๆ​ จริง​เสีย​ด้วย​ ไม่เสียแรง​ที่​คนหนุ่ม​เป็น​ลูกหลาน​ใน​ตระกูล​ของ​หน่วย​ทอผ้า​ใน​หนึ่ง​แคว้น​ สายตา​ดีเยี่ยม​ ไม่อย่างนั้น​พวกเขา​เข้า​เมือง​มาครั้งนี้​ก็​มีแต่​จะเป็น​แมลงวัน​ไร้​หัว​ที่​พุ่งชน​ไป​ทั่ว​ คาด​ว่า​ผล​เก็บเกี่ยว​ที่​ได้​อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ต้อง​ลดลง​ครึ่งหนึ่ง​

มีคน​ถือ​ถุงป่าน​ขนาดใหญ่​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​บันได​ขั้น​ล่าง​สุด​ ค้น​ๆ พลิก​ๆ อยู่​พัก​หนึ่ง​ ให้​กู่​ชิวต​รวจ​สอบราคา​ ถ้ามีค่า​ก็​เก็บ​ไว้​ ไม่มีค่า​ก็​โยน​ให้​แตก​

เขา​หยิบ​เครื่องกระเบื้อง​ปากกว้าง​ชิ้น​หนึ่ง​ออกมา​ วาด​เป็น​ลวดลาย​ดอกบัว​สีชมพู​กับ​นกกระยาง​ ไม่รู้​ว่า​เอาไว้​ใช้ทำ​อะไร​ เพียงแต่ว่า​มองดู​แล้ว​คล้าย​จะมีค่า​ จึงถามคน​หนึ่ง​ว่า​ “คือ​แจกัน​ดอกไม้​หรือ​?”

“กระโถน​”

“หมายถึง​อะไร​?”

“ไม่มีค่า​”

บันได​ขั้น​บนสุด​มีชายฉกรรจ์​ร่าง​กำยำ​สวม​เสื้อเกราะ​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ฮวา​หลี​ สอง​มือ​ค้ำ​ยัน​ด้าม​ดาบ​ บน​ใบหน้า​มีรอย​แผลเป็น​ลาก​ยาว​ รูปโฉม​จึงดู​ดุร้าย​ เท้า​เหยียบ​อยู่​บน​กลอน​คู่​ไม้หนาน​มู่ที่​เหลืออยู่​แค่​อัน​เดียว​ ก่อนหน้านี้​กู่​ชิว​บอ​กว่า​ของ​สิ่งนี้​มีค่า​มาก​ เป็น​ลายมือ​ของ​ปรมาจารย์​ใน​วงการ​ประพันธ์​ท่าน​หนึ่ง​ใน​รัช​สมัยก่อน​ของ​ราช​วงศ์สกุล​อวี๋​ หาก​อยู่​ครบ​เป็น​คู่​ อย่าง​น้อย​ก็​ขาย​ได้​ห้า​หกร้อย​ตำลึง​เงิน​ ชายฉกรรจ์​ทน​รับ​การ​ส่งสายตา​ไปมา​ให้​แก่​กัน​ระหว่าง​สตรี​บ้าน​ตน​กับ​เจ้าเด็ก​หน้า​ขาว​ผู้​นี้​ไม่ได้​มาก​ที่สุด​ จึงยก​เท้า​กระทืบ​มัน​จน​แตก​ยับ​

ชายฉกรรจ์​มอง​สีท้องฟ้า​ เอ่ย​เสียงทุ้ม​หนัก​ “กลับกัน​ได้​แล้ว​”

กลุ่ม​ของ​พวกเขา​มาถึงเขตการปกครอง​เก่า​แห่ง​นี้​ตอน​เข้าสู่​ช่วง​หน้าร้อน​ของ​ปี​นี้​ ตามหา​ของเหลือ​ที่​หล่น​ออกจาก​ปาก​ของ​พวก​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​หลาย​กลุ่ม​ เป็นเรื่อง​น่ายินดี​ที่​ไม่คาดฝัน​ ราบรื่น​อย่าง​มาก​ เมื่อ​เทียบ​กับ​คน​ร่วม​อาชีพ​ที่​เจอ​กับ​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​มากมาย​ใน​เมืองผี​แห่ง​อื่น​ มีคนตาย​ไป​แล้ว​ไม่น้อย​ พวกเขา​กลับ​ยัง​ไม่มีความเสียหาย​ใหญ่​อะไร​ ใน​นคร​มีเพียงแค่​ผี​เร่ร่อน​ที่​ป้วนเปี้ยน​ไปมา​ยามค่ำคืน​เท่านั้น​ พวกเขา​เลือก​ศาล​เทพ​อภิบาล​แห่ง​หนึ่ง​ใน​เขตการปกครอง​เป็นที่​พักพิง​ ตอนกลางคืน​พวก​ผี​ก็​ไม่ค่อย​กล้า​เข้าใกล้​

แต่​ผ่าน​ไป​แล้ว​ครึ่ง​ปี​ หาก​หักลบ​ทุกอย่าง​ออก​เป็น​เงิน​เทพ​เซียน​แล้ว​ล่ะ​ก็​ เท่ากับ​ว่า​ได้เงิน​ฝน​ธัญพืช​มาเหรียญ​หนึ่ง​แล้ว​

จงขุย​เหลือบมอง​บ้านเล็ก​หลัง​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​เมือง​ มีเด็กสาว​คน​หนึ่ง​ยืน​เอนกาย​พิง​ต้น​ท้อ​เพียงลำพัง​ ใบหน้า​ของ​นาง​งดงาม​ดุจ​ดอก​ท้อ​

ช่วง​ปลาย​ฤดูหนาว​เช่นนี้​ ดอก​ท้อ​กลับ​ผลิบาน​เต็ม​กิ่งก้าน​ แน่นอน​ว่า​ไม่สมเหตุสมผล​ ดูเหมือน​เด็กสาว​จะสัมผัส​ได้​ถึงสายตา​ของ​จงขุย​ ด้วย​เขินอาย​จึงเดิน​นวยนาด​จากไป​ ตอนที่​นาง​เลิก​ผ้าม่าน​ขึ้น​ได้​หัน​กลับมา​แสยะ​ยิ้ม​ให้​เขา​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!